xs
xsm
sm
md
lg

คปท.พลังนักศึกษาประชาชน คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นสู้ “ระบอบแม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

ต้องยอมรับว่า “กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย” หรือ คปท. เกิดขึ้นแบบไม่ได้เตรียมเนื้อเตรียมตัว หรือว่ากันง่ายๆว่าสถานการณ์บังคับ ในการออกหน้าต่อสู้ “ระบอบทักษิณ” แทนที่ “กองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ” หรือ กปท. ที่ถอยทัพร่นไปสู่ที่ตั้ง ณ สวนลุมพินี

เป็นที่รูักันว่า คปท.ขณะนี้ยึดหัวหาดปักหลักบริเวณแยกอุรุพงษ์ ถนนพระราม 6 ซึ่งถือเป็นตะเข็บชายแดนนอก “พื้นที่ความมั่นคง” ที่ฝ่ายรัฐขีดเส้นไว้ใน 3 เขต ดุสิต พระนคร และป้อมปราบศัตรูพ่าย ตามประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ที่ลากยาวตั้งแต่วันที่ 9-18 ต.ค.นี้

พลันปรากฏชื่อมวลชนหน้าใหม่ในนาม คปท. ก็ทำเอาหลายคนต้องนึกย้อนไล่เรียงกลุ่มมวลชนที่ประกาศตัวต่อต้าน "ระบอบทักษิณ" ที่ดูเหมือนจะผุดขึ้นมาราวดอกเห็ด ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์กลุ่ม "หน้ากากขาว" หรือ "V For Thailand" ที่ต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ไปตามสถานที่ต่างๆ และยึดหลัก "ไม่มีแกนนำ แต่มีการนำ "กลุ่มหนุมานอาสา" หรือ "กลุ่มสนามหลวง" ภายใต้การคอนโทรลของ "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" แกนนำเครือข่ายประชาชนไทย รวมไปถึงกลุ่มเครือข่ายในสังคมออนไลน์

หรือย้อนไปเมื่อช่วงปลายปีก่อน หลายคนก็เคยผิดหวังกับ "องค์การพิทักษ์สยาม" ที่นำโดย "เสธ.อ้าย-พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์" ที่ถูกฤทธิ์ "ตำรวจมะเขือเทศ" พร้อมเครื่องมือทุบม็อบอย่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ตีกระเจิงไปไม่เป็นท่า ทำเอา "อดีตรั้วของชาติ" ไปไม่ถูก

เพราะตอนออกมาประกาศกร้าวจะต่อสู้ครั้งแรกนั้น ได้คาดการณ์ว่าคงจะได้รับการช่วยเหลือจากบรรดาทหารรุ่นน้องทั้งหลาย แต่เมื่อไม่เป็นตามที่คาดหวัง สุดท้าย "เสธ.อ้าย" ประกาศม้วนเสื่อกลับบ้าน

ท่ามกลางอารมณ์ของมวลชนที่เกมจบแต่ใจไม่จบ โวยกันลั่นหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า

ภาพเมื่อปีกลายกลับมาฉายซ้ำอีกครั้งกับ กปท. หรือชื่อเต็ม "กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ" ที่กลายร่างมาจาก อพส. สืบทอดเจตนารมณ์ "เสธ.อ้าย" โดยเพื่อนรัก ตท.1 อย่าง "พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ" ที่ประกาศชุมนุมใหญ่เมื่อช่วงต้นเดือนส.ค. ในจังหวะที่รัฐบาลกำลังดันร่างกฎหมายล้างผิดเข้าสภาฯ ซึ่งถือว่ามีประเด็น แต่ก็เกิดการ "ผิดนัด" จนรวมตัวจุดกระแสไม่ติด ทำได้ก็แค่ตั้งเวทีปราศรัยด่ารัฐบาลอยู่ไกลถึงสวนลุมพินี

ต้องยอมรับว่า การชุมนุมของ กปท.ที่สวนลุมพินีไมได้ส่งผลสะท้านสะเทือนรัฐบาลแม้แต่น้อย แต่การชุมนุมก็ยังดำเนินไปอย่างเงียบๆ ภายในสวมลุมพินี

ผ่านมากว่า 2 เดือน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา กปท.สร้างแรงกดดันให้กับรัฐบาลได้แบบเหนือความคาดหมาย เมื่อมีมวลชนกปท.บางส่วนอาศัยจังหวะที่ "นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ไปต่างประเทศ ดาวกระจายมาประชิดทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะประกาศปักหลัก ค้างคืน ตบหน้าฝ่ายความมั่นคง-การข่าวฉาดใหญ่

เป็นที่มาของการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงอีกครั้ง จนความตึงเครียดก่อตัวอย่างหนัก โดยเฉพาะวันที่ 10 ต.ค. ที่มีคำสั่งเด็ดขาดให้ตำรวจเคลียร์พื้นที่เพื่อเตรียมต้อนรับแขกเมือง และนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่กำลังจะกลับสู่มาตุภูมิ

ซึ่งดูปริมาณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระดมกันมาเหยียบหมื่นนายในวันนั้น คงต้องบอกว่าคุณภาพคับแก้วจริงๆ หากจะบุกเข้าสลายการชุมนุมของ กปท.ที่มีอยู่หลักร้อย คงทำได้ไม่ยาก

แต่เหตุการณ์กลับง่ายดายกว่าที่คิด เมื่อตำรวจยังไม่ทันลงมือ แกนนำของ กปท. "พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ - พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ - ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์" กลับล่าถอยกลับสวนลุมฯ เอาดื้อๆ ในขณะที่มวลชนอารมณ์คุกรุ่นเตรียมการรับมือตำรวจเต็มที่

การยกธงขาว ตั้งแต่ยังไม่ลงนวมของ กปท. ก็เป็นจุดกำเนิดของ คปท.ที่หมดศรัทธาใน "เสนาธิการร่วม กปท." ที่ใจไม่ถึงอย่างที่ประกาศมาตลอด

แกนหลักของ คปท. ก็เป็นตัวแทนจากองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง (อศ.มร.) นำโดย "อุทัย ยอดมณี" นายก อศ.มร. รวมไปถึงกลุ่มนักศึกษาอาชีวะที่ทำหน้าที่เป็น "ทัพหน้า"

แสดงให้เห้นถึง "พลังคนรุ่นใหม่" ที่มารับช่วงต่อจาก "ผู้ใหญ่" ที่นำพามวลชนไปไม่สุดซอย

และไม่น่าเชื่อว่าการนำของ คปท. กลับ "จุดติด" มากกว่า กปท. เพราะพื้นที่ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีมวลชนเข้าร่วมไม่ต่ำกว่า 1,000 คนตลอดวัน แม้จะมีขบวนการป่วน ปาระเบิดเพลิงใส่ตั้งแต่คืนแรกก็ตาม ขณะที่การชุมนุมของ กปท. ตลอด 2 เดือนมานี้ กลับมีแนวร่วมบางตา

เหตุหนึ่งน่าจะมาจากอารมณ์ร่วมที่ยังค้างเติ่งของมวลชนที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่ถูกแกนนำ กปท. ทิ้งทุ่น

ด้วยกระแส คปท.ที่จุดติดนี้เองได้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับรัฐบาล โดยเฉพาะการที่ คปท. เต็มไปด้วย "พลังคนรุ่นใหม่" ที่ดูจะไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ทำให้การเจรจาต่อรอง เป็นไปได้ยาก

เมื่อกระแสจุดติด จนมีข่าวว่ากลุ่มแนวร่วมคนที่ไม่เอารัฐบาลจะกระโดดลงมาร่วมหัวจมท้ายกับ คปท.ด้วย นอกจากแนวร่วม กปท. แล้ว ทั้งกลุ่มหน้ากากขาว V for Thailand ที่เงียบหายไประยะหนึ่ง รวมไปถึงกลุ่มมวลชนที่เชื่อมั่นในการปฏิรูปประเทศ ก็ใกล้ที่จะเข้าร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว

โดยกลุ่มเหล่านี้กำลังอยู่ระหว่าง "ตกผลึก" มาตรการกดดันรัฐบาลแบบ "ม้วนเดียวจบ" ท่ามกลางกระแสข่าวว่า จะมีการบุกประชิดทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง

เมื่อเป็นเช่นนี้งานหนักก็เป็นหน้าที่ของตำรวจ เพราะการมีม็อบอยู่กลางใจเมืองย่อมไม่เป็นที่ปลาบปลื้มของฝ่ายการเมือง อีกทั้งหากปล่อยให้ม็อบบุกไปเหยียบจมูกที่ทำเนียบฯอีก มีหวัง "บิ๊กกากี" บางคนต้องหมดอนาคต

แผนการรับมือโดยการสั่งปิดถนน 14 เส้นทางรอบสถานที่สำคัญ เพื่อให้เกิดปัญหาจราจร ป้ายสีว่าเป็นฝีมือของกลุ่มผู้ชุมนุม จึงเป็นแผนแรกที่ตำรวจงัดมาใช้

ส่วนการจะขยายพื้นที่ความมั่นคงนั้น คาดว่าจะเป็นขั้นต่อไป หากกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ขยับไปไหน เพื่อให้ตำรวจสามารถกดดันม็อบ คปท.ได้อย่างถนัดมือ หากมีจังหวะเข้าเคลียร์ก็สามารถทำได้โดยมีเกราะชั้นดีอย่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ

ประเมินจากท่าทีรัฐบาลผ่านการขยับของฝ่ายตำรวจแล้ว บ่งชี้ว่า ฝ่ายรัฐตระหนักดีว่า "ม็อบ คปท." ซึ่งเต็มไปด้วยนักศึกษา-ปัญญาชนคนรุ่นใหม่ อาจจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะเดินหน้าต่อสู้โค่นล้มการบริหารประเทศแบบผูกขาดอำนาจของ "ตระกูลชินวัตร" ก็เป็นได้

สถานการณ์คุกรุ่นขึ้นทุกขณะ ฟากฝั่งม็อบ คปท. เอง ก็ต้องส่งสัญญาณถึง "ผู้ใหญ่" ที่หวังโค่น "ระบอบทักษิณ" ว่า ไม่ควรปล่อยให้ลูกหลานต้องเดินอย่างเดียวดาย

ถึงเวลาออกมาแสดงพลังโค่นล้ม "ระบอบทักษิณ" ร่วมกันได้แล้ว !!
กำลังโหลดความคิดเห็น