"ประยุทธ์" ลั่นไทยยังไม่เสียดินแดน ศาลไม่ได้บอกชัดเจน ฮึ่มยังไม่ถอนทหาร เตือนพวกวิจารณ์ระวัง "น้ำผึ้งหยดเดียว" ก่อสงคราม ด้านทหารไทย-กัมพูชาร่วมดื่มกินมื้อเที่ยงชื่นมื่นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ผู้ว่าฯศรีสะเกษลงพื้นที่ ทำความเข้าใจกับประชาชน ขณะที่ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านตลาดโรงเกลือคึกคัก
หลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก มีคำพิพากษาคดีประสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่าเขตอธิปไตยของกัมพูชาครอบคลุมถึงชะง่อนผา แต่ไม่ถึงภูมะเขือ และไทยมีพันธะต้องถอนกำลังทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกจากพื้นที่ โดยให้ไทยและกัมพูชาตกลงกันเองถึงขอบเขตการถอนทหาร เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
วานนี้(12 พ.ย.)ที่กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ จ.ลพบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ทหารยืนยันจะทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนเหมือนเดิม ยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ส่วนการปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก ขอให้รอผลการพูดคุยระดับรัฐบาล เพื่อแสวงหาข้อตกลงร่วมและเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของประชาชน จึงอยากให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
"ผมยืนยันว่าทหารพร้อมจะรักษาอธิปไตยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่การด่วนสรุปมากหรือน้อยเกินไป จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการพูดคุยในทุกระดับ"
เมื่อถามถึงกรณีศาลโลกชี้ว่า ภูมะเขือไม่ใช่ของกัมพูชา แต่ยังมีทหารกัมพูชาอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาอยู่ในพื้นที่ของเขา ส่วนกัมพูชาต้องถอนทหารออกหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพูดคุย ไม่ใช่พูดต่อหน้าสื่อ เพราะไม่มีวันจบ ซึ่งการพูดคุยต้องเกิดประโยชน์กับแผ่นดิน ส่วนที่ชุมนุมปลุกกระแสเรื่องเสียดินแดนนั้น ไม่มีใครประกาศว่าใครเสียตรงไหน ศาลไม่ได้ประกาศอะไรทั้งนั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุป ขอให้มั่นใจว่า ทหารอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทยตลอดเวลา
เมื่อถามถึงกรณีที่บอกว่าจะรักษาอธิปไตยไทยทุกตารางนิ้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็รักษาตามกฎกติกาที่มีอยู่ หลังมีคำพิพากษาได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด ขณะนี้เป็นขั้นตอนสรุปคำตัดสิน และหารือระหว่างรัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ และฝ่ายความมั่นคง ส่วนทหารมีหน้าที่รักษาอธิปไตย ตรงนี้ถือว่าตนทำหน้าที่แล้ว จะทำอย่างที่เรียกร้องหรือที่สื่อเร่งเติมไฟไม่ได้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลระบุถึงพื้นที่แคบๆรอบตัวปราสาทพระวิหาร พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนว่า ไปหามาว่าอยู่ตรงไหน จะทำอย่างไรก็ไปว่ากัน อย่าเพิ่งพูดว่าเป็นของใคร เพราะศาลไม่ได้บอกชัดเจน ส่วนที่ศาลบอกให้ไทยถอนทหารอยากถามว่าสั่งเมื่อไหร่ ฟังให้ดี ไม่ได้สั่งให้ถอนทหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลไม่ได้ชี้ว่าภูมะเขือเป็นของประเทศใด จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ศาลตอบคนฟ้อง เมื่อศาลบอกว่าไม่ใช่ก็จบ แล้วจะต่อความทำไม ศาลตอบครบแล้ว หน้าที่ของตน คือ รักษาอธิปไตย ซึ่งไม่มีการถอนกำลังใดๆทั้งสิ้น เพราะยังไม่มีคำสั่ง
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าไทยยังไม่เสียดินแดน พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า เสียตรงไหน ที่บอกว่าแคบๆตรงไหน เมื่อศาลยังไม่ได้บอกก็ยังไม่เสีย เมื่อถามว่า นักวิชาการ และหน่วยงานความมั่นคงบอกว่าเสียดินแดนแล้ว แต่ไม่ได้เสีย 4.6 ตารางกิโลเมตร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปฟังเขา ไม่ต้องฟังศาล การวิเคราะห์วิจารณ์ทำได้ แต่อย่าทำให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว กลายเป็นสงครามขึ้นมา ตอนนี้ก็ใช้ทหารเกือบหมดแล้ว ทั้งชายแดนใต้ ชายแดนภาคอื่น ภัยพิบัติ ถ้าดิสเครดิตทหารไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาคับขันจะเอาทหารที่ไหนมาใช้
"ตอนนี้เรารบกันอีกไม่ได้แล้ว ถ้ารบก็เลิกอยู่ด้วยกัน ซึ่งผมไม่เกร็ง ไม่เครียดอะไร อารมณ์ดีตลอด เพราะชัดเจนในการทำหน้าที่ สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งผบ.ทบ. จะเกร็งต่อเมื่อสื่อมากดดันเท่านั้น"
ขณะเดียวกัน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กระทรวงขอชี้แจงแนวทางว่าจะดำรงรักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับกัมพูชาในทุกระดับตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งจะไม่ดำเนินกิจกรรมใด ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดน พร้อมย้ำกำลังพลให้มีความอดทน อดกลั้น กวดขันการใช้อาวุธ ลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ป้องกันความเข้าใจผิดผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้บังคับหน่วยทหารของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน ที่สำคัญทหารทั้งสองประเทศจะอยู่ในที่มั่น ไม่เพิ่มเติมกำลังแต่อย่างใด
"ขอยืนยันและให้ความมั่นใจกับประชาชนทั้งประเทศ ว่ากระทรวงจะสร้างความปลอดภัยและสงบสุขบริเวณชายแดน จึงไม่ต้องตื่นตระหนก จากนี้ไปกระทรวงจะปฏิบัติตามการสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติอย่างสูงสุด"
เวลา 11.30 น. ที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พ.อ.ทัศน์พล สุพีสุนทร ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 พ.ท.ศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 303 จ.นครพนม พ.ต.อนันต์ บุตรพรม รองเสนาธิการชุดเฉพาะกิจที่ 2 กกล.สุรนารี พบปะกับพ.อ.เม๊าะ สุวรรณ ผู้บังคับทหารบกจังหวัดอุดรมีชัย พ.ท.หึม เซียบ พ.ท.เบน บุญโฮน รองผู้บังคับการทหารบกจังหวัดอุดรมีชัย และพ.ท.บู โปน นายทหารคุมกำลังทหารชายแดน กองร้อยที่ 406 ด้านติดปราสาทตาควาย เพื่อประสานความสัมพันธ์ของหน่วยทหารในพื้นที่
ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างนำอาหารและเครื่องดื่มมารับประทานมื้อเที่ยงร่วมกัน โดยพ.อ.เม๊าะ สุวรรณ นำผัดเผ็ดหมูป่า ปลาไหลย่าง ไก่ย่าง พร้อมเครื่องดื่มมา ขณะที่พ.อ.ทัศน์พลนำปลานิลนึ่ง หอยแครงลวก กบย่าง ปลาดุกย่าง และข้าวเหนียวมาร่วมวง โดยก่อนรับประทานพ.อ.ทัศน์พล แจ้งให้พ.อ.เม๊าะ สุวรรณ ทราบถึงปัญหาที่ชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงตลอดแนวชายแดนอ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายินดีเข้มงวดให้มากขึ้น
จากนั้นคณะนายทหารทั้งสองฝ่ายรับประทานอาหารเที่ยงเพื่อมิตรภาพร่วมกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม
จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ธรากร ธรรมวินทร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมคณะ หารือกับพล.อ.สลัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา ที่บริเวณจุดประสานงาน 5+5 ทางขึ้นประสาทพระวิหาร ด้านอ.กันทรลักษ์ โดยให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายวางกำลังกันจุดเดิมไปก่อน จนกว่ารัฐบาลสองประเทศจะได้หาข้อยุติร่วมกัน
ทั้งนี้ พล.อ.สรัย ดึ๊ก ขอให้สื่อมวลชนทั้งสองประเทศเผยแพร่ให้ประชาชนทราบว่า ทหารทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่มีปัญหาต่อกัน โทรศัพท์ติดต่อกันเป็นประจำ หากมีปัญหาอะไรก็จะพบปะพูดคุยกัน จึงขอรับรองว่าชายแดนด้านนี้จะไม่มีการปะทะกันแน่นอน
ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) จากนั้นไปที่บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย เพื่อให้กำลังใจประชาชน ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากการปะทะกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554 พร้อมชี้แจงผลการตัดสินคดี
นายประทีป กล่าวว่า ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ประชาชนซึ่งยังมีความวิตกกังกลว่าจะเกิดเหตุรุนแรงนั้น ขอให้สบายได้ เพราะไทยกับกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
จ.สระแก้ว ที่ด่านพรมแดนอ.อรัญประเทศ พ่อค้า แม่ค้า และกรรมกรชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาตลาดโรงเกลือกันอย่างคึกคักกว่า 8,000 คน ซึ่งพ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)สระแก้ว ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อยทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กองกำลังบูรพา นำเจ้าหน้าที่มาคอยอำนวยความสะดวก เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้า-ออกด้วย
นายยง เยียน นักธุรกิจนำเข้าสินค้าจากไทย ประจำกรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่สบายใจ หลังศาลโลกทำให้ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่เกิดความวุ่นวาย พ่อค้าในปอยเปต ที่นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยรู้สึกสบายใจมาก อีกทั้งชาวกัมพูชารู้ว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชามาตั้งแต่ศาลโลกตัดสินเมื่อปี 2505 ส่วนใหญ่จึงไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้ต้องการพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะถ้าได้มาแล้ว ชาวกัมพูชาที่ยากจนจะขึ้นหรือเปล่า ทุกวันนี้สิ่งที่ชาวกัมพูชาต้องการ คือ อยู่ดีกินดี ทำการค้าขายได้
นายเมธา ล้อเจริญวัฒนชัย ผู้ประกอบการค้าในตลาดโรงเกลือ กล่าวว่า ประชาชนไทยและกัมพูชาบริเวณชายแดน ต่างมองว่าเป็นกลางที่สุดแล้ว และจะได้ทำการค้าและสร้างมิตรภาพต่อกันต่อไป อย่าให้เรื่องในอดีตมาสร้างความรู้สึกไม่ดีต่อกัน ทุกวันนี้คนไทยก็แต่งงานอยู่กินกับชาวกัมพูชาหลายคน เป็นครอบครัวเดียวกันได้ ส่วนการส่งออกผ่านด่านอรัญประเทศมีมูลค่าปีละกว่า 30,000 ล้านบาท ยังไม่รวมการค้าในตลาดโรงเกลืออีกวันละกว่า 20 ล้านบาท จึงควรมองไปข้างหน้า อย่าหันไปมองแต่อดีต
หลังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลก มีคำพิพากษาคดีประสาทพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่าเขตอธิปไตยของกัมพูชาครอบคลุมถึงชะง่อนผา แต่ไม่ถึงภูมะเขือ และไทยมีพันธะต้องถอนกำลังทั้งทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดออกจากพื้นที่ โดยให้ไทยและกัมพูชาตกลงกันเองถึงขอบเขตการถอนทหาร เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
วานนี้(12 พ.ย.)ที่กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ จ.ลพบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า ทหารยืนยันจะทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแนวชายแดนเหมือนเดิม ยังไม่มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ส่วนการปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก ขอให้รอผลการพูดคุยระดับรัฐบาล เพื่อแสวงหาข้อตกลงร่วมและเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของประชาชน จึงอยากให้ทุกคนอยู่ในความสงบ
"ผมยืนยันว่าทหารพร้อมจะรักษาอธิปไตยไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่การด่วนสรุปมากหรือน้อยเกินไป จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการพูดคุยในทุกระดับ"
เมื่อถามถึงกรณีศาลโลกชี้ว่า ภูมะเขือไม่ใช่ของกัมพูชา แต่ยังมีทหารกัมพูชาอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาอยู่ในพื้นที่ของเขา ส่วนกัมพูชาต้องถอนทหารออกหรือไม่ขึ้นอยู่กับการพูดคุย ไม่ใช่พูดต่อหน้าสื่อ เพราะไม่มีวันจบ ซึ่งการพูดคุยต้องเกิดประโยชน์กับแผ่นดิน ส่วนที่ชุมนุมปลุกกระแสเรื่องเสียดินแดนนั้น ไม่มีใครประกาศว่าใครเสียตรงไหน ศาลไม่ได้ประกาศอะไรทั้งนั้น อย่าเพิ่งด่วนสรุป ขอให้มั่นใจว่า ทหารอยู่ในพื้นที่อธิปไตยของไทยตลอดเวลา
เมื่อถามถึงกรณีที่บอกว่าจะรักษาอธิปไตยไทยทุกตารางนิ้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็รักษาตามกฎกติกาที่มีอยู่ หลังมีคำพิพากษาได้หารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด ขณะนี้เป็นขั้นตอนสรุปคำตัดสิน และหารือระหว่างรัฐบาล กระทรวงต่างประเทศ และฝ่ายความมั่นคง ส่วนทหารมีหน้าที่รักษาอธิปไตย ตรงนี้ถือว่าตนทำหน้าที่แล้ว จะทำอย่างที่เรียกร้องหรือที่สื่อเร่งเติมไฟไม่ได้ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลระบุถึงพื้นที่แคบๆรอบตัวปราสาทพระวิหาร พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนว่า ไปหามาว่าอยู่ตรงไหน จะทำอย่างไรก็ไปว่ากัน อย่าเพิ่งพูดว่าเป็นของใคร เพราะศาลไม่ได้บอกชัดเจน ส่วนที่ศาลบอกให้ไทยถอนทหารอยากถามว่าสั่งเมื่อไหร่ ฟังให้ดี ไม่ได้สั่งให้ถอนทหาร
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลไม่ได้ชี้ว่าภูมะเขือเป็นของประเทศใด จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ศาลตอบคนฟ้อง เมื่อศาลบอกว่าไม่ใช่ก็จบ แล้วจะต่อความทำไม ศาลตอบครบแล้ว หน้าที่ของตน คือ รักษาอธิปไตย ซึ่งไม่มีการถอนกำลังใดๆทั้งสิ้น เพราะยังไม่มีคำสั่ง
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าไทยยังไม่เสียดินแดน พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า เสียตรงไหน ที่บอกว่าแคบๆตรงไหน เมื่อศาลยังไม่ได้บอกก็ยังไม่เสีย เมื่อถามว่า นักวิชาการ และหน่วยงานความมั่นคงบอกว่าเสียดินแดนแล้ว แต่ไม่ได้เสีย 4.6 ตารางกิโลเมตร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไปฟังเขา ไม่ต้องฟังศาล การวิเคราะห์วิจารณ์ทำได้ แต่อย่าทำให้เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว กลายเป็นสงครามขึ้นมา ตอนนี้ก็ใช้ทหารเกือบหมดแล้ว ทั้งชายแดนใต้ ชายแดนภาคอื่น ภัยพิบัติ ถ้าดิสเครดิตทหารไปเรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาคับขันจะเอาทหารที่ไหนมาใช้
"ตอนนี้เรารบกันอีกไม่ได้แล้ว ถ้ารบก็เลิกอยู่ด้วยกัน ซึ่งผมไม่เกร็ง ไม่เครียดอะไร อารมณ์ดีตลอด เพราะชัดเจนในการทำหน้าที่ สั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอว่าต้องปฏิบัติตามคำสั่งผบ.ทบ. จะเกร็งต่อเมื่อสื่อมากดดันเท่านั้น"
ขณะเดียวกัน พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า กระทรวงขอชี้แจงแนวทางว่าจะดำรงรักษาความสัมพันธ์ทางทหารกับกัมพูชาในทุกระดับตามนโยบายรัฐบาล รวมทั้งจะไม่ดำเนินกิจกรรมใด ที่ก่อให้เกิดความตึงเครียดตามแนวชายแดน พร้อมย้ำกำลังพลให้มีความอดทน อดกลั้น กวดขันการใช้อาวุธ ลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน ป้องกันความเข้าใจผิดผ่านช่องทางการติดต่อสื่อสารกับผู้บังคับหน่วยทหารของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชน ที่สำคัญทหารทั้งสองประเทศจะอยู่ในที่มั่น ไม่เพิ่มเติมกำลังแต่อย่างใด
"ขอยืนยันและให้ความมั่นใจกับประชาชนทั้งประเทศ ว่ากระทรวงจะสร้างความปลอดภัยและสงบสุขบริเวณชายแดน จึงไม่ต้องตื่นตระหนก จากนี้ไปกระทรวงจะปฏิบัติตามการสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด โดยจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติอย่างสูงสุด"
เวลา 11.30 น. ที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พ.อ.ทัศน์พล สุพีสุนทร ผู้บังคับการชุดเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 26 กองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 พ.ท.ศิวดล ยาคล้าย ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 303 จ.นครพนม พ.ต.อนันต์ บุตรพรม รองเสนาธิการชุดเฉพาะกิจที่ 2 กกล.สุรนารี พบปะกับพ.อ.เม๊าะ สุวรรณ ผู้บังคับทหารบกจังหวัดอุดรมีชัย พ.ท.หึม เซียบ พ.ท.เบน บุญโฮน รองผู้บังคับการทหารบกจังหวัดอุดรมีชัย และพ.ท.บู โปน นายทหารคุมกำลังทหารชายแดน กองร้อยที่ 406 ด้านติดปราสาทตาควาย เพื่อประสานความสัมพันธ์ของหน่วยทหารในพื้นที่
ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างนำอาหารและเครื่องดื่มมารับประทานมื้อเที่ยงร่วมกัน โดยพ.อ.เม๊าะ สุวรรณ นำผัดเผ็ดหมูป่า ปลาไหลย่าง ไก่ย่าง พร้อมเครื่องดื่มมา ขณะที่พ.อ.ทัศน์พลนำปลานิลนึ่ง หอยแครงลวก กบย่าง ปลาดุกย่าง และข้าวเหนียวมาร่วมวง โดยก่อนรับประทานพ.อ.ทัศน์พล แจ้งให้พ.อ.เม๊าะ สุวรรณ ทราบถึงปัญหาที่ชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงตลอดแนวชายแดนอ.กาบเชิง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งฝ่ายกัมพูชายินดีเข้มงวดให้มากขึ้น
จากนั้นคณะนายทหารทั้งสองฝ่ายรับประทานอาหารเที่ยงเพื่อมิตรภาพร่วมกัน บรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่นและรอยยิ้ม
จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ธรากร ธรรมวินทร ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมคณะ หารือกับพล.อ.สลัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 กัมพูชา ที่บริเวณจุดประสานงาน 5+5 ทางขึ้นประสาทพระวิหาร ด้านอ.กันทรลักษ์ โดยให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่ายวางกำลังกันจุดเดิมไปก่อน จนกว่ารัฐบาลสองประเทศจะได้หาข้อยุติร่วมกัน
ทั้งนี้ พล.อ.สรัย ดึ๊ก ขอให้สื่อมวลชนทั้งสองประเทศเผยแพร่ให้ประชาชนทราบว่า ทหารทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่มีปัญหาต่อกัน โทรศัพท์ติดต่อกันเป็นประจำ หากมีปัญหาอะไรก็จะพบปะพูดคุยกัน จึงขอรับรองว่าชายแดนด้านนี้จะไม่มีการปะทะกันแน่นอน
ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) จากนั้นไปที่บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย เพื่อให้กำลังใจประชาชน ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากการปะทะกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2554 พร้อมชี้แจงผลการตัดสินคดี
นายประทีป กล่าวว่า ทุกอย่างกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ประชาชนซึ่งยังมีความวิตกกังกลว่าจะเกิดเหตุรุนแรงนั้น ขอให้สบายได้ เพราะไทยกับกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
จ.สระแก้ว ที่ด่านพรมแดนอ.อรัญประเทศ พ่อค้า แม่ค้า และกรรมกรชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามาตลาดโรงเกลือกันอย่างคึกคักกว่า 8,000 คน ซึ่งพ.ต.ท.เบญจพล รอดสวาสดิ์ รอง ผกก.ตรวจคนเข้าเมือง(ตม.)สระแก้ว ร.อ.อภินันท์ สงครามชัย ผบ.ร้อยทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กองกำลังบูรพา นำเจ้าหน้าที่มาคอยอำนวยความสะดวก เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้า-ออกด้วย
นายยง เยียน นักธุรกิจนำเข้าสินค้าจากไทย ประจำกรุงปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่สบายใจ หลังศาลโลกทำให้ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่เกิดความวุ่นวาย พ่อค้าในปอยเปต ที่นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยรู้สึกสบายใจมาก อีกทั้งชาวกัมพูชารู้ว่าปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชามาตั้งแต่ศาลโลกตัดสินเมื่อปี 2505 ส่วนใหญ่จึงไม่ได้สนใจอะไร ไม่ได้ต้องการพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เพราะถ้าได้มาแล้ว ชาวกัมพูชาที่ยากจนจะขึ้นหรือเปล่า ทุกวันนี้สิ่งที่ชาวกัมพูชาต้องการ คือ อยู่ดีกินดี ทำการค้าขายได้
นายเมธา ล้อเจริญวัฒนชัย ผู้ประกอบการค้าในตลาดโรงเกลือ กล่าวว่า ประชาชนไทยและกัมพูชาบริเวณชายแดน ต่างมองว่าเป็นกลางที่สุดแล้ว และจะได้ทำการค้าและสร้างมิตรภาพต่อกันต่อไป อย่าให้เรื่องในอดีตมาสร้างความรู้สึกไม่ดีต่อกัน ทุกวันนี้คนไทยก็แต่งงานอยู่กินกับชาวกัมพูชาหลายคน เป็นครอบครัวเดียวกันได้ ส่วนการส่งออกผ่านด่านอรัญประเทศมีมูลค่าปีละกว่า 30,000 ล้านบาท ยังไม่รวมการค้าในตลาดโรงเกลืออีกวันละกว่า 20 ล้านบาท จึงควรมองไปข้างหน้า อย่าหันไปมองแต่อดีต
