xs
xsm
sm
md
lg

3 ขี้ข้า มท.ดาหน้าฉะม็อบต้านล้างผิดใช้คดีพระวิหารล้มรัฐ หนุนแดงชุมนุม ปัดเผชิญหน้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จารุพงศ์  เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย(แฟ้มภาพ)
3 รมต.มท.รุมจวกกลุ่มต้านล้างผิด มท.1 อ้างรู้อยู่แล้วจ้องล้มรัฐ บิดเบือนเจตนารัฐยอมถอนร่าง หวังใช้คำตัดสินพระวิหารเป็นเงื่อนไขดาบสอง ชี้เสียหายต้องช่วยรับผิดชอบ-มท.2 หนุนนายกฯ ทำถูก ชี้ฝ่ายตรงข้ามบิดเบือน สั่ง ขรก.มท.กล่อม ปชช.อย่าร่วมชุมนุม รับแดงเคลื่อนไหวปัดม็อบชนม็อบ ย้ำใช้ปมพระวิหารเพิ่มกระแส เชื่อเจอตีกลับ ไล่ ขรก.ฝืนระเบียบร่วมชุมนุมไปอยู่ ปชป. มท.3 ขู่ กทม.ครั้งสุดท้ายหยุดหนุนม็อบ ไม่ฟังขู่เสนอปลด แต่แดงชุมนุมเป็นสิทธิทำได้


วันนี้ (8 พ.ย.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ได้ยกระดับการชุมนุมจากการคัดค้านกฎหมายเป็นการขับไล่รัฐบาลว่า รัฐบาลทราบมาตลอดว่าฝ่ายตรงข้ามต้องการอะไร การถอนร่างกฎหมายออกจากสภาทั้งหมดเป็นการแสดงเจตนารมณ์ไม่ต้องการให้บ้านเมืองแตกแยกหรือสงครามการเมือง ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองขัดแย้งเหมือนที่ผ่านมา แต่เจตนารมณ์ของรัฐบาลยังคงโดนบิดเบือน เป้าประสงค์ของแกนนำไม่ได้ต้องการแค่การถอนร่างกฎหมาย

นายจารุพงศ์กล่าวอีกว่า แสดงว่าที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวตั้งแต่เริ่มต้องไม่ใช่การค้านนิรโทษกรรม เพราะรัฐบาลยอมแล้ว ยอมจนทะเลาะกับรัฐบาลแต่ฝ่ายตรงข้ามก็ยังไม่ยอม การขีดเส้นตายให้รัฐบาลถอนกฎหมายในวันที่ 11 พ.ย.เพื่อให้สอดรับกับการมีคำพิพากษาของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารเพราะหากคำพิพากษาเป็นผลเสียจะได้ใช้เป็นเงื่อนไขในการขับไล่รัฐบาล

“ไทยกับเขมรไม่มีมีปัญหาอะไรแต่เพราะต้องการจัดการนายนพดล ปัมทะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในครั้งนั้นจึงไล่นายนพดลออกจากรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ด้วยเรื่องนี้ สุดท้ายสิ่งที่เขาก่อไว้ทำให้เขมรไม่มีทางเลือกตั้องไปร้องศาลโลก ถ้าเรื่องนี้สุดท้ายเกิดความเสียหายขอบอกว่าถ้าคิดแบบสุภาพบุรุษ รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กับรัฐบาลนี้ต้องรับผิดชอบคนละครึ่ง ไม่ใช่โทษรัฐบาลนี้แล้วมาล้มรัฐบาล” นายจารุพงศ์กล่าว

นายจารุพงศ์กล่าวอีกว่า ขอให้คนที่ชุมนุมเข้าใจว่าเหตุผลของการชุมนุมคือกฏหมายนิรโทษกรรมซึ่งรัฐบาลได้ถอนแล้วแต่ที่ต้องตรึงกำลังไว้เพราะเขารอดาบสองในเรื่องนี้มาล้มรัฐบาล สิ่งที่มหาดไทยทำ คือ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ชายแดนทางภาคใต้และส่วนต่างๆ แต่คนส่วนกลางกำลังยุยงให้กิดการขัดแย้งทำลายกัน ตอนนี้เท่าติดตามสถานการณ์หลังรัฐบาลถอนร่างกฎหมายสถานการณ์น่าจะดีขึ้น แต่ยังมีข่าวการขนคนเข้ามาเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ ในวันที่ 11 พ.ย.เพื่อเคลื่อนไหวเรื่องผลคดีปราสาทพระวิหาร

ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 10.00 น. นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานเปิดการสัมมนาเนื่องในวันผังเมืองโลก โดยกล่าวว่า ตนเคยอ่านแผนของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ที่ระบุว่าประเทศไทยมีค่าใช้จ่ายในการขนส่งร้อยละ 15.7 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม หากต้องการแข่งขันกับต่างประเทศไทยต้องลดค่าขนส่งลง ปัจจุบันราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุผลให้ต้องมีการพัฒนาโครงสร้างด้านคมนาคม ที่ผ่านมางบประมาณในการพัฒนาระบบขนส่งไม่มากเพียงพอ จึงเป็นที่มาของโครงการก็เงินเพื่อปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมมูลค่า 2.2 ล้านล้านบาท

นายจารุงพงศ์กล่าวอีกว่า เมื่อเปลี่ยนระบบขนส่งแล้วจุดที่เป็นสถานีขนส่งมีความจำเป็นต้องมีการพัฒนาเพื่อรองรับการขนส่งและกระจายสินค้า การจัดผังเมืองและการจัดรูปที่ดินจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญในการพัฒนารองรับการขยายตัว การพัฒนาสินทรัพย์รอบสถานีรถไฟเพื่อให้กิดประโยชน์กับประชาชนนอกจากจะสร้างรายได้ให้ภาครัฐยังเป็นโอกาสช่วยเหลือเจ้าของพื้นที่ การวางผังเมืองในสถานีสำคัญจึงมีความสำคัญ ควบคู่ไปกับการจัดรูปที่ดินซึ่งจะทำให้รัฐประหยัดงบประมาณในการเวนคืนที่ดิน การจัดรูปที่ดินจะเป็นผลประโยชน์กับประชาชนที่จะได้รับ

“ความยากของการวางผังเมือง คือ การทำให้ประชาชนเข้าใจถึงผลประโยชน์ที่ต้องยอมเสียไปแต่เป็นประโยชน์กับท้องถิ่นในอนาคต กรมฯคงต้องการวิธีช่วยกันพูดคุยกับประชาชนในภาคส่วนต่างๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วม” นายจารุพงศ์กล่าว

ด้านนายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยอมถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทั้ง 6 ฉบับออกจากสภารวมถึงการให้วุฒิสภาคว่ำร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยในวันนี้ว่า ทางกระทรวงมหาดไทยเห็นว่าเรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีที่ถูกต้องแล้ว ที่ยอมถอนร่างดังกล่าวออกและจะไม่มีการนำมาพิจารณาในสมัยนี้ตามที่ฝ่ายค้านกล่าวหาอีก เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้นและลดความสับสนของประชาชนจากการบิดเบือนข้อมูลของฝ่ายตรงกันข้ามที่พยายามจะลากประชาชนไปเป็นกลไกสร้างคะแนนเสียงเพื่อนำไปสู่การล้มรัฐบาลในที่สุด ซึ่งรัฐบาลมีความกังวลในเรื่องนี้ กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการให้ปลัดกระทรวง อธิบดีและผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเร่งทำการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจไปยังท้องถิ่นทุกแห่งเพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่ถูกต้อง และไม่ออกมาร่วมชุมนุมเพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกกรรมอีก ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการสั่งส.ส.ทุกจังหวัดลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชน รวมถึงในส่วนของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ก็จะมีการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อรักษาประชาธิปไตยโดยจะมีการตั้งเวทีเพื่อทำความเข้าใจกับมวลชนคนเสื้อแดงถึงเรื่องดังกล่าว โดยขอยืนยันว่าไม่ใช่การนำม็อบไปชนม็อบเพื่อให้เกิดความรุนแรงแน่นอน เพราะเสื้อแดงจะตั้งเวทีในที่มั่นไม่เคลื่อนไปปะทะอย่างที่มีกระแสข่าว

นายประชากล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์พยายามจะใช้ความกังวลของประชาชนที่กลัวว่ารัฐบาลจะไม่รักษาสัจจะในการถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยการยื้อกลุ่มผู้ชุมนุมให้อยู่ร่วมต่อต้านไปจนถึงวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ศาลยุติธรรม ระหว่างประเทศ หรือศาลโลก (ไอซีเจ) จะอ่านคำพิพากษาคดีประสาทพระวิหาร เพื่อเพิ่มกระแสต่อต้านรัฐบาลให้รุนแรงยิ่งขึ้นหากผลการตัดสินไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไร้เหตุผล เพราะหากวันนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเป็นรัฐบาลอยู่ก็ต้องเคารพกติกาเพราะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงคำตัดสินของศาลโลกได้ ดังนั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากต้องใช้ความระมัดระวัง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคงระหว่างประเทศ และความปลอดภัยส่วนใหญ่ของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์จะเอาเรื่องนี้มาเป็นกลไกลปลุกปั่นให้ประชาชนตีกันเองไม่ได้ ซึ่งอาจเข้าข่ายอั้งยี่ ซ่องโจร ที่นำไปสู่การล้มรัฐบาลได้ ทั้งนี้เชื่อว่าสุดท้ายนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส. สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาโจมตีรัฐบาลอยู่ในขณะนี้จะถูกกระแสมวลชนตีกลับ

นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่หน่วยงานและข้าราชการในสังกัด ไปเข้าร่วมชุมนุมเพื่อต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่า สามารถเข้าร่วมได้หากไปในเวลานอกเวลาราชการแล้ว เพราะถือเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่หากทราบข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้วยังไปชุมนุมก็อยู่ที่จิตสำนึก ส่วนกรณีข้าราชการที่ไปชุมนุมในเวลางานหรือใส่เครื่องแบบที่เห็นชัดเจน ก็ต้องมีการพิจารณาถึงความเหมาะสม เพราะข้าราชการทุกคนต้องรู้ระเบียบวินัยดีอยู่แล้ว หากชอบที่จะชุมนุมก็แนะนำให้ลาออกจากราชการไปชุมนุมกับพรรคประชาธิปัตย์ได้เลย

ขณะที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย กล่าวเรียกร้องให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. หยุดการสนับสนุนการชุมนุมของม็อบประชาธิปัตย์ว่า ตนมีหลักฐานว่าผู้ว่าฯ กทม.ให้การสนับสนุนผู้ชุมอย่างชัดเจน อาทิ ให้เจ้าหน้าที่ใช้น้ำมันหลวงไปเติมเครื่องปั่นไฟแก่ผู้ชุมนุมจนถึง 07.00 น. พร้อมทั้งหลักฐานการสั่งการของผู้ว่าฯ กทม.ในที่ประชุมให้ข้าราชการ กทม.สนับสนุนม็อบอย่างเต็มที่ ซึ่งส่งผลให้ประชาชนทั่วไปที่เลือกตั้งท่านเข้ามาได้รับความเดือดร้อน ทั้งโรงเรียนโดยรอบ การจราจรติดขัด ซึ่งเข้าข่ายทำผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ดังนั้นตนจึงขอเตือนผู้ว่าฯ กทม.เป็นครั้งสุดท้ายให้หยุดการกระทำดังกล่าว มิเช่นนั้นตนในฐานะผู้บังคับบัญชาของ กทม.จะอาศัยกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้กำกับดูแล กทม.เสนอให้ปลดผู้ว่าฯ กทม.ออกจากตำแหน่ง เพราะก่อนหน้านี้ตนก็เคยทำหนังสือไปถึง รวมทั้งโทรศัพท์ไปหาแต่ก็ไม่มีการตอบรับแต่อย่างใด

นายวิสารกล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลยอมถอยทุกอย่างแล้ว ดังนั้นก็ควรยุติการชุมนุม แต่หากไม่ปฏิบัติตามอยากถามว่าพวกท่านจะเอาอะไร จะให้ยุบสภา ล้มรัฐบาล หรือให้ทหารออกมารัฐประหารก็บอกมาให้ชัดเจนเลย ส่วนกรณีคนเสื้อแดงในวันที่ 10 พ.ย.ที่สนามกีฬาแห่งชาติ ก็ถือว่าเป็นสิทธิสำหรับผู้ที่มีความเห็นต่าง ซึ่งก็เชื่อว่าจะไม่สร้างความเดือดร้อนเพราะมาชุมนุมและก็กลับบ้าน


กำลังโหลดความคิดเห็น