วานนี้ (28 ต.ค.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เป็นประธานในการประชุมอนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิการเมือง โดยได้พิจารณากรณีการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ และมีการร้องเรียนเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ว่าหน่วยงานของรัฐได้ละเมิดสิทธิในการชุมนุม มีการจับกุมนักเรียน นักศึกษาที่ขึ้นเวทีปราศรัยไปทำประวัติที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) นางเลิ้ง โดยมีตัวแทนหน่วยงานของรัฐประกอบด้วย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สน.นางเลิ้ง และ สน.พญาไท เข้าร่วมชี้แจง ขณะที่ทาง คปท.ได้มอบหมายให้ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ที่ปรึกษากฎหมายเข้าร่วมให้ข้อมูล
ทั้งนี้ทางอนุกรรมการได้ซักถามถึงเหตุผลของรัฐบาลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2548 รวมไปถึงการประกาศขยายเวลาการบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้ มาตรการดูแลความปลอดภัยในการชุมนุม ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังมีการก่อกวนการชุมนุมเช่นมีการปาระเบิดเพลิง หมามุ่ยเข้ามาในการชุมนุม และแผนป้องกันของตำรวจไม่ให้เกิดมือที่ 3 หรือชายชุดดำ ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงเหมือนกันการชุมนุมทางการเมืองในอดีตอย่างไร รวมถึงมุมมองตำรวจต่อการที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับรถสุขา และรถปั่นไฟ
**ตร.ยันเคารพสิทธิชุมนุม คปท.
พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) ที่เข้าชี้แจงแทนพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ที่รัฐบาลต้องประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงเนื่องจากประเมินเหตุการณ์ชุมนุม รวมถึงการเคลื่อนไหวของแกนนำผู้ชุมนุมแล้วเห็นว่า มีความต้องการต่อต้านรัฐบาล และมีแนวโน้มที่จะเกิดเหตุความรุนแรง ส่วนที่ต้องขยายการบังคับใช้ประกาศฯไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.นั้น เนื่องจากเห็นว่ารัฐสภาจะเปิดประชุมจนถึงวันที่ 28 พ.ย. และผู้ชุมนุมต้องการที่จะคัดค้านการออกกฎหมาย ประกอบกับในช่วงวันที่ 11 พ.ย.จะมีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ที่เชื่อว่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ไม่ว่าผลคำพิพาษาจะออกมาในทางใด
“การประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯจึงเป็นการดำเนินการเชิงป้องกัน ที่ฝ่ายความมั่นคงเห็นว่า น่าจะดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุแล้วมาแก้ไข และยืนยันตำรวจเคารพสิทธิในการชุมนุมตามกฎหมาย ซึ่งการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวนั้น เกิดการประเมินสถานการณ์ และพบว่าสถานการณ์มีแนวโน้มไปตามที่ประเมิน ไม่ใช่การคิดเอาเองโดยไม่มีข้อมูล” พล.ต.ท.อำนาจ กล่าว
ผู้ช่วย ผบ.ตร.บอกด้วยว่า ทางการข่าวพบว่าช่วงเวลานับจากนี้จะมีการเคลื่อนไหวทั้งสนับสนุนและคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการประสานไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตำรวจทุกที่ให้ดูแลการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนต่างๆอย่างใกล้ชิด หากพบแนวโน้มว่าการชุมนุมอาจเกินเลยจนเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลไม่ได้ รัฐบาลก็จะพิจารณาประกาศใช้กฎหมายพิเศษเพื่อควบคุมสถานการณ์ต่อไป
**เหน็บ กทม.หนุนม็อบไม่เหมาะสม
ในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยในการชุมนุมนั้น พล.ต.ท.อำนาจ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปดูแลได้อย่างเต็มที่จึงทำให้เกิดปัญหาอยู่จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากผู้ชุมนุมมองเจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายตรงข้าม พยายามปิดกั้นไม่ให้ตำรวจเข้าไปดูแลรวมถึงบางกรณีมองว่าตำรวจเป็นผู้ก่อเหตุเสียเองเช่นกล่าวหาว่า ตำรวจโยนหมามุ่ยเข้าใส่ผู้ชุมนุม ทั้งที่ในการชุมนุมผู้ชุมนุมก็ไม่ได้เป็นเอกภาพ อย่างเช่นเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่มีผู้ชุมนุมบางส่วนต้องการเคลื่อนไปที่หน้าทำเนียบ แต่แกนนำผู้ชุมนุมเดิมไม่เห็นด้วย เมื่อมีการเคลื่อนตัว ก็กลับมีการนำถุงดำไปคลุมกล้องวงจรปิดที่เดิมใช้ในการตรวจจับจราจร แต่เมื่อมีการชุมนุมทางตำรวจจึงใช้มาดูแลในเรื่องความปลอดภัยในการกับผู้ชุมนุม
พล.ต.ท.อำนาจ กล่าวด้วยว่า ทางตำรวจได้พยายามที่จะเจรจาให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไปปักหลักชุมนุมที่ลานกีฬาใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ ซึ่งห่างจากพื้นที่ชุมนุมแยกอุรุพงษ์เพียง 10 เมตร เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร โดยเฉพาะในช่วงต้นสัปดาห์หน้าที่จะมีการเปิดภาคเรียนทุกโรงเรียน แต่ทางผู้ชุมนุมก็ไม่ยินยอมกลับจะขอไปชุมนุมที่ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยอ้างแต่เพียงสิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ทั้งที่ก่อนจะอ้างมาตราดังกล่าวก็ควรต้องดูมาตรา 28 ที่ระบุว่าการจะใช้สิทธิก็ต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นด้วย ส่วนที่ กทม.อำนวยความสะดวกในเรื่องรถสุขา และเครื่องปั่นไฟนั้น แม้จะเป็นหน้าที่ แต่เมื่อการชุมนุมนี้มีเจตนาต่อต้านรัฐบาลทางตำรวจก็เห็นว่าไม่เหมาะสม
สำหรับกรณีที่ผู้ชุมนุมถูกก่อกวนด้วยระเบิดเพลิงนั้น พล.ต.ท.อำนาจ เปิดเผยว่า แท้จริงไม่ใช่ระเบิดเป็นเพียงขวดเครื่องดื่มชูกำลังใส่น้ำมันจุดไฟแล้วโยนลงมาจากทางด่วน โดยขณะนี้เป็นนคดีที่ สน.พญาไทและตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ แต่ในกรณีที่อ้างว่ามีการควบคุมตัวนักเรียน นักศึกษาที่ขึ้นเวทีไปทำประวัติที่ สน.นางเลิ้งนั้นยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ไม่มี เพราะสถานที่การชุมนุมอยู่ในความรับผิดชอบ สน.พญาไท
** “หมอนิรันดร์” ติงใช้ กม.ละเมิดสิทธิ ปชช.
ด้าน น.ส.พวงทิพย์ ได้สอบถามกรณีมีกระแสข่าวว่าจะมีการออกหมายจับแกนนำผู้ชุมนุม รวมถึงตำรวจเตรียมขอให้อัยการยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อถอนประกัน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และบุคคลอื่นที่เป็นจำเลยในคดีก่อการร้าย กรณีไปขึ้นเวทีปราศรัยของ คปท.ว่าจริงหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.ท.อำนาจ ก็ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการขอออกหมายจับแกนนำ รวมถึงยังไม่มีการจะยื่นขอถอนประกันบุคคลใด แต่อยากฝากไปยังแกนนำผู้ชุมนุมว่าขอให้การชุมนุมดำเนินอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะหากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตำรวจก็ต้องดำเนินการ รวมถึงควรให้ความร่วมมือกับตำรวจในการเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมซึ่งก็จะทำให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากกว่านี้
ขณะที่ นพ.นิรันดร์ กล่าวฝากไปถึง พล.ต.อ.ประชา เพื่อให้อธิบายถึงเหตุผลการประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯกับประชาชนให้ชัดเจนว่า มีข้อบ่งชี้ถึงเหตุความรุนแรงอย่างไร เป็นการสกัดกั้นมวลชนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุมหรือไม่ เพราะสังคมมองว่าที่รัฐประกาศใช้กฎหมายพิเศษนี้เกินเลยหรือละเมิดสิทธิการชุมนุมหรือไม่
ทั้งนี้ทางอนุกรรมการได้ซักถามถึงเหตุผลของรัฐบาลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2548 รวมไปถึงการประกาศขยายเวลาการบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.นี้ มาตรการดูแลความปลอดภัยในการชุมนุม ซึ่งจนถึงปัจจุบันยังมีการก่อกวนการชุมนุมเช่นมีการปาระเบิดเพลิง หมามุ่ยเข้ามาในการชุมนุม และแผนป้องกันของตำรวจไม่ให้เกิดมือที่ 3 หรือชายชุดดำ ที่จะเข้ามาสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงเหมือนกันการชุมนุมทางการเมืองในอดีตอย่างไร รวมถึงมุมมองตำรวจต่อการที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับรถสุขา และรถปั่นไฟ
**ตร.ยันเคารพสิทธิชุมนุม คปท.
พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร) ที่เข้าชี้แจงแทนพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ที่รัฐบาลต้องประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงเนื่องจากประเมินเหตุการณ์ชุมนุม รวมถึงการเคลื่อนไหวของแกนนำผู้ชุมนุมแล้วเห็นว่า มีความต้องการต่อต้านรัฐบาล และมีแนวโน้มที่จะเกิดเหตุความรุนแรง ส่วนที่ต้องขยายการบังคับใช้ประกาศฯไปจนถึงวันที่ 30 พ.ย.นั้น เนื่องจากเห็นว่ารัฐสภาจะเปิดประชุมจนถึงวันที่ 28 พ.ย. และผู้ชุมนุมต้องการที่จะคัดค้านการออกกฎหมาย ประกอบกับในช่วงวันที่ 11 พ.ย.จะมีการตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ที่เชื่อว่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ไม่ว่าผลคำพิพาษาจะออกมาในทางใด
“การประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคงฯจึงเป็นการดำเนินการเชิงป้องกัน ที่ฝ่ายความมั่นคงเห็นว่า น่าจะดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุแล้วมาแก้ไข และยืนยันตำรวจเคารพสิทธิในการชุมนุมตามกฎหมาย ซึ่งการประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวนั้น เกิดการประเมินสถานการณ์ และพบว่าสถานการณ์มีแนวโน้มไปตามที่ประเมิน ไม่ใช่การคิดเอาเองโดยไม่มีข้อมูล” พล.ต.ท.อำนาจ กล่าว
ผู้ช่วย ผบ.ตร.บอกด้วยว่า ทางการข่าวพบว่าช่วงเวลานับจากนี้จะมีการเคลื่อนไหวทั้งสนับสนุนและคัดค้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม การตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการประสานไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตำรวจทุกที่ให้ดูแลการเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนต่างๆอย่างใกล้ชิด หากพบแนวโน้มว่าการชุมนุมอาจเกินเลยจนเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลไม่ได้ รัฐบาลก็จะพิจารณาประกาศใช้กฎหมายพิเศษเพื่อควบคุมสถานการณ์ต่อไป
**เหน็บ กทม.หนุนม็อบไม่เหมาะสม
ในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยในการชุมนุมนั้น พล.ต.ท.อำนาจ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปดูแลได้อย่างเต็มที่จึงทำให้เกิดปัญหาอยู่จนถึงปัจจุบัน เนื่องจากผู้ชุมนุมมองเจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายตรงข้าม พยายามปิดกั้นไม่ให้ตำรวจเข้าไปดูแลรวมถึงบางกรณีมองว่าตำรวจเป็นผู้ก่อเหตุเสียเองเช่นกล่าวหาว่า ตำรวจโยนหมามุ่ยเข้าใส่ผู้ชุมนุม ทั้งที่ในการชุมนุมผู้ชุมนุมก็ไม่ได้เป็นเอกภาพ อย่างเช่นเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่มีผู้ชุมนุมบางส่วนต้องการเคลื่อนไปที่หน้าทำเนียบ แต่แกนนำผู้ชุมนุมเดิมไม่เห็นด้วย เมื่อมีการเคลื่อนตัว ก็กลับมีการนำถุงดำไปคลุมกล้องวงจรปิดที่เดิมใช้ในการตรวจจับจราจร แต่เมื่อมีการชุมนุมทางตำรวจจึงใช้มาดูแลในเรื่องความปลอดภัยในการกับผู้ชุมนุม
พล.ต.ท.อำนาจ กล่าวด้วยว่า ทางตำรวจได้พยายามที่จะเจรจาให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนไปปักหลักชุมนุมที่ลานกีฬาใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ ซึ่งห่างจากพื้นที่ชุมนุมแยกอุรุพงษ์เพียง 10 เมตร เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจร โดยเฉพาะในช่วงต้นสัปดาห์หน้าที่จะมีการเปิดภาคเรียนทุกโรงเรียน แต่ทางผู้ชุมนุมก็ไม่ยินยอมกลับจะขอไปชุมนุมที่ข้างทำเนียบรัฐบาล โดยอ้างแต่เพียงสิทธิการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ทั้งที่ก่อนจะอ้างมาตราดังกล่าวก็ควรต้องดูมาตรา 28 ที่ระบุว่าการจะใช้สิทธิก็ต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นด้วย ส่วนที่ กทม.อำนวยความสะดวกในเรื่องรถสุขา และเครื่องปั่นไฟนั้น แม้จะเป็นหน้าที่ แต่เมื่อการชุมนุมนี้มีเจตนาต่อต้านรัฐบาลทางตำรวจก็เห็นว่าไม่เหมาะสม
สำหรับกรณีที่ผู้ชุมนุมถูกก่อกวนด้วยระเบิดเพลิงนั้น พล.ต.ท.อำนาจ เปิดเผยว่า แท้จริงไม่ใช่ระเบิดเป็นเพียงขวดเครื่องดื่มชูกำลังใส่น้ำมันจุดไฟแล้วโยนลงมาจากทางด่วน โดยขณะนี้เป็นนคดีที่ สน.พญาไทและตำรวจกำลังสอบสวนอยู่ แต่ในกรณีที่อ้างว่ามีการควบคุมตัวนักเรียน นักศึกษาที่ขึ้นเวทีไปทำประวัติที่ สน.นางเลิ้งนั้นยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ไม่มี เพราะสถานที่การชุมนุมอยู่ในความรับผิดชอบ สน.พญาไท
** “หมอนิรันดร์” ติงใช้ กม.ละเมิดสิทธิ ปชช.
ด้าน น.ส.พวงทิพย์ ได้สอบถามกรณีมีกระแสข่าวว่าจะมีการออกหมายจับแกนนำผู้ชุมนุม รวมถึงตำรวจเตรียมขอให้อัยการยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อถอนประกัน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และบุคคลอื่นที่เป็นจำเลยในคดีก่อการร้าย กรณีไปขึ้นเวทีปราศรัยของ คปท.ว่าจริงหรือไม่ ซึ่ง พล.ต.ท.อำนาจ ก็ยืนยันว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการขอออกหมายจับแกนนำ รวมถึงยังไม่มีการจะยื่นขอถอนประกันบุคคลใด แต่อยากฝากไปยังแกนนำผู้ชุมนุมว่าขอให้การชุมนุมดำเนินอยู่ในกรอบของกฎหมาย เพราะหากเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตำรวจก็ต้องดำเนินการ รวมถึงควรให้ความร่วมมือกับตำรวจในการเข้าไปดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุมซึ่งก็จะทำให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยมากกว่านี้
ขณะที่ นพ.นิรันดร์ กล่าวฝากไปถึง พล.ต.อ.ประชา เพื่อให้อธิบายถึงเหตุผลการประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคงฯกับประชาชนให้ชัดเจนว่า มีข้อบ่งชี้ถึงเหตุความรุนแรงอย่างไร เป็นการสกัดกั้นมวลชนไม่ให้เข้าร่วมชุมนุมหรือไม่ เพราะสังคมมองว่าที่รัฐประกาศใช้กฎหมายพิเศษนี้เกินเลยหรือละเมิดสิทธิการชุมนุมหรือไม่
