นายกฯ และรมว.กห.พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.ระยอง ดูนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตรวจงาน ด้านเจ้าหน้าที่จัดเต็นท์เตรียมดอกไม้-แผ่นป้ายไว้รอแก๊งเชลียร์ อ้างแสดงจุดยืนแล้ว ยันไม่ใช้เสียงส่วนใหญ่ฝืนความรู้สึก อ้างเฉยจุ้นนิติบัญญัติไม่ได้ โวนิรโทษฯ เพื่อความเดือดร้อน ยกไฮซีซันไล่ม็อบ อย่าปิดถนน โบ้ยร่างรัฐไม่ได้ชง วอนถ้อยทีถ้อยอาศัย โอดคนไม่เชื่อก็ยังมองไปอีกทาง เผยไม่อยากใช้ความรุนแรง ก่อนเบรกสื่อซักหายเครียดหรือยัง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (6 พ.ย.) ที่ อ.มาบตาพุด จ.ระยอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พร้อมด้วยนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม นายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม และนายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เข้ารับฟัง บรรยายสรุปจากนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผวจ.ระยอง เลขาธิการสภาพัฒน์ และผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงแผนการแก้ไขปัญหานิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดอย่างครบวงจร .ที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ในระหว่างการลงพื้นที่ติดตามงานตามนโยบายรัฐบาลและตรวจราชการ ชลบุรี ระยอง และจันทบุรี ระหว่างวันที่ 5-7 พ.ย.
จ.ระยอง ถือเป็นเมืองอุตสาหกรรม โดยเฉพาะด้านปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่มีมูลค่าการลงทุนกว่า 9 แสนล้านบาท อุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งที่ผ่านมาประสบปัญหามวลพิษทางน้ำและอากาศ ทางจังหวัดจึงได้ร่วมมือกันกับภาครัฐ ภาคประชาชน และผู้ประกอบการอุตสาหกรรมร่วมมือกันแก้ปัญหาได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้มีการเร่งดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหาอย่างครบวงจร ซึ่งประกอบด้วย การสร้างชุมชนสะอาด การพัฒนาระบบสาธารณสุขที่ทันสมัยและเพียงพอรองรับผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน และยกระดับคุณภาพชีวิต โดยแบ่งการทำงานเป็นการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน เช่น การประกาศเขตควบคุมมวลพิษ การแก้ไขปัญหาจากแหล่งกำเนิดมวลพิษ และการจัดทำแนวป้องกัน ส่วนระยะยาว มีการจัดทำพังเมืองรวม การพัฒนาให้เกิดเมืองอุตสาหกรรมนิเวศน์ จ.ระยอง
ด้านนายกรัฐมตรีกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นโอกาสในการติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ และจากการที่รัฐบาลได้มีมติ ครม.เพื่อแก้ปัญหาไปก่อนหน้านี้
สำหรับบรรยากาศที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมเต็นท์บริเวณด้านหน้าห้องประชุม สำหรับประชาชนที่มารอให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรี รวมถึงมีการเตรียมดอกไม้และแผ่นป้ายให้กำลังใจในการลงพื้นที่ครั้งนี้
ต่อมาเมื่อเวลา 10.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และพรรคประชาธิปัตย์ยังประกาศเดินหน้าชุมนุมต่อเพราะไม่เชื่อในจุดยืนของรัฐบาลต่อ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมว่าเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ทั้งนี้ขอเรียนย้ำกับประชาชนว่ารัฐบาลได้แสดงจุดยืนแล้วที่ต้องการเห็นเจตนารมณ์ต่างๆ เป็นไปตามความต้องการของประชาชน แม้รัฐบาลจะมีเสียงส่วนใหญ่แต่เราก็ไม่ต้องการใช้เสียงส่วนใหญ่ไปบังคับหรือฝืนความรู้สึกของประชาชน เจตนาของรัฐบาลต้องการเห็นความปรองดองเกิดขึ้น ขอย้ำว่ารัฐบาลในฐานะทำหน้าที่ฝ่ายบริหารก็ได้แสดงจุดยืนและเจตนารมย์ที่อยากให้ทุกฝ่ายรับฟังเสียงของประชาชน จึงได้ตัดสินใจในการแถลงการณ์ อย่างไรก็ตาม ในฐานะฝ่ายบริหารเราไม่สามารถก้าวก่ายฝ่ายนิติบัญญัติได้ และไม่ว่าฝ่ายนิติบัญญัติโดยเฉพาะวุฒิสภาจะตัดสินอย่างรารัฐบาลก็น้อมรับในคำตัดสิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ห่วงหรือไม่ที่มีการยกระดับการชุมนุมโดยมุ่งขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องเรียนว่าวันนี้เรากำลังพูดในสองประเด็น คือ เรื่องของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งเป็น พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้องกับความเดือดร้อนของประชาชน และประเด็นปัญหาทางการเมือง ซึ่งก็ต้องขอร้องว่าอยากให้มีการแสดงออกในเวทีที่ถูกต้อง และรัฐบาลต้องการให้บ้านเมืองของเรามีความสงบ ซึ่งช่วงนี้ก็เป็นช่วงปลายปีแล้วรัฐบาลอยากให้มีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดี และเป็นช่วงที่ต้องเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยว จึงอยากขอความร่วมมือจากการชุมนมในการแสดงออกทางความเห็นต่างๆว่าการชุมนุมตามสิทธิเสรีภาพนั้นเป็นสิ่งที่พึงกระทำได้ แต่ขอความกรุณาว่าให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเองเป็นห่วงเรื่องการสัญจรไปมา จึงอยากขอความร่วมมือในการชุมนุมว่ากรุณาอย่าปิดเส้นทางการจราจร
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย ในทางปฏิบัติทำได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างที่เคยบอกไปว่าร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับดังกล่าวรัฐบาลไม่ได้เป็นผู้เสนอ เป็นร่างของฝ่ายนิติบัญญัติ รัฐบาลไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ โดยทั้ง 3 สถาบันหลักทั้งอำนาจฝ่ายบริหาร ตุลาการและนิติบัญญัติ จะต้องแยกกันเพื่อเป็นการสร้างความสมดุล ทั้งนี้ รัฐบาลได้แสดงจุดยืนไปแล้วว่าเราพร้อมน้อมรับารตัดสินของวุฒิสภา
ต่อข้อถามว่าจะทำความเข้าใจอย่างไรกับกลุ่มที่สนับสนุนและเห็นด้วยกัยการออกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็คงต้องขอให้ทุกฝ่ายใช้วิจารณญาน เพราะในข้อท็จจริงเรายังมีอีกหลายเสียงที่ยังไม่มีโอกาสได้พูดหรือแสดงความคิดเห็น
“วันนี้ขอให้อยู่ร่วมกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยดีกว่า เพราะเราทุกคนต่างก็เป็นคนไทยด้วยกัน ทุกคนอยากเห็นความรักความสามัคคีของเรา และเชื่อว่าความเจ็บปวดที่ผ่านมานั้นไม่มีใครอยากเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีก รัฐบาลไม่ต้องการเห็นเหตุการณ์เช่นนี้และนำไปสู่ความรุนแรง จึงได้ตัดสินใจแสดงจุดยืนให้ประชาชนได้รับทราบ” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรในเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมยังมองว่าการแสดงเจตนารมณ์ออกมานั้นเป็นแค่การสร้างภาพ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ว่าเราจะพูดอย่างไร ถ้าคนไม่เชื่อก็คงมองเจตนารมณ์ของเราไปอีกทาง วันนี้อาจจะไม่ชัดในเรื่องของการแสดงจุดยืน แต่ขอให้ติดตามดูต่อไปว่าการแสดงจุดยืนของรัฐบาลนั้นเป็นไปตามที่เราได้แสดงไว้หรือไม่ เมื่อถามว่าจะเป็นการช้าไปหรือไม่กับการแสดงจุดยืนของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ต้องเรียนย้ำว่าทุกอย่างไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล เราไม่อยากใช้กฎหมาย ไม่อยากใช้ความรุนแรง ดังนั้นวันนี้เวลาจะเป็นเครื่องทำความเข้าใจ เพราะบางอย่างไม่สามารถจบลงได้ทันที แต่เชื่อว่าเวลาและข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแบบตรงไปตรงมา ไม่มีอคติ หรือไม่มีปัญหาอย่างอื่นมาปะปนก็เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและได้ทราบข้อมูลที่ถูกต้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงวันนี้สบายใจขึ้นและหายเครียดแล้วหรือยัง นายกรัฐมนตรีไม่ตอบ พร้อมกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “พอแล้ว ตอบคำถามเยอะแล้ว”
มีรายงานด้วยว่า ในการลงพื้นที่เพื่อตรวจติดตามงานตามนโยบายของรัฐบาลและแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนของนายกรัฐมนตรีวันเดียวกันนี้ (6 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีมีสีหน้าเป็นปกติ แต่ยังมีร่องรอยของความกังวลอยู่บ้าง