00 สถานการณ์และบรรยากาศในเวลานี้ ในบรรยากาศที่คนไทยเกือบทั้งแผ่นดินได้ "ตาสว่าง" ตื่นรู้ ได้เห็นธาตุแท้ความเห็นแก่ตัวของ ทักษิณ ชินวัตร และคนในครอบครัว ชนิดที่เรียกว่า "เห็นไปถึงขี้ถึงใส้"กันเลยทีเดียว ก็เพราะร่าง"กฎหมายอุบาทว์"ที่เรียกว่า นิรโทษกรรมฯอะไรนั่น เพราะมันสะท้อนให้เห็นภาพการเห็นแก่ตัว คิดเอาแต่ได้ และที่สำคัญทำให้เห็นว่าที่ผ่านมามันก็แค่ "น้ำลายสกปรก"เท่านั้นเอง สิ่งไหนที่บอกว่าไม่ใช่นั่นแหละคือใช่ สิ่งไหนที่บอกว่าใช่ก็คือตรงกันข้าม ตอนแรกก็บอกว่าจะนิรโทษให้พวกชาวบ้านที่เข้าร่วมชุมนุมมีความผิดโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เอาเข้าจริงมันเป็นแค่ภาพตบตา ของจริงเพิ่งเผยให้เห็นในช่วงสำคัญ พรวดเข้ามา งานนี้แม้แต่บรรดาคนเสื้อแดงด้วยกันเองที่พอคิดเองได้บ้างถึงกับอ้าปากค้าง นึกไม่ถึงว่าจะเอาตัวรอด"เลวได้ใจ"ถึงเพียงนี้
00 อย่างไรก็ดี สำหรับคนทั่วไปลักษณะนิสัยแบบนี้ของ ทักษิณ มิใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่ถูกอำพรางตบตาเรื่อยมา แม้ว่าครั้งหนึ่งคนไทยเคย "ตาสว่าง" มาแล้วมาตั้งแต่ปี 48-49 ตั้งแต่ขายหุ้นชิน 7.3 หมื่นล้านบาท โดยไม่ยอมเสียภาษีสักบาท แต่ก็ดันมี "ทหารเห็นแก่ตัว" ที่ชื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ชิงลงมือรัฐประหารเสียก่อน เนื่องจากเกรงว่าตัวเองจะถูกปลดพ้นจากเก้าอี้ ผบ.ทบ. ตั้งแต่นั้นมา "แม้ว"ก็ใช้ "หน้ากากประชาธิปไตย" อ้างเรื่องเลือกตั้ง อ้างเสียงข้างมากมาหากิน จนไปไกลถึงขนาดสร้างภาพให้เป็น "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ก็มี ซึ่งก็ได้ผลมีคนเชื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อได้เห็นตัวตนจริงเมื่อกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งแม้ว่าจะผ่านทาง "หุ่นเชิด" คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวตัวเอง ทั้งที่รูัทั้งรู้ว่าไม่มีสติปัญญาที่จะเป็นผู้นำได้ แต่ก็ดันทุรัง เพราะไม่ไว้ใจใคร อีกทั้งคงมั่นใจว่า สามารถกล่อมคนไทยให้หลงเชื่อได้ไม่ยาก เราจึงได้เห็นบรรยากาศ "ขี้ข้า" เกิดขึ้นทั้งใน และนอกสภา
00 ที่สำคัญผลงานของรัฐบาลน้องสาวตัวเอง ผลงานห่วยแตก "กระจอก" ยิ่งกว่ารัฐบาลชุดไหนๆ เพราะเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างกลไก องค์ประกอบทั้งใน และนอกสภา มีเสียงสนับสนุนแบบเบ็ดเสร็จ ตัวบุคคลที่เลือกเข้ามาทำหน้าที่ก็ล้วนแต่เป็นคนของตัวเอง ชี้นิ้วสั่งได้ตามอำเภอใจ แต่ผลที่ออกมามันช่าง "ไร้มาตรฐาน" สิ้นดี ไล่ตั้งแต่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาจนถึงข้าทาส มีแต่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ นี่แหละเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนไทยทนไม่ไหว ขาดผึงต้องออกมา เหมือนกับลูกจ้างที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ทุจริตคดโกง แต่ดันคิดจะมาขอ "อภิสิทธิ์"อยู่เหนือคนอื่นอย่างนี้มันต้อง "กระทืบ" และไล่ออกลูกเดียว
00 การออกมาคราวนี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ เพราะแทบจะเรียกได้ว่า แทบจะทุกวงการ ทั้งแพทย์พยาบาล นักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย แม้แต่ศิลปินดาราคนดังๆ ต่างก็เปิดหน้าเปิดตาออกมาแสดงความเห็น มีการเคลื่อนไหวคัดค้านกันอย่างชัดเจน ไม่มีปิดบังกันอีกต่อไปแล้ว และลุกลามออกไปทั่วประเทศ มันก็ยิ่งทำให้ได้เห็นถึงความ "อัปยศ" ซ้ำซาก ของคนไทยครอบครัวนี้จริงๆว่า คราวใดก็ตามที่พอมีอำนาจถึงขีดสุดแล้ว พวกเขาก็ทำลายตัวเองได้ทุกทีซีน่า อย่างคราวนี่ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่เห็นแก่ตัว หรือโลภแบบนี้ รับรองว่ายังทำมาหากินโกงประเทศไทยได้อีกพักใหญ่ แต่เมื่อเกิดปรากฏการณ์แบบนี้แล้ว ถึงจะอยู่ได้ แต่"ไม่เหมือนเดิม" แล้ว เพราะธาตุแท้เผยออกมาให้คนทั้งประเทศได้เห็นหมดแบบล่อนจ้อนแล้ว
00 ขณะเดียวกันถ้าจะบอกว่า ประธานวุฒิสภา นิคม ไวยรัชพานิช ขี้ข้าคนใหม่จะทำงานขันแข็ง รวบรัดจนผ่านไปได้ในวันที่ 11 พ.ย.ที่ตรงกับวันที่ "ศาลโลก" พิพากษาเรื่องพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เหมือนกับ "จงใจ" ก็ตาม แม้ในสภาจะผ่านไปได้ แต่นอกสภารับรองมีรายการ "ลุกฮือ" กันครั้งใหญ่ ส่วนจะถึงขั้นจลาจลเกิด "สงครามกลางเมือง" ตามมาหรือเปล่า ยังไม่กล้าเดา แต่เมื่อดูดจากปฏิกิริยาของสังคมในเวลานี้ ถือว่ามีเหตุมีมากกว่า จนเทียบกันไม่ติด และถ้าวันนั้นมีจริง ก็ถึงเวลา "ไปกันทั้งโคตร"ได้เลย
00 เข้าใจว่าพยายามจะพูดให้เท่ แต่มันไม่ใช่ มันทุเรศ สำหรับท่าทีล่าสุดของ "ตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้ทุกฝ่าย "ถอยคนละก้าว" พูดออกมาได้อย่างไร ให้ต่างคนต่างถอย ถ้าพูดแบบนี้คนที่ต้อง "ถอยให้ไกลๆ" คนแรกก็คือเอ็งนั่นแหละ พูดแบบไม่คิด เหมือนพวก "เป็นกลาง" ก่อนหน้านี้ ไม่พิจารณาแยกดี-ชั่ว สาเหตุว่าที่ชาวบ้านเขาออกมากันทุกอาชีพ แม้แต่เด็กๆ เขายัง "มีวุฒิภาวะ" คิดได้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด เพราะนี่คือเรื่องความถูกต้อง-กับไม่ถูกต้อง ดีกับเลว หยวนๆ หรือถอย ปล่อยไปไม่ได้เป็นขาด มิน่า ผบ.ทบ. แบบนี้ไงละที่ "ทรราชย์แม้ว" มันไว้ใจนัก ทุด !!
00 อย่างไรก็ดี สำหรับคนทั่วไปลักษณะนิสัยแบบนี้ของ ทักษิณ มิใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เกิดขึ้นมานานแล้ว เพียงแต่ถูกอำพรางตบตาเรื่อยมา แม้ว่าครั้งหนึ่งคนไทยเคย "ตาสว่าง" มาแล้วมาตั้งแต่ปี 48-49 ตั้งแต่ขายหุ้นชิน 7.3 หมื่นล้านบาท โดยไม่ยอมเสียภาษีสักบาท แต่ก็ดันมี "ทหารเห็นแก่ตัว" ที่ชื่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ชิงลงมือรัฐประหารเสียก่อน เนื่องจากเกรงว่าตัวเองจะถูกปลดพ้นจากเก้าอี้ ผบ.ทบ. ตั้งแต่นั้นมา "แม้ว"ก็ใช้ "หน้ากากประชาธิปไตย" อ้างเรื่องเลือกตั้ง อ้างเสียงข้างมากมาหากิน จนไปไกลถึงขนาดสร้างภาพให้เป็น "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ก็มี ซึ่งก็ได้ผลมีคนเชื่อ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อได้เห็นตัวตนจริงเมื่อกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้งแม้ว่าจะผ่านทาง "หุ่นเชิด" คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวตัวเอง ทั้งที่รูัทั้งรู้ว่าไม่มีสติปัญญาที่จะเป็นผู้นำได้ แต่ก็ดันทุรัง เพราะไม่ไว้ใจใคร อีกทั้งคงมั่นใจว่า สามารถกล่อมคนไทยให้หลงเชื่อได้ไม่ยาก เราจึงได้เห็นบรรยากาศ "ขี้ข้า" เกิดขึ้นทั้งใน และนอกสภา
00 ที่สำคัญผลงานของรัฐบาลน้องสาวตัวเอง ผลงานห่วยแตก "กระจอก" ยิ่งกว่ารัฐบาลชุดไหนๆ เพราะเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบระหว่างกลไก องค์ประกอบทั้งใน และนอกสภา มีเสียงสนับสนุนแบบเบ็ดเสร็จ ตัวบุคคลที่เลือกเข้ามาทำหน้าที่ก็ล้วนแต่เป็นคนของตัวเอง ชี้นิ้วสั่งได้ตามอำเภอใจ แต่ผลที่ออกมามันช่าง "ไร้มาตรฐาน" สิ้นดี ไล่ตั้งแต่ นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงมาจนถึงข้าทาส มีแต่สร้างความเดือดร้อนรำคาญ นี่แหละเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนไทยทนไม่ไหว ขาดผึงต้องออกมา เหมือนกับลูกจ้างที่ทำงานไม่ได้เรื่อง ทุจริตคดโกง แต่ดันคิดจะมาขอ "อภิสิทธิ์"อยู่เหนือคนอื่นอย่างนี้มันต้อง "กระทืบ" และไล่ออกลูกเดียว
00 การออกมาคราวนี้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ เพราะแทบจะเรียกได้ว่า แทบจะทุกวงการ ทั้งแพทย์พยาบาล นักศึกษา อาจารย์มหาวิทยาลัย แม้แต่ศิลปินดาราคนดังๆ ต่างก็เปิดหน้าเปิดตาออกมาแสดงความเห็น มีการเคลื่อนไหวคัดค้านกันอย่างชัดเจน ไม่มีปิดบังกันอีกต่อไปแล้ว และลุกลามออกไปทั่วประเทศ มันก็ยิ่งทำให้ได้เห็นถึงความ "อัปยศ" ซ้ำซาก ของคนไทยครอบครัวนี้จริงๆว่า คราวใดก็ตามที่พอมีอำนาจถึงขีดสุดแล้ว พวกเขาก็ทำลายตัวเองได้ทุกทีซีน่า อย่างคราวนี่ก็เช่นเดียวกัน ถ้าไม่เห็นแก่ตัว หรือโลภแบบนี้ รับรองว่ายังทำมาหากินโกงประเทศไทยได้อีกพักใหญ่ แต่เมื่อเกิดปรากฏการณ์แบบนี้แล้ว ถึงจะอยู่ได้ แต่"ไม่เหมือนเดิม" แล้ว เพราะธาตุแท้เผยออกมาให้คนทั้งประเทศได้เห็นหมดแบบล่อนจ้อนแล้ว
00 ขณะเดียวกันถ้าจะบอกว่า ประธานวุฒิสภา นิคม ไวยรัชพานิช ขี้ข้าคนใหม่จะทำงานขันแข็ง รวบรัดจนผ่านไปได้ในวันที่ 11 พ.ย.ที่ตรงกับวันที่ "ศาลโลก" พิพากษาเรื่องพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร เหมือนกับ "จงใจ" ก็ตาม แม้ในสภาจะผ่านไปได้ แต่นอกสภารับรองมีรายการ "ลุกฮือ" กันครั้งใหญ่ ส่วนจะถึงขั้นจลาจลเกิด "สงครามกลางเมือง" ตามมาหรือเปล่า ยังไม่กล้าเดา แต่เมื่อดูดจากปฏิกิริยาของสังคมในเวลานี้ ถือว่ามีเหตุมีมากกว่า จนเทียบกันไม่ติด และถ้าวันนั้นมีจริง ก็ถึงเวลา "ไปกันทั้งโคตร"ได้เลย
00 เข้าใจว่าพยายามจะพูดให้เท่ แต่มันไม่ใช่ มันทุเรศ สำหรับท่าทีล่าสุดของ "ตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้ทุกฝ่าย "ถอยคนละก้าว" พูดออกมาได้อย่างไร ให้ต่างคนต่างถอย ถ้าพูดแบบนี้คนที่ต้อง "ถอยให้ไกลๆ" คนแรกก็คือเอ็งนั่นแหละ พูดแบบไม่คิด เหมือนพวก "เป็นกลาง" ก่อนหน้านี้ ไม่พิจารณาแยกดี-ชั่ว สาเหตุว่าที่ชาวบ้านเขาออกมากันทุกอาชีพ แม้แต่เด็กๆ เขายัง "มีวุฒิภาวะ" คิดได้ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด เพราะนี่คือเรื่องความถูกต้อง-กับไม่ถูกต้อง ดีกับเลว หยวนๆ หรือถอย ปล่อยไปไม่ได้เป็นขาด มิน่า ผบ.ทบ. แบบนี้ไงละที่ "ทรราชย์แม้ว" มันไว้ใจนัก ทุด !!
