นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางสปริงนิวส์ ถึงการปรับครม.ยิ่งลักษณ์ เพื่อลดอุฯหภูมิร้อนทางการเมือง ว่า การปรับครม. มีกรอบเวลา ตอนนี้ยังไม่มีเหตุการณ์ทุจริตขนานใหญ่ หรือ รัฐมนตรีที่มีพฤติกรรมอื้อฉาว ที่ต้องปรับออก และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า เมื่อสังคมเรียกร้องไม่ต้องการ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม รัฐบาลก็มีการถอนออกมาแล้ว ซึ่งในทางการเมืองถือว่า นายกรัฐมนตรี ถอยมามากพอแล้ว จากนี้รัฐบาลก็จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาประชาชน
" พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยโทรมาบอกผมว่าจะมีการปรับครม.ขนานใหญ่ แต่การปรับครม. เกิดขึ้นอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าช้าหรือเร็ว ส่วนจะปรับใหญ่หรือเล็ก เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ถ้าเดาใจนายกฯ คงไม่เร็วไปกว่าเดือนธ.ค. อาจจะเป็น ม.ค.- ก.พ. หรือ มี.ค. ซึ่งทัศนคติของนายกฯ ไม่ชอบปรับบ่อยๆ เพราะงานจะได้ไม่สะดุด และในทีมยุทธศาสตร์ ก็ยังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ เราคุยแต่ประเด็นอื่น และชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงประเด็นที่บิดเบือนเท่านั้น " นายนพดล กล่าว
ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำทีม 9 ส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออก เพื่อเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลนั้น เชื่อรัฐบาลน่าจะเอาอยู่ เพราะคนไทยส่วนใหญ่อยากเห็นความสงบมากกว่าความขัดแย้งทางการเมือง อยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา และม็อบก็ไม่ได้มาก การตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ก็เป็นคุณในหลายเรื่อง
ส่วนการยุบสภานั้น นายนพดล กล่าวว่า ในพรรคไม่มีการพูดคุยกัน และสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับรัฐสภา แต่เป็นความขัดแย้งทางสังคม ในเรื่องกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลก็มีการถอนไปแล้ว
" การประกาศลาออกกลางสภา หรือยุบสภา นั้น ไม่มีเด็ดขาด รัฐบาลไม่จำเป็นต้องถอย ผมก็ไม่เคยได้ยิน พ.ต.ท.ทักษิณ บอกให้ปรับครม.ใหญ่ เพียงแต่เร่งสร้างผลงานให้ประชาชนประทับใจดีกว่า อะไรที่ประชาชนไม่สบายใจก็อย่าไปทำ เช่น เรื่องนิรโทษกรรม ทั้งนี้ พ.ท.ท.ทักษิณ ก็ติดตามสถานการณ์ชุมนุมผ่านเน็ต คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลได้ ท่านยังเป็นห่วงประชาชนเหมือนเดิม" นายนพดล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โทรศัพท์ข้ามประเทศเข้ามาพูดคุยกับ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัว ถึงการปรับครม. ว่าจะมีการปรับใหญ่อีกครั้ง ในช่วงหลังการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 20 พ.ย. คืออาจจะปรับช่วงต้นเดือนธันวาคม ที่จะมีการปรับหลายตำแหน่ง ก่อนที่จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ในวันที่ 21 ธันวาคม นี้
"และที่เลือกปรับครม.ช่วงต้นเดือนธ.ค. นั้น เนื่องจากสมาชิกบ้านเลขที่ 109 หรือ อดีต กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ตามคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ของศาลรัฐธรรมนูญ จะพ้นโทษแบน ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ดังนั้นก็จะรอให้บ้านเลขที่ 109 พ้นโทษก่อนถึงจะมีการปรับครม.ครั้งใหญ่"
อย่างไรก็ตามมีการมองว่า กระแสข่าวการปรับครม.ครั้งนี้ จะเป็นตัวกระตุ้นให้บรรดาบริวารของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่หวังจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องแสดงผลงานออกมา โดยเฉพาะการนำพารัฐบาลให้รอดพ้นจากวิกฤติการเมือง ที่กำลังมีการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลอยู่ในขณะนี้
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้ปรับครม.ว่า ไม่เป็นความจริง ตนได้ตรวจสอบข้อมูลกับคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยืนยันว่าท่านไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีการสั่งการ เป็นแค่การปล่อยข่าวเพื่อหวังผลทางการเมือง การปรับครม. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณาบุคคลเพื่อมาทำงานให้กับบ้านเมือง ซึ่งวันนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากนายกฯ ขอให้หยุดปล่อยข่าวสร้างความสับสนให้สังคมได้แล้ว
" พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่เคยโทรมาบอกผมว่าจะมีการปรับครม.ขนานใหญ่ แต่การปรับครม. เกิดขึ้นอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าช้าหรือเร็ว ส่วนจะปรับใหญ่หรือเล็ก เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ ถ้าเดาใจนายกฯ คงไม่เร็วไปกว่าเดือนธ.ค. อาจจะเป็น ม.ค.- ก.พ. หรือ มี.ค. ซึ่งทัศนคติของนายกฯ ไม่ชอบปรับบ่อยๆ เพราะงานจะได้ไม่สะดุด และในทีมยุทธศาสตร์ ก็ยังไม่ได้คุยกันในเรื่องนี้ เราคุยแต่ประเด็นอื่น และชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงประเด็นที่บิดเบือนเท่านั้น " นายนพดล กล่าว
ส่วนที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำทีม 9 ส.ส.ประชาธิปัตย์ลาออก เพื่อเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลนั้น เชื่อรัฐบาลน่าจะเอาอยู่ เพราะคนไทยส่วนใหญ่อยากเห็นความสงบมากกว่าความขัดแย้งทางการเมือง อยากให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา และม็อบก็ไม่ได้มาก การตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ก็เป็นคุณในหลายเรื่อง
ส่วนการยุบสภานั้น นายนพดล กล่าวว่า ในพรรคไม่มีการพูดคุยกัน และสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ขัดแย้งระหว่างรัฐบาล กับรัฐสภา แต่เป็นความขัดแย้งทางสังคม ในเรื่องกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลก็มีการถอนไปแล้ว
" การประกาศลาออกกลางสภา หรือยุบสภา นั้น ไม่มีเด็ดขาด รัฐบาลไม่จำเป็นต้องถอย ผมก็ไม่เคยได้ยิน พ.ต.ท.ทักษิณ บอกให้ปรับครม.ใหญ่ เพียงแต่เร่งสร้างผลงานให้ประชาชนประทับใจดีกว่า อะไรที่ประชาชนไม่สบายใจก็อย่าไปทำ เช่น เรื่องนิรโทษกรรม ทั้งนี้ พ.ท.ท.ทักษิณ ก็ติดตามสถานการณ์ชุมนุมผ่านเน็ต คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลได้ ท่านยังเป็นห่วงประชาชนเหมือนเดิม" นายนพดล กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้น มีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โทรศัพท์ข้ามประเทศเข้ามาพูดคุยกับ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัว ถึงการปรับครม. ว่าจะมีการปรับใหญ่อีกครั้ง ในช่วงหลังการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 20 พ.ย. คืออาจจะปรับช่วงต้นเดือนธันวาคม ที่จะมีการปรับหลายตำแหน่ง ก่อนที่จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ในวันที่ 21 ธันวาคม นี้
"และที่เลือกปรับครม.ช่วงต้นเดือนธ.ค. นั้น เนื่องจากสมาชิกบ้านเลขที่ 109 หรือ อดีต กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ที่ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ตามคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ของศาลรัฐธรรมนูญ จะพ้นโทษแบน ในวันที่ 2 ธ.ค.นี้ ดังนั้นก็จะรอให้บ้านเลขที่ 109 พ้นโทษก่อนถึงจะมีการปรับครม.ครั้งใหญ่"
อย่างไรก็ตามมีการมองว่า กระแสข่าวการปรับครม.ครั้งนี้ จะเป็นตัวกระตุ้นให้บรรดาบริวารของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่หวังจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรี ต้องแสดงผลงานออกมา โดยเฉพาะการนำพารัฐบาลให้รอดพ้นจากวิกฤติการเมือง ที่กำลังมีการชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลอยู่ในขณะนี้
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งให้ปรับครม.ว่า ไม่เป็นความจริง ตนได้ตรวจสอบข้อมูลกับคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยืนยันว่าท่านไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีการสั่งการ เป็นแค่การปล่อยข่าวเพื่อหวังผลทางการเมือง การปรับครม. เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี ที่จะพิจารณาบุคคลเพื่อมาทำงานให้กับบ้านเมือง ซึ่งวันนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากนายกฯ ขอให้หยุดปล่อยข่าวสร้างความสับสนให้สังคมได้แล้ว