เกาะกระแส
00 เห็นบรรยากาศ กระแสต่อต้าน ทักษิณ ชินวัตร และรัฐบาล "หุ่นเชิด"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเวลานี้ทำให้ต้องหลับตาย้อนกลับไปนึกถึงบรรยากาศเก่าๆในช่วงปี 48-49 ก่อนที่ "บังเละ" พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน จะฉวยโอกาสทำการรัฐประหาร "หน่อมแน้ม"เสียของ ในตอนนั้นกระแส "ต้านแม้ว"ก่อตัวลุกลามไปทั่ว หลังจากได้เห็นความเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ แต่ที่ขาดผึงในตอนนั้นก็คือกรณีใช่เล่ห์ในตลาดหลักทรัพย์"ขายหุ้นชิน" 7.3 หมื่นล้านบาทโดยไม่เสียภาษี เหตุการณ์ดังกล่าวนี่แหละที่ทำให้สังคมทนไม่ไหว ต้องออกมา และคราวนี้เหตุการณ์ทำท่าจะซ้ำรอยเดิมอีกเมื่อ "ลุแก่อำนาจ"นึกว่ามี "ขี้ข้า"ทั้งในและนอกสภามากมายสามารถทำอะไรก็ได้ อันนำมาสู่การเสนอกม.ล้างผิดให้กับตัวเองในทุกคดี แถมยังคิดทุเรศแบบ"คาดไม่ถึง"ก็คือคิดจะยกเลิกความผิดย้อนหลังไปถึงปี 47 เอากันแบบ "เลยซอย"ตามใจชอบ
00 อาการแบบนี้แหละที่ทำให้สังคมทนไม่ไหว เพราะเห็นแก่ตัวเกินไป ที่สำคัญมัน "เลวเกินไป" ทำทุกอย่างประโยชน์ส่วนตัวล้วนๆ แต่อีกด้านหนึ่งก็"ทรยศ"ต่อความไว้วางใจของประชาชน ไม่ได้ตั้งใจทำหน้าที่เพื่อปวงชนอย่างที่เคยสัญญาหาเสียงเอาไว้ ทุกนโยบายประชานิยมล้วนเป็นการ "แจกเงินแบบมักง่าย" อาจถูกใจระยะสั้น แต่เมื่อเวลาผ่านมาก็ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม เหมือนอย่างที่กำลังเกิดขึ้นกับนโยบายจำนำข้าว รถคันแรก ขึ้นค่าแรง เป็นการเพิ่มต้นทุน สร้างหนี้ ขณะที่รายได้กลับหดตัวลง การส่งออกที่ล่าสุดมีการคาดหมายว่าไม่น่าจะเกินร้อยละ 1 เท่านั้น ทำให้สิ่งที่เป็นความหวังสูงสุดของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในตอนนี้ก็คือ "การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท"ที่อ้างว่ามาลงทุนโครงการขั้นพื้นฐาน ซึ่งมีการคาดกันว่าต้องนำมา "โปะ"ชดเชยภาวะถังแตก จากการขาดทุนโครงการประชานิยม จนหมุนเงินไม่ทัน เริ่มชักหน้าไม่ถึงหลังแล้ว
00 กระแสต้านแม้ว เวลานี้ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นก็เหมือนกับการ"สะสมพลังแห่งความเกลียด" มากขึ้นทุกวันจนวันหนึ่ง มันก็ถึงจุดระเบิด เพราะยิ่งนานไปยิ่วเผยให้เห็น "สันดานชั่ว" ขณะเดียวกันยังทรยศต่อความไว้วางใจ ทำได้แม้กระทั่ง"ทรยศกับคนเสื้อแดง" ที่พวกเขายอมหลงเชื่อทุกอย่าง จนยอมสละชีวิตเลือดเนื้อเพื่อ "รองตีน"ให้คนในครอบครัวชินวัตร มีอำนาจสร้างความร่ำรวยกันแบบไม่มีขีดจำกัด แต่พอถึงเวลากลับ "เอาตัวรอด"หันมาขยี้หัวใจแบบไม่ใยดี การออกกม.ล้างโทษ"ยกเข่ง"คราวนี้ หากทักษิณ และคนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย มี"สำนึกความเป็นคน"สักนิดรับรองว่าจะไม่มีทางลบล้างความผิดให้กับ "พวกฆาตกร"ในความเชื่อของคนเสื้อแดงแบบเหมารวม แบบนี้ เพราะอย่างน้อยก็ต้องพิสูจน์ความจริงกันทุกฝ่ายเสียก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากัน
00 แต่ที่น่าสมเพช น่าขยะแขยงไปกว่าก็คือพวก "หัวโจกเสื้อแดง"ที่เวลานี้ได้ "ใส่สูท"นั่งอยู่ในห้องแอร์เย็นฉ่ำกลับลืมกำพืดตัวเอง ลืมพี่น้องที่อยู่ข้างหลัง เวลานี้ที่เปลี่ยนไปเหมือนกับ "หลังตีน"นอกจาก "ขี้ขลาด"แล้ว ยังตลบตะแลง"เล่นละคร"ตบตาไม่เลิก ตั้งแต่คนที่รับงานมาเสนอร่างกม.อย่าง วรชัย เหมะ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ธิดา ถาวรเศรษฐ เหวง โตจิราการ คนพวกนี้บอกว่าจะค้านจนถึงที่สุด แต่ในความหมายที่ว่า "ยกมือสวน"หรือ "งดออกเสียง"ทำได้แค่นี้ ราวกับว่านี่คือการเสียสละใหญ่หลวงแล้วด้วยการสวนมติพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ในความเป็นจริงมันเป็นเรื่อง "อุดมการณ์" หากไม่ทรยศต่อมวลชนคนเสื้อแดงที่ตัวเอง "พาไปตาย" แล้ว คนพวกนี้ต้องแอ็กชั่นให้ดุเดือด ต้องจี้ให้พรรคเพื่อไทยหยุด ถ้าไม่หยุดก็ต้องลาออกจาก สส.พรรคเพื่อไทยประท้วง แล้วออกมานำมวลชนคัดค้านนอกสภาแบบที่เคยทำ แต่เท่าที่เห็นก็คือ "ละครขี้ข้า" มิหนำซ้ำยังใช้มุกตลกแบบเดิมๆมาใช้อีกนั่นคือ อ้างว่า"อำมาตย์"บงการเหมาเข่ง อำมาตย์"บิดาเอ็ง"นะซี เพราะนาทีนี้คนที่ไม่ต่างจากมหาอำมาตย์ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น
00 ขณะเดียวกันทางด้าน ปชป.ก็ต้อง"เดินให้สุดซอย"เหมือนกัน จะทำกั๊กๆ สู้ๆหยุดๆ แบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะคราวนี้มีการประกาศชุมนุมต้าน มีการระดมมวลชนกันเอิกเกริก ชาวบ้านเขาก็มีใจให้อยู่แล้วถึงยอมเสียสละออกมา แต่ถ้าไม่ทำตามที่พูดนั่นคือ "นำต้านถึงที่สุด" ซ้ำรอยแบบเดิมแล้วละก็ให้นับถอยหลังได้เลย เพราะชาวบ้านเขาก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน อย่างไรก็ตามงานนี้ขอให้จับตาแกนนำรุ่นใหม่ อย่าง "กรณ์ จาติกวณิช" ที่ดูแล้วชัดเจนเอาจริงเอาจัง แต่เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ชาวบ้านเห็น !!