ตำรวจนครบาลสั่งปิดถนน 14 เส้นทางหลัก มุ่งสู่ทำเนียบรัฐบาล หวั่นม็อบเดินทางปักหลักชุมนุม พร้อมตั้งจุดตรวจเข้มห้ามยานพาหนะ-ประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องผ่านเด็ดขาด คาดรถติดหนักตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ พร้อมระบุมีผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัดทยอยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ
วันที่ 13 ต.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.และโฆษก บช.น.แถลงข่าวการเตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลว่า สืบเนื่องจากมีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ที่บริเวณแยกอุรุพงษ์ และกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) ที่บริเวณ สน.ลุมพินี
จากแนวทางสืบสวนทางการข่าว ระบุว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวจะเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้ามประกาศตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นในภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 เพื่อประโยชน์ในการป้องกันปราบปรามระงับยับยั้งและแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ ประกอบกับศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้มีประกาศฉบับที่ 2/2556 เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ดังนั้นกองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงมีความจำเป็นที่จะห้ามใช้เส้นทางคมนาคม 14 เส้นทาง ดังต่อไปนี้ ประกอบด้วย 1.ถนนราชสีมา ตั้งแต่แยกสวนรื่นฤดี ถึงแยกประชาเกษม 2.ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกวังแดง ถึงแยกยมราช 3.ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองในถึงลานพระราชวังดุสิต ด้านหลังพระบรมรูปทรงม้า 4.ถนนลิขิต 5.ถนนพระราม5 ตั้งแต่ สะพานอรทัย ถึงแยกสุโขทัย
6.ถนนสุโขทัย ตั้งแต่แยกสวนรื่นฤดี ถึงแยกสุโขทัย 7.ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกการเรือน ถึงแยกราชวิถี 8.ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกพระรูป ถึงแยก จปร.9.ถนนลูกหลวง ตั้งแต่แยกสะพานวิศนุกรรมนฤมาน (ถนนลูกหลวงตัดถนนราชสีมา) ถึงสะพานเทวกรรม (ถนนลูกหลวงตัดถนนนครสวรรค์) 10.ถนนพิชัย ตั้งแต่แยกขัตติยานี ถึงถนนราชวิถี 11.ถนนนครสวรรค์ ตั้งแต่แยกพิษณุโลก ถึงสะพานเทวกรรม 12.ถนนศรีอยุธยา ตั้งแตกแยกวัดเบญจมบพิตร ถึงแยกกองพล 1 13.ถนนนครปฐม 14.ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกประชาเกษม ถึงเทวกรรม ซึ่งเส้นทางทั้งหมดจะดำเนินการปิดตั้งแต่เวลา 14.00 น.ของวันนี้ (13 ต.ค.) เป็นต้นไป พร้อมตั้งจุดตรวจเข้มงวดห้ามรถยนต์ หรือบุคคลใดผ่าน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อาทิ ประชาชนที่มีบ้านพักอยู่ในเส้นทาง หรือข้าราชการหากจะเข้าสถานที่ราชการสำคัญก็จะต้องแสดงบัตรให้ชัดเจน ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นจะห้ามไม่ให้ผ่านเข้ามาในเส้นทางดังกล่าวอย่างเด็ดขาด โดยเจ้าหน้าที่จะกั้นแผงเหล็กและใช้กำลังเจ้าหน้าที่ยืนควบคุมแต่ละจุดอย่างเข้มงวด
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ในการชุมนุมนั้น กลุ่ม กปท.ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ที่สวนลุมพินี มียอดผู้ชุมนุมประมาณ 100 คน ส่วนกลุ่ม คปท.ที่ชุมนุมอยู่บริเวณแยกอุรุพงษ์ มียอดผู้ชุมนุมประมาณ 300 คน ส่วนในตอนกลางคืนจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาเสริม ซึ่งมียอดผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นถึง ประมาณ 1,500 คน นอกจากนี้ทางการข่าวสืบทราบว่า จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมจากต่างจังหวัด ทยอยเดินทางเข้ามาร่วมชุมนุมด้วย และกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งหมดจะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม หากปล่อยปละละเลยเกรงว่าจะเป็นปัญหาจึงได้สั่งปิดถนนทั้ง 14 เส้นทางดังกล่าว ทั้งนี้ หากกลุ่มผู้ชุมนุมมีการเคลื่อนมวลชนเข้ามาในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลจริง เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าดำเนินการเจรจาทันที โดยจะใช้การเจรจาในทางลับ เพราะจะสามารถพูดคุยในรายละเอียดเชิงลึกได้ ส่วนกรณีคนร้ายปาระเบิดเพลิงเข้ามาในกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณแยกอุรุพงษ์เมื่อกลางดึกของวันที่ 11 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น ทางเจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนและติดตามจับกุมคนร้าย