xs
xsm
sm
md
lg

“โต้ง”ชงครม. เพิ่มเบี้ยพิการ เดือนละ600บ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (31 ต.ค. )ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี สัญจร ที่ จ.ลพบุรี วันที่ 1 พ.ย.นี้ คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) คณะที่ 2 (ฝ่ายสังคมและกฎหมาย) ที่มี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะเสนอเพิ่มอัตราเบี้ยคนพิการจาก 500 บาท/คน/เดือน เป็น 600 บาท/คน/เดือน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2557 เป็นต้นไป และจะมีภาระทางงบประมาณเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 1 พันล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม.ฝ่ายเศรษฐกิจที่มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธาน และจะบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาในการประชุมครม.
ทั้งนี้การปรับค่าเบี้ยความพิการจาก 500 บาท/คน/เดือน เป็น 600 บาท/คน/เดือน เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยขอให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการจัดทำคำของบประมาณประจำปีงบประมาณ 2557 เพื่อเสนอ ครม.ให้ความเห็นชอบต่อไป
นอกจากนั้น ยังขอให้พิจารณาการปรับขึ้นเบี้ยคนพิการจาก 600 บาท/คน/เดือน เป็น 800 บาท/คน/เดือน ในปีงบประมาณ 2558 ต่อไป อย่างไรก็ตาม สำนักงบประมาณได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการปรับเพิ่มเบี้ยความพิการให้กับคนพิการเพิ่มอีก 100 บาท/คน/เดือน จะไม่ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณ
มีรายงานข่าวจาก กระทรวงมหาดไทยเปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะมีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นผู้ใช้งบประมาณในส่วนนี้ ในส่วนของเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ60 ปีขึ้นไป และเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพ มีหลักประกันรายได้อย่างทั่วถึงเป็นธรรม หรือเบี้ยยังชีพ วงเงิน 60,999 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2557
แหล่งข่าวจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จะจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุ และเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ โครงการสนับสนุนการเสริมสร้างสวัสดิการทางสังคมให้แก่คนพิการหรือทุพพลภาพ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 เพิ่มเติม ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ขอรับการสนับสนุน เพื่อนำไปจ่ายเป็นเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการให้แก่ผู้สูงอายุและคนพิการที่ลงทะเบียนไว้แล้ว จึงให้จังหวัดดำเนินการ โดยให้ตรวจสอบรายละเอียดจำนวนผู้สูงอายุและคนพิการเป็นรายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ถูกต้องกับจำนวนที่ขอรับงบประมาณจัดสรรเพิ่มเติมในครั้งนี้ เพื่อเตรียมจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ครบถ้วน
อีกทั้งให้จังหวัดกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเบี้ยความพิการ โดยให้ถือปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2552 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2553 รวมทั้งระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้านการเงินและวิธีงบประมาณอย่างเคร่งครัด
แหล่งข่าวจากศาลาว่าการ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กทม.ได้เตรียมการเปิดรับจดทะเบียนเบี้ยยังชีพรายเดือนแบบขั้นบันไดสำหรับผู้สูงอายุรายใหม่ และผู้พิการรายใหม่ เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 ซึ่งจะมีสิทธิรับเงินเบี้ยยังชีพตั้งแต่เดือน ต.ค. 57 เป็นต้นไป ขณะนี้มีจำนวนผู้สูงอายุที่ลงทะเบียนในเขตกรุงเทพฯแล้ว 529,304 คน ใช้เงินจ่ายค่าเบี้ยยังชีพในปีที่ผ่านมาเป็นเงิน 4,190,829,800 บาท.
มีรายงานจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ว่า หลังจากที่รัฐบาลประกาศจะให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและคนพิการเพิ่มในงบประมาณรายจ่ายปี 2557 ที่จะต้องจ่ายเป็นเงินรายละ 600 บาท ในวันที่ 1 ต.ค.56นั้น สร้างความสับสนให้กับเจ้าหน้าที่อย่างมาก หลังจากรัฐบาลแจ้งว่า ให้ท้องถิ่นจะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิธีงบประมาณ พ.ศ. 2502 มาตรา 16 ใช้กรอบวงเงินงบประมาณ 2556 ไปพลางก่อนตามหลักเกณฑ์ที่สำนักงบประมาณกำหนด
ขณะที่กรมส่งเสริมฯ กำลังอยู่ระหว่างปรึกษากับสำนักงบประมาณว่า แผนงานใดบ้างที่มีความจำเป็นต้องขอความเห็นชอบ จากนั้นกรมฯ จะแจ้งจัดสรรงบประมาณให้ คาดว่าไตรมาสแรกจะใช้จ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 35 ฉะนั้นเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เงินเบี้ยยังชีพคนพิการงวดแรกคงจะอยู่ที่ 3 เดือน 25 % และจะ ต้องยืมเงินสะสมไปก่อนทำให้เจ้าหน้าที่ จะต้องรอหนังสือจากกระทรวงมหาดไทย หนังสือแจ้งจัดสรร ให้ยืมเงินสะสมตามยอดเงินที่แจ้งเพื่อจ่ายตามยอดคนของปี 57
“ ตามปกติธรรมดาทั่วไปที่เคยเป็นมาทุกปีหลาย อปท.มักจะได้รับการจัดสรรงบประมาณเบี้ยยังชีพไม่พอ อาจจะเนื่องมาจากยอดคนเพิ่มขึ้น และจ่ายเงินเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้นของผู้สูงอายุ”
มีรายงานว่า ขณะที่ อปท.ส่วนใหญ่ต้องทำหนังสือขอเงินไปยังกรมส่งเสริมฯอีกรอบ สร้างความสับสนให้กับนโยบายของรัฐบาลอย่างมาก
กำลังโหลดความคิดเห็น