อันตรายกดเอทีเอ็มกลางกรุงเหยื่อกว่า 50 รายสูญเงินคนละ 3-7 หมื่นบาท คาดโจรยูเครนคัดลอกข้อมูลบัตรเอทีเอ็ม (ATM Skimming) สมาคมธนาคารไทยระบุแบงก์เจ้าของบัตรจะรับผิดชอบความเสียหายทั้งหมด ขณะที่ภูเก็ตโจรแสบใช้แก๊สตัดสายยูประตูและตู้เก็บเงินของตู้เอทีเอ็มแบงก์ไทยพาณิชย์กวาดเงินสดไปกว่า 1.6 ล้าน
จากกรณีมีผู้เสียหายกว่า 50 รายเข้าแจ้งความ สน.ลุมพินีว่าเงินหายไปจากบัญชีรายละประมาณ 30,000-70,000 บาท หลังจากไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงศรีอยุธยาและธนาคารธนชาต ในอาคารออลซีซั่นส์ เพลส อาคารโรเล็กซ์ ถนนวิทยุ และบริเวณใกล้เคียง นายสมชาย พิชิตสุรจิต กรรมการบริหารชมรมตรวจสอบ และป้องกันการทุจริต สมาคมธนาคารไทย แจ้งว่าได้มีการตรวจสอบ และเฝ้าระวังแล้ว และทางธนาคารจะรีบดำเนินการบล็อคทันที หากพบว่ามีการถอนเงินจากต่างประเทศ
"ตอนนี้พบที่ ถ.วิทยุ 3 อาคาร ออลซีซั่น โรเล็กซ์ และ อพอลโล่ แต่ไม่ต้องกังวล ทางธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมเตือนช่วงกดรหัสเอทีเอ็มควรใช้มือบังเพราะมิจฉาชีพอาจติดกล้องรูเข็มเพื่อแอบดูรหัสได้"
รายงานระบุว่า ผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินีตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา เบื้องต้นต้นทางที่ถอนเงินมาจากยูเครนและเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก
ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย ได้ชี้แจงว่าตามที่ได้มีการส่งข้อความทางช่องทางต่างๆให้งดการใช้บริการตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกสิกรไทยในช่วงนี้ ธนาคารขอยืนยันว่าลูกค้าสามารถใช้บริการตู้เอทีเอ็มได้ตามปกติอย่างปลอดภัย จากการคัดลอกข้อมูลบัตรเอทีเอ็มในครั้งนี้ มีบัตรเดบิต เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่างๆที่ได้รับผลกระทบ 5 ธนาคาร ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยเป็นจำนวนบัตรเดบิตที่ถูกทุจริต 117 บัตร ในจำนวนนี้ 38 ราย ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 270,000 บาท โดยเงินจำนวนนี้ทั้งหมดธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารผู้ออกบัตรจะเป็นผู้รับผิดชอบชดเชยให้กับลูกค้า พร้อมกันนี้ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการนำภาพคนร้ายที่บันทึกได้จากตู้ ATM ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามต่อไป
"เรื่องนี้เป็นกรณีของ ATM Skimming คือ การที่คนร้ายเอาอุปกรณ์มาติดที่ตู้บริเวณที่เสียบบัตรเพื่อคัดลอกข้อมูลแถบแม่เหล็กเพื่อไปทำบัตรปลอม และนำไปถอนเงินในต่างประเทศ ซึ่งปกติเป็นแกงค์ต่างชาติ"
ทั้งนี้ สมาคมธนาคารได้เคยแจ้งเตือนให้ประชาชนที่มีบัตร ATM ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้เพื่อป้องกันการถูกลักลอบขโมยข้อมูลบนแถบแม่เหล็กและรหัสประจำบัตร โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะใช้วิธีการนำอุปกรณ์มาครอบช่องเสียบบัตร และใช้วิธีซ่อนกล้องถ่ายภาพขนาดเล็กไว้บริเวณใกล้ตู้ ATM หรือยืนด้านหลังผู้ที่กำลังทำรายการ ดังนั้น ธนาคารขอแนะนำให้ลูกค้า
1. ใช้มือบังแป้นคีย์บอร์ดขณะกดรหัส 2. ธนาคารขอแนะนำให้ลูกค้าสมัครบริการแจ้งความเคลื่อนไหวทางบัญชีผ่าน SMS ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่มีให้บริการอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถทราบความเปลี่ยนแปลงทางบัญชีได้อย่างรวดเร็ว
***ใช้แก๊สตัดตู้เอทีเอ็มกวาดเงินสดกว่า 1.6 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บริษัท กรุงเทพเซอร์เว๊กซ์ จำกัดว่า เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนงัดประตูด้านข้างตู้เอทีเอ็ม ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาท่าเรือโบ๊ทลากูน ภูเก็ต ถ.เทพกระษัตรี ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง ภูเก็ต เข้าโจรกรรมเงินสดไปจากตู้เอทีเอ็ม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางถึง ก็พบกับนายวีระ ทองเกลา อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพนักงานขนเงินของบริษัท กรุงเทพเซอร์เอ็กซ์ จำกัด ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบประตูไม้ขนาดใหญ่ของห้อง สายยูคล้องกุญแจถูกตัดด้วยเครื่องตัดเหล็กชนิดแก๊ส และเมื่อเปิดประตูไม้ ก็พบว่าจะมีประตูเหล็กอีกชั้น และสายยูคล้องกุญแจก็ถูกตัดด้วยเครื่องตัดเหล็กชนิดแก๊สเช่นกัน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปภายในด้านหลังตู้เอทีเอ็ม และตรวจสอบสัญญาณเตือนภัยที่ติดตั้งไว้ภายในห้องพบว่าถูกคนร้ายตัดขาด โดยคนร้ายสามารถนำเงินไปได้ประมาณ 1,659,100 บาท
จากกรณีมีผู้เสียหายกว่า 50 รายเข้าแจ้งความ สน.ลุมพินีว่าเงินหายไปจากบัญชีรายละประมาณ 30,000-70,000 บาท หลังจากไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงศรีอยุธยาและธนาคารธนชาต ในอาคารออลซีซั่นส์ เพลส อาคารโรเล็กซ์ ถนนวิทยุ และบริเวณใกล้เคียง นายสมชาย พิชิตสุรจิต กรรมการบริหารชมรมตรวจสอบ และป้องกันการทุจริต สมาคมธนาคารไทย แจ้งว่าได้มีการตรวจสอบ และเฝ้าระวังแล้ว และทางธนาคารจะรีบดำเนินการบล็อคทันที หากพบว่ามีการถอนเงินจากต่างประเทศ
"ตอนนี้พบที่ ถ.วิทยุ 3 อาคาร ออลซีซั่น โรเล็กซ์ และ อพอลโล่ แต่ไม่ต้องกังวล ทางธนาคารจะเป็นผู้รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น พร้อมเตือนช่วงกดรหัสเอทีเอ็มควรใช้มือบังเพราะมิจฉาชีพอาจติดกล้องรูเข็มเพื่อแอบดูรหัสได้"
รายงานระบุว่า ผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ลุมพินีตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา เบื้องต้นต้นทางที่ถอนเงินมาจากยูเครนและเซ็นต์ปีเตอร์เบิร์ก
ขณะที่ธนาคารกสิกรไทย ได้ชี้แจงว่าตามที่ได้มีการส่งข้อความทางช่องทางต่างๆให้งดการใช้บริการตู้เอทีเอ็ม ของธนาคารกสิกรไทยในช่วงนี้ ธนาคารขอยืนยันว่าลูกค้าสามารถใช้บริการตู้เอทีเอ็มได้ตามปกติอย่างปลอดภัย จากการคัดลอกข้อมูลบัตรเอทีเอ็มในครั้งนี้ มีบัตรเดบิต เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยและธนาคารต่างๆที่ได้รับผลกระทบ 5 ธนาคาร ในส่วนของธนาคารกสิกรไทยเป็นจำนวนบัตรเดบิตที่ถูกทุจริต 117 บัตร ในจำนวนนี้ 38 ราย ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้นประมาณ 270,000 บาท โดยเงินจำนวนนี้ทั้งหมดธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารผู้ออกบัตรจะเป็นผู้รับผิดชอบชดเชยให้กับลูกค้า พร้อมกันนี้ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการนำภาพคนร้ายที่บันทึกได้จากตู้ ATM ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามต่อไป
"เรื่องนี้เป็นกรณีของ ATM Skimming คือ การที่คนร้ายเอาอุปกรณ์มาติดที่ตู้บริเวณที่เสียบบัตรเพื่อคัดลอกข้อมูลแถบแม่เหล็กเพื่อไปทำบัตรปลอม และนำไปถอนเงินในต่างประเทศ ซึ่งปกติเป็นแกงค์ต่างชาติ"
ทั้งนี้ สมาคมธนาคารได้เคยแจ้งเตือนให้ประชาชนที่มีบัตร ATM ให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้เพื่อป้องกันการถูกลักลอบขโมยข้อมูลบนแถบแม่เหล็กและรหัสประจำบัตร โดยกลุ่มมิจฉาชีพจะใช้วิธีการนำอุปกรณ์มาครอบช่องเสียบบัตร และใช้วิธีซ่อนกล้องถ่ายภาพขนาดเล็กไว้บริเวณใกล้ตู้ ATM หรือยืนด้านหลังผู้ที่กำลังทำรายการ ดังนั้น ธนาคารขอแนะนำให้ลูกค้า
1. ใช้มือบังแป้นคีย์บอร์ดขณะกดรหัส 2. ธนาคารขอแนะนำให้ลูกค้าสมัครบริการแจ้งความเคลื่อนไหวทางบัญชีผ่าน SMS ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่มีให้บริการอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถทราบความเปลี่ยนแปลงทางบัญชีได้อย่างรวดเร็ว
***ใช้แก๊สตัดตู้เอทีเอ็มกวาดเงินสดกว่า 1.6 ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภ.เมืองภูเก็ตได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่บริษัท กรุงเทพเซอร์เว๊กซ์ จำกัดว่า เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนงัดประตูด้านข้างตู้เอทีเอ็ม ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาท่าเรือโบ๊ทลากูน ภูเก็ต ถ.เทพกระษัตรี ม.2 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง ภูเก็ต เข้าโจรกรรมเงินสดไปจากตู้เอทีเอ็ม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางถึง ก็พบกับนายวีระ ทองเกลา อายุ 29 ปี ชาวจังหวัดตรัง ซึ่งเป็นพนักงานขนเงินของบริษัท กรุงเทพเซอร์เอ็กซ์ จำกัด ได้นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ พบประตูไม้ขนาดใหญ่ของห้อง สายยูคล้องกุญแจถูกตัดด้วยเครื่องตัดเหล็กชนิดแก๊ส และเมื่อเปิดประตูไม้ ก็พบว่าจะมีประตูเหล็กอีกชั้น และสายยูคล้องกุญแจก็ถูกตัดด้วยเครื่องตัดเหล็กชนิดแก๊สเช่นกัน เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปภายในด้านหลังตู้เอทีเอ็ม และตรวจสอบสัญญาณเตือนภัยที่ติดตั้งไว้ภายในห้องพบว่าถูกคนร้ายตัดขาด โดยคนร้ายสามารถนำเงินไปได้ประมาณ 1,659,100 บาท