วานนี้ (28 ต.ค.56) ณ ลานอเนกประสงค์ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวในระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “อนาคตเศรษฐกิจไทยภายใต้ประชาคมอาเซียน” ที่จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ ว่า เศรษฐกิจโลกในช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมา และต่อไปในอนาคต จะเปลี่ยนแปลง และส่งผลต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น มีทั้งโอกาสและความท้าทาย ซึ่งเราคนไทยจะต้องสร้างภูมิคุ้มกัน เสริมพลังร่วมกันอย่างแข็งขัน เพื่อขยายโอกาสการทำธุรกิจการค้าให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป โดยเฉพาะการใช้กลไก การเป็นประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ซึ่งรัฐบาล และภาคเอกชน ได้ผนึกกำลังร่วมกันเตรียมพร้อม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทำให้คนไทยกินดีอยู่ดีมีความเสมอภาค และเป็นธรรมตลอดไป
**ให้ไทยมองอาเซียนเป็นครอบครัว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม เชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมไปกับสนับสนุนธุรกิจไทยรวมทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ในแต่ละท้องถิ่น โดยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทั้งสินค้า และบริการ รวมทั้ง OTOP ให้มีมูลค่าเพิ่ม เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะต้องส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรม สำหรับอนาคตของธุรกิจไทย และที่สำคัญคือ เสริมสร้างความเชื่อมั่นในบรรยากาศการค้าการลงทุนไทยโดย พัฒนาโครงสร้างการศึกษาสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยในอนาคต และปรับกระบวนทัศน์ระบบราชการให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคตที่จะก้าวหน้าไปในหลายๆ มิติ
"ขณะนี้คนไทยต้องปรับแนวคิดว่า 10 ประเทศอาเซียนคือครอบครัวเรา แม้ยังมีถึง 31 ธันวาคม 2558 ด้วยเหตุที่ว่าการรวมกลุ่มของอาเซียนไม่ได้สิ้นสุดที่วันนั้น แต่อาเซียนทุกประเทศ จะต้องร่วมมือกันในทุกๆด้าน ให้มีความใกล้ชิดและเข้มแข็งยิ่งๆขึ้น เพื่อขยายโอกาสการค้าและการแข่งขันร่วมกัน” นายกฯกล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า และเพื่อก้าวสู่เขตการค้าเสรี กับอีกหลายตลาดที่มีศักยภาพ และสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจไทยต่อไป เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ภายใต้กรอบ FTA-ASEAN + 6 และอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป รวม 28 ประเทศ และ Trans Pacific Partnership หรือ TPP ที่ครอบคลุมตลาดในทวีปอเมริกา ทำให้อาเซียนเป็นแหล่งดึงดูดการทำการค้าและการลงทุนที่น่าสนใจยิ่ง เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลที่สัมผัสได้ จึงขอเชิญชวนประชาชนทั้งชาวไทย และต่างชาติได้มาเยี่ยมชมนิทรรศการ อนาคตเศรษฐกิจไทยภายใต้ประชาคมอาเซียน ที่รัฐบาลตั้งใจเป็นอย่างมาก ในการใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการบอกกล่าวให้คนไทยทุกคนได้รู้ว่า เราจะได้อะไรจากประชาคมอาเซียน เพื่อให้คนไทยได้ก้าวไปสู่อนาคตแห่งโอกาสที่เปิดกว้างพร้อมกันอย่างถ้วนหน้า
**รมว.พณ.เชื่อ AEC มีผลต่อปากท้องคนไทย
ด้าน นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวเสริมว่า การสร้างความตระหนักรู้ และการเข้าถึงข้อมูลของสาธารณชนเป็นสว่นสำคัญ เกี่ยวกับการรวมตัวไปสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งมี 3 เสาหลัก ได้แก่ 1. เสาประชาคมการเมืองและความมั่นคง 2. เสาประชาคมสังคมและวัฒนธรรม และ 3. เสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยจะเน้นเสาเศรษฐกิจ (AEC) เป็นหลัก เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อปากท้องคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เกษตรกร ประชาชนทั่วไป นักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้นำประโยชน์จาก AEC ไปใช้ในการต่อยอดการทำมาหากิน รวมทั้งข้าราชการเพื่อให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างสอดคล้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนิทรรศการ “อนาคตเศรษฐกิจไทยภายใต้ประชาคมอาเซียน” จะจัดระหว่างวันที่ 28 ต.ค. - 6 พ.ย.นี้ ณ ลานอเนกประสงค์ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยภายในงานแบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่ คือ 1.นิทรรศการ “คนไทยได้อะไรจากประชาคมอาเซียน” โดยเน้นเรื่องหลัก คือ ภาพรวมประชาคมอาเซียน ทั้ง 3 เสา 2.นิทรรศการอุตสาหกรรมและธุรกิจศักยภาพหลักของไทย นำเสนอโอกาสอนาคตธุรกิจไทย 3.การสัมมนา 19 หัวข้อ เกี่ยวกับโอกาสและลู่ทางการค้าการลงทุนโดยทูตพาณิชย์ และนักธุรกิจไทยไปลงทุนในอาเซียน
4. คูหาอาเซียน จัดโดยของสถานทูตประเทศในอาเซียนประจำประเทศไทย แสดงความโดดเด่นและศักยภาพของแต่ละประเทศ 5.คลินิกให้คำปรึกษา อาทิ การวางแผนการทำธุรกิจ กฎหมาย-ภาษี-บัญชี การเงิน และการตลาด เป็นต้น 6.งานแสดงสินค้า The Best of Thailand และ การจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด และ 7. กิจกรรมให้ความรู้และความบันเทิง
**ให้ไทยมองอาเซียนเป็นครอบครัว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า รัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ในการพัฒนาโครงข่ายคมนาคม เชื่อมโยงการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมไปกับสนับสนุนธุรกิจไทยรวมทั้งขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ในแต่ละท้องถิ่น โดยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ทั้งสินค้า และบริการ รวมทั้ง OTOP ให้มีมูลค่าเพิ่ม เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะต้องส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมในอุตสาหกรรม สำหรับอนาคตของธุรกิจไทย และที่สำคัญคือ เสริมสร้างความเชื่อมั่นในบรรยากาศการค้าการลงทุนไทยโดย พัฒนาโครงสร้างการศึกษาสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยในอนาคต และปรับกระบวนทัศน์ระบบราชการให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในโลกอนาคตที่จะก้าวหน้าไปในหลายๆ มิติ
"ขณะนี้คนไทยต้องปรับแนวคิดว่า 10 ประเทศอาเซียนคือครอบครัวเรา แม้ยังมีถึง 31 ธันวาคม 2558 ด้วยเหตุที่ว่าการรวมกลุ่มของอาเซียนไม่ได้สิ้นสุดที่วันนั้น แต่อาเซียนทุกประเทศ จะต้องร่วมมือกันในทุกๆด้าน ให้มีความใกล้ชิดและเข้มแข็งยิ่งๆขึ้น เพื่อขยายโอกาสการค้าและการแข่งขันร่วมกัน” นายกฯกล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า และเพื่อก้าวสู่เขตการค้าเสรี กับอีกหลายตลาดที่มีศักยภาพ และสร้างศักยภาพให้กับธุรกิจไทยต่อไป เช่น จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ภายใต้กรอบ FTA-ASEAN + 6 และอื่นๆ เช่น สหภาพยุโรป รวม 28 ประเทศ และ Trans Pacific Partnership หรือ TPP ที่ครอบคลุมตลาดในทวีปอเมริกา ทำให้อาเซียนเป็นแหล่งดึงดูดการทำการค้าและการลงทุนที่น่าสนใจยิ่ง เพื่อให้เข้าถึงข้อมูลที่สัมผัสได้ จึงขอเชิญชวนประชาชนทั้งชาวไทย และต่างชาติได้มาเยี่ยมชมนิทรรศการ อนาคตเศรษฐกิจไทยภายใต้ประชาคมอาเซียน ที่รัฐบาลตั้งใจเป็นอย่างมาก ในการใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งในการบอกกล่าวให้คนไทยทุกคนได้รู้ว่า เราจะได้อะไรจากประชาคมอาเซียน เพื่อให้คนไทยได้ก้าวไปสู่อนาคตแห่งโอกาสที่เปิดกว้างพร้อมกันอย่างถ้วนหน้า
**รมว.พณ.เชื่อ AEC มีผลต่อปากท้องคนไทย
ด้าน นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ กล่าวเสริมว่า การสร้างความตระหนักรู้ และการเข้าถึงข้อมูลของสาธารณชนเป็นสว่นสำคัญ เกี่ยวกับการรวมตัวไปสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งมี 3 เสาหลัก ได้แก่ 1. เสาประชาคมการเมืองและความมั่นคง 2. เสาประชาคมสังคมและวัฒนธรรม และ 3. เสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยจะเน้นเสาเศรษฐกิจ (AEC) เป็นหลัก เนื่องจากมีผลโดยตรงต่อปากท้องคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เกษตรกร ประชาชนทั่วไป นักเรียน นิสิต นักศึกษา ให้นำประโยชน์จาก AEC ไปใช้ในการต่อยอดการทำมาหากิน รวมทั้งข้าราชการเพื่อให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างสอดคล้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนิทรรศการ “อนาคตเศรษฐกิจไทยภายใต้ประชาคมอาเซียน” จะจัดระหว่างวันที่ 28 ต.ค. - 6 พ.ย.นี้ ณ ลานอเนกประสงค์ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ โดยภายในงานแบ่งออกเป็น 7 โซน ได้แก่ คือ 1.นิทรรศการ “คนไทยได้อะไรจากประชาคมอาเซียน” โดยเน้นเรื่องหลัก คือ ภาพรวมประชาคมอาเซียน ทั้ง 3 เสา 2.นิทรรศการอุตสาหกรรมและธุรกิจศักยภาพหลักของไทย นำเสนอโอกาสอนาคตธุรกิจไทย 3.การสัมมนา 19 หัวข้อ เกี่ยวกับโอกาสและลู่ทางการค้าการลงทุนโดยทูตพาณิชย์ และนักธุรกิจไทยไปลงทุนในอาเซียน
4. คูหาอาเซียน จัดโดยของสถานทูตประเทศในอาเซียนประจำประเทศไทย แสดงความโดดเด่นและศักยภาพของแต่ละประเทศ 5.คลินิกให้คำปรึกษา อาทิ การวางแผนการทำธุรกิจ กฎหมาย-ภาษี-บัญชี การเงิน และการตลาด เป็นต้น 6.งานแสดงสินค้า The Best of Thailand และ การจำหน่ายสินค้าธงฟ้าราคาประหยัด และ 7. กิจกรรมให้ความรู้และความบันเทิง
