ไม่หวั่นเศรษฐกิจไทยซบทำยอดขายลด 7.3% ในช่วงครึ่งปีแรก มั่นใจไตรมาสสุดท้ายตลาดคึกคักขึ้น เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการขายครบสูตรทั้งในส่วนของ ไทยเบฟ - โออิชิ - เสริมสุข ชูเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เป็นหัวหอกทำยอดขายโต 15-17% ต่อเนื่องถึงปี 2563 ย้ำยังสนใจซื้อกิจการใหม่เพิ่มขึ้น แต่จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดอย่างรอบคอบ
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทประกอบธุรกิจหลักส่วนคือ สุรา-เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร โดยมีการเชื่อมโยง 4 กลุ่มธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันคือ ไทยเบฟ โออิชิ เสริมสุข และ F&N ทำให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด สามารถทำยอดขายในปี 2555 ได้ถึง 1.6 แสนล้านบาท โดยกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือมากกว่าหนึ่งในสาม บริษัทจึงมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดในประเทศให้เป็นลักษณะการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ หรือ Regional market ที่มีศักยภาพในการผลิตและจัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ Soya Drink ไปจนถึง Single Molt รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำเต้าหู้ น้ำเก๊กฮวย น้ำอัดลม เครื่องดื่มสมุนไพร เครื่องดื่มชูกำลัง ตลอดจนเบียร์และสุรา โดยมีราคาจำหน่ายในตลาดทั่วโลกตั้งแต่ 5 บาทไปจนถึง 8 หมื่นบาท
ปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ “คีริน” (Kirin) ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มในเอเชีย โดยได้รับการสนับสนุนจาก มิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการออกไปลงทุนในกิจการทั่วโลก ขณะที่ ไทยเบฟ มียอดขายเป็นอันดับ 7 ของเอเชีย ในขณะที่ตั้งเป้าหมายระยะยาว 7 ปี หรือภายในปี 2563 ว่าจะสามารถทำยอดขายเป็น 1 ใน 5 ของเอเชีย ซึ่งย่อมหมายความว่าจะต้องพยายามรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายให้ได้ปีละ 15-17 %
การมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องมีรูปแบบธุรกิจ หรือ Business Model ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงยุทธศาสตร์การสร้างแบรนด์ซึ่งแม้ ไทยเบฟ จะเน้นการขยายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มากที่สุด แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทสุราและเบียร์ ขณะเดียวกันยังมีการเชื่อมโยงกับพันธมิตรทางธุรกิจคือ F&N จนสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ให้แก่ชาวต่างชาติได้ในวงกว้าง โดยมีจุดยืนคือการเป็น Regional Beverage Power House ในอาเซียน
“สำหรับมูลค่าตลาดรวมเครื่องดื่มในประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการมีประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ประเทศประสบปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทมียอดขายลดลง 7.3% แต่ยังมั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลังกระแสน่าจะกลับมาเป็นบวก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายเราจะมีกิจกรรมโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของไทยเบฟ โออิชิ และเสริมสุข เพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภคมากขึ้น เพราะในสายตาของประเทศเพื่อนบ้านยังคงมองว่าเศรษฐกิจไทยออกตัวได้ดี แม้จะการสะดุดบ้างแต่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าเรายังสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นย่อมจะทำให้ความตื่นตัวในเรื่องอัตราการบริโภคสูงขึ้นตามไปด้วย”
ไทยเบฟให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อย่างมาก เนื่องจากมีขนาดที่ใหญ่และมีความหลากหลายของประเภทสินค้ามาก จนสามารถแบ่งแยกตลาดย่อยลงได้อีก 14 ประเภท ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปโดยหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่สามารถเสริมคุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้น จึงทำให้เชื่อว่าตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์จะสามารถเติบโตได้มากในระยะยาว
“สำหรับผลิตภัณฑ์ของโออิชิและเสริมสุขในระยะนี้ถือเป็นช่วงของการลงทุน โดยมีการใช้ F&N ช่วยกระจายสินค้าสู่ต่างประเทศ ในขณะเดียวกันสินค้าของ F&N ก็จะเริ่มเข้าสู่ตลาดไทยมากขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าในระยะยาวการเติบโตของสินค้าไม่มีแอลกอฮอล์ในกลุ่มไทยเบฟจะมีอีกมากและถือเป็น Long Term Trend ของตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยปัจจุบันนักธุรกิจต่างชาติเริ่มให้ความสนใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของไทยเบฟมากขึ้น โดยยกให้เป็นผู้นำในเรื่องอาเซียน เทรนด์”
นายฐาปน ยังเปิดเผยถึงเรื่องการซื้อกิจการต่างๆ เพิ่มขึ้นว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยต้องเป็นธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับธุรกิจของ ไทยเบฟ ซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จำเป็นต้องมีการวางแผนและใช้กระบวนการกลั่นกรองอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการศึกษาทำความเข้าใจและเรียนรู้ประสิทธิภาพการจัดการที่เป็นจุดแข็งของธุรกิจนั้นๆ เพื่อให้มีการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังเช่นกรณีของ F&N ซึ่งต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ในทุกๆ ส่วนเป็นเวลานานติดต่อกันมากกว่า 6 ปี
“จากการที่ไทยเบฟเข้าไปลงทุนในกลุ่มของ F&N ทำให้มีการทำงานร่วมกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและมีศักยภาพการทำงานร่วมกันมากมาย โดยเฉพาะรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ F&N จัดจำหน่ายอยู่ในตลาดของเขากับในพื้นที่ตลาดของเรา ถือเป็นความโชคดีและลงตัวว่าไม่เคยมีสินค้าในกลุ่มใดที่ต้องแข่งขันกัน หากแต่เป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกันโดยใช้ความแข็งแกร่งในเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายที่ต่างฝ่ายต่างมีช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะในเชิงกลยุทธ์ของ ไทยเบฟ ที่มุ่งเน้นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จนทำให้วันนี้เราลงไปในเรื่องของ Asean Drink และ Daily Product ซึ่งจริงๆ แล้วมีการเปิดหมวดหมู่สินค้า หรือ Categories ใหม่ๆ ให้กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เช่นเดียวกัน”
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทประกอบธุรกิจหลักส่วนคือ สุรา-เบียร์ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และอาหาร โดยมีการเชื่อมโยง 4 กลุ่มธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันคือ ไทยเบฟ โออิชิ เสริมสุข และ F&N ทำให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดด สามารถทำยอดขายในปี 2555 ได้ถึง 1.6 แสนล้านบาท โดยกลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สามารถทำรายได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือมากกว่าหนึ่งในสาม บริษัทจึงมีเป้าหมายที่จะขยายตลาดในประเทศให้เป็นลักษณะการรวมกลุ่มเศรษฐกิจ หรือ Regional market ที่มีศักยภาพในการผลิตและจัดจำหน่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่ Soya Drink ไปจนถึง Single Molt รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น น้ำเต้าหู้ น้ำเก๊กฮวย น้ำอัดลม เครื่องดื่มสมุนไพร เครื่องดื่มชูกำลัง ตลอดจนเบียร์และสุรา โดยมีราคาจำหน่ายในตลาดทั่วโลกตั้งแต่ 5 บาทไปจนถึง 8 หมื่นบาท
ปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ “คีริน” (Kirin) ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มในเอเชีย โดยได้รับการสนับสนุนจาก มิตซูบิชิ คอร์เปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ที่มีความชำนาญและประสบการณ์ในการออกไปลงทุนในกิจการทั่วโลก ขณะที่ ไทยเบฟ มียอดขายเป็นอันดับ 7 ของเอเชีย ในขณะที่ตั้งเป้าหมายระยะยาว 7 ปี หรือภายในปี 2563 ว่าจะสามารถทำยอดขายเป็น 1 ใน 5 ของเอเชีย ซึ่งย่อมหมายความว่าจะต้องพยายามรักษาอัตราการเติบโตของยอดขายให้ได้ปีละ 15-17 %
การมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องมีรูปแบบธุรกิจ หรือ Business Model ที่ชัดเจนและสอดคล้องกับกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึงยุทธศาสตร์การสร้างแบรนด์ซึ่งแม้ ไทยเบฟ จะเน้นการขยายเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์มากที่สุด แต่ก็ยังคงให้ความสำคัญกับสินค้าประเภทสุราและเบียร์ ขณะเดียวกันยังมีการเชื่อมโยงกับพันธมิตรทางธุรกิจคือ F&N จนสามารถสร้างการรับรู้แบรนด์ให้แก่ชาวต่างชาติได้ในวงกว้าง โดยมีจุดยืนคือการเป็น Regional Beverage Power House ในอาเซียน
“สำหรับมูลค่าตลาดรวมเครื่องดื่มในประเทศไทยอย่างไม่เป็นทางการมีประมาณ 5 แสนล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ประเทศประสบปัญหาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้บริษัทมียอดขายลดลง 7.3% แต่ยังมั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลังกระแสน่าจะกลับมาเป็นบวก โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายเราจะมีกิจกรรมโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของไทยเบฟ โออิชิ และเสริมสุข เพื่อกระตุ้นการรับรู้ของผู้บริโภคมากขึ้น เพราะในสายตาของประเทศเพื่อนบ้านยังคงมองว่าเศรษฐกิจไทยออกตัวได้ดี แม้จะการสะดุดบ้างแต่ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าเรายังสามารถกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นย่อมจะทำให้ความตื่นตัวในเรื่องอัตราการบริโภคสูงขึ้นตามไปด้วย”
ไทยเบฟให้ความสำคัญกับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อย่างมาก เนื่องจากมีขนาดที่ใหญ่และมีความหลากหลายของประเภทสินค้ามาก จนสามารถแบ่งแยกตลาดย่อยลงได้อีก 14 ประเภท ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปโดยหันมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่สามารถเสริมคุณภาพชีวิตเพิ่มขึ้น จึงทำให้เชื่อว่าตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอลล์จะสามารถเติบโตได้มากในระยะยาว
“สำหรับผลิตภัณฑ์ของโออิชิและเสริมสุขในระยะนี้ถือเป็นช่วงของการลงทุน โดยมีการใช้ F&N ช่วยกระจายสินค้าสู่ต่างประเทศ ในขณะเดียวกันสินค้าของ F&N ก็จะเริ่มเข้าสู่ตลาดไทยมากขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าในระยะยาวการเติบโตของสินค้าไม่มีแอลกอฮอล์ในกลุ่มไทยเบฟจะมีอีกมากและถือเป็น Long Term Trend ของตลาดเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ โดยปัจจุบันนักธุรกิจต่างชาติเริ่มให้ความสนใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของไทยเบฟมากขึ้น โดยยกให้เป็นผู้นำในเรื่องอาเซียน เทรนด์”
นายฐาปน ยังเปิดเผยถึงเรื่องการซื้อกิจการต่างๆ เพิ่มขึ้นว่า ถือเป็นเรื่องสำคัญที่มีผลต่อการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยต้องเป็นธุรกิจที่มีความสอดคล้องกับธุรกิจของ ไทยเบฟ ซึ่งถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จำเป็นต้องมีการวางแผนและใช้กระบวนการกลั่นกรองอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะการศึกษาทำความเข้าใจและเรียนรู้ประสิทธิภาพการจัดการที่เป็นจุดแข็งของธุรกิจนั้นๆ เพื่อให้มีการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังเช่นกรณีของ F&N ซึ่งต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้ในทุกๆ ส่วนเป็นเวลานานติดต่อกันมากกว่า 6 ปี
“จากการที่ไทยเบฟเข้าไปลงทุนในกลุ่มของ F&N ทำให้มีการทำงานร่วมกันอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและมีศักยภาพการทำงานร่วมกันมากมาย โดยเฉพาะรูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ F&N จัดจำหน่ายอยู่ในตลาดของเขากับในพื้นที่ตลาดของเรา ถือเป็นความโชคดีและลงตัวว่าไม่เคยมีสินค้าในกลุ่มใดที่ต้องแข่งขันกัน หากแต่เป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกันโดยใช้ความแข็งแกร่งในเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายที่ต่างฝ่ายต่างมีช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะในเชิงกลยุทธ์ของ ไทยเบฟ ที่มุ่งเน้นเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์จนทำให้วันนี้เราลงไปในเรื่องของ Asean Drink และ Daily Product ซึ่งจริงๆ แล้วมีการเปิดหมวดหมู่สินค้า หรือ Categories ใหม่ๆ ให้กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เช่นเดียวกัน”
