ชุดสืบสวนบก.น. 3 แจงเหตุสอบ"หมอนิ่ม"ภรรยาเอ็กซ์ ถี่ยิบ พร้อมเรียกญาติเชิงลึก เพื่อใช้สรุปเสนอที่ประชุมบช.น.อังคารนี้มั่นใจมีความคืบหน้าแน่ ด้านทอ.อนุญาตให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำ 4 ทหารชุดคุ้มครอง ที่ฐานทัพอากาศกาศดอนเมืองวันนี้ ปฏิเสธรวบมือชี้เป้าแล้ว
วานนี้ (27ต.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สน.มีนบุรี พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.น.3 เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีคนร้ายประกบยิงนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย โดยมีพ.ต.อ.ศราวุธ จินดาคำ ผกก .สน.มีนบุรี พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น.3 พ.ต.ท.บุญเยี่ยม กันเกตุ พนักงานสอบสวนหัวหน้างานสอบสวน สน.มีนบุรี และทีมสืบสวนสอบสวน เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลากว่า 3 ชม.
พล.ต.ต.สุคุณ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า วันนี้ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนในคดีนี้เพื่อเร่งรัด และตรวจสำนวนการสอบสวน ว่ามีความครบถ้วนสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด ครอบคลุมทุกประเด็นหรือไม่ เนื่องจากคดีนี้มีพยานเป็นจำนวนมาก จึงต้องตรวจสอบว่าจะต้องสอบปากคำใครหรือประเด็นใดเพิ่มอีกหรือไม่ ทั้งนี้ สรุปความคืบหน้าในทางคดีเพื่อรายงานต่อที่ประชุมในวันที่ 29 ต.ค.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ส่วนที่มีกระเเสข่าวมาว่าทางกก.สส.น.3 มีการจับตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนชี้เป้าเเล้วนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง คดีนี้ยังไม่ได้จับกุมใคร เนื่องจากยังไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้
ทั้งนี้ สำหรับเรื่องรถเก๋งสีเทาที่มีลักษณะตามคุ้มกันมือลอบสังหารนายเอ็กซ์ จักรกฤษณ์นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เบื้องต้นในเรื่องความชัดเจนของกล้องวงจรปิด เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของบก.สส.บช.น. ซึ่งในการทำงานสืบสวนในคดี กก.สส.น.3 จะประสานไปยังบก.สส.บช.น. เพื่อร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด
ด้าน พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า ในวันนี้ 28 ตุลาคม เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเเละพนักงานสอบสวนจะมีการเดินทางไปยังฐานทัพอากาศดอนเมือง เพื่อทำการสอบสวนทหารอากาศทั้ง 4 นาย ที่เป็นชุดคุ้มกันของ พญ.นิธิวดี อย่างละเอียดเเละให้ครอบคลุมทุกประเด็น ส่วนของการสอบปากคำบรรดาญาติๆ ของพญ.นิธิวดีนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเกือบครบทุกปากเเล้ว โดยในบางรายมีการเชิญมาสอบปากคำ 2-3 ครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดจึงมีการเชิญพญ.นิธิวดีมาสอบปากคำถึง 4 ครั้งนั้น พ.ต.อ.สราวุธ ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะต้องการสอบสวนให้ครบถ้วนทุกประเด็น เเละรัดกุมที่สุด เนื่องจากต้องยอมรับว่าในการสอบปากคำครั้งเเรกๆนั้น มีอุปสรรคในเรื่องงานศพ ทำให้พญ.นิธิวดีไม่สามารถให้เวลาในการสอบปากคำได้อย่างเต็มที่ จึงต้องมีการนัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับพนักงานธนาคารทั้งสองคนที่ถูกนายจักรกฤษณ์ฟ้องนั้น เบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำไปเเล้ว 1ปาก เเละในวันที่ 28 ตุลาคม จะนัดมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก 1 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ได้เรียกญาติของ พญ.นิธิวดี มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนตัวของ พญ.นิธิวดีนั้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้หมดแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ส่วนประเด็นการสังหารนั้นฝ่ายสืบสวนยังคงมุ่งไปที่ความขัดแย้งในครอบครัว โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างนายจักรกฤษณ์กับฝ่ายครอบครัวของ พญ.นิธิวดี ภรรยา ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากความประพฤติของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์เอง จนทำให้เกิดความขัดแย้งกันกับผู้ใหญ่ของภรรยา ส่วนจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุนั้น มีความชัดเจนแล้วว่า เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
ด้านนายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ รักษาการนายกสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับหัวกระสุนปืนว่า เป็นขนาดใดกันแน่ ระหว่างขนาด 7.62 หรือ 7.65 พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตเรื่องของวิถีกระสุนว่ามือปืนน่าจะมีความชำนาญ และมีทักษะในการยิง เนื่องจากวิถีกระสุนที่ตัวของนายจักรกฤษณ์นั้นเป็นลักษณะในการยิงของมุมกด ซึ่งคนยิงจะต้องยิงในท่ายืน และร่องรอยกระสุนที่บริเวณกระจกด้านหน้าข้างขวา ทำให้เชื่อได้ว่าไม่น่าจะเป็นการยิงในลักษณะเอี้ยวตัวยิง.
วานนี้ (27ต.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่สน.มีนบุรี พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.น.3 เรียกประชุมชุดสืบสวนสอบสวนคดีคนร้ายประกบยิงนายจักรกฤษณ์ หรือเอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย โดยมีพ.ต.อ.ศราวุธ จินดาคำ ผกก .สน.มีนบุรี พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น.3 พ.ต.ท.บุญเยี่ยม กันเกตุ พนักงานสอบสวนหัวหน้างานสอบสวน สน.มีนบุรี และทีมสืบสวนสอบสวน เข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลากว่า 3 ชม.
พล.ต.ต.สุคุณ กล่าวภายหลังการประชุม ว่า วันนี้ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวนและฝ่ายสืบสวนในคดีนี้เพื่อเร่งรัด และตรวจสำนวนการสอบสวน ว่ามีความครบถ้วนสมบูรณ์มากน้อยเพียงใด ครอบคลุมทุกประเด็นหรือไม่ เนื่องจากคดีนี้มีพยานเป็นจำนวนมาก จึงต้องตรวจสอบว่าจะต้องสอบปากคำใครหรือประเด็นใดเพิ่มอีกหรือไม่ ทั้งนี้ สรุปความคืบหน้าในทางคดีเพื่อรายงานต่อที่ประชุมในวันที่ 29 ต.ค.ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ส่วนที่มีกระเเสข่าวมาว่าทางกก.สส.น.3 มีการจับตัวผู้ต้องสงสัยที่เป็นคนชี้เป้าเเล้วนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง คดีนี้ยังไม่ได้จับกุมใคร เนื่องจากยังไม่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้
ทั้งนี้ สำหรับเรื่องรถเก๋งสีเทาที่มีลักษณะตามคุ้มกันมือลอบสังหารนายเอ็กซ์ จักรกฤษณ์นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ เบื้องต้นในเรื่องความชัดเจนของกล้องวงจรปิด เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของบก.สส.บช.น. ซึ่งในการทำงานสืบสวนในคดี กก.สส.น.3 จะประสานไปยังบก.สส.บช.น. เพื่อร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด
ด้าน พ.ต.อ.สราวุธ กล่าวว่า ในวันนี้ 28 ตุลาคม เวลา 10.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเเละพนักงานสอบสวนจะมีการเดินทางไปยังฐานทัพอากาศดอนเมือง เพื่อทำการสอบสวนทหารอากาศทั้ง 4 นาย ที่เป็นชุดคุ้มกันของ พญ.นิธิวดี อย่างละเอียดเเละให้ครอบคลุมทุกประเด็น ส่วนของการสอบปากคำบรรดาญาติๆ ของพญ.นิธิวดีนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนเกือบครบทุกปากเเล้ว โดยในบางรายมีการเชิญมาสอบปากคำ 2-3 ครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดจึงมีการเชิญพญ.นิธิวดีมาสอบปากคำถึง 4 ครั้งนั้น พ.ต.อ.สราวุธ ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะต้องการสอบสวนให้ครบถ้วนทุกประเด็น เเละรัดกุมที่สุด เนื่องจากต้องยอมรับว่าในการสอบปากคำครั้งเเรกๆนั้น มีอุปสรรคในเรื่องงานศพ ทำให้พญ.นิธิวดีไม่สามารถให้เวลาในการสอบปากคำได้อย่างเต็มที่ จึงต้องมีการนัดมาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง สำหรับพนักงานธนาคารทั้งสองคนที่ถูกนายจักรกฤษณ์ฟ้องนั้น เบื้องต้นได้ทำการสอบปากคำไปเเล้ว 1ปาก เเละในวันที่ 28 ตุลาคม จะนัดมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก 1 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี ได้เรียกญาติของ พญ.นิธิวดี มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนตัวของ พญ.นิธิวดีนั้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไว้หมดแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ ส่วนประเด็นการสังหารนั้นฝ่ายสืบสวนยังคงมุ่งไปที่ความขัดแย้งในครอบครัว โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างนายจักรกฤษณ์กับฝ่ายครอบครัวของ พญ.นิธิวดี ภรรยา ซึ่งน่าจะมีสาเหตุมาจากความประพฤติของเอ็กซ์ จักรกฤษณ์เอง จนทำให้เกิดความขัดแย้งกันกับผู้ใหญ่ของภรรยา ส่วนจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุนั้น มีความชัดเจนแล้วว่า เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าฟีโน่ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
ด้านนายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ รักษาการนายกสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับหัวกระสุนปืนว่า เป็นขนาดใดกันแน่ ระหว่างขนาด 7.62 หรือ 7.65 พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตเรื่องของวิถีกระสุนว่ามือปืนน่าจะมีความชำนาญ และมีทักษะในการยิง เนื่องจากวิถีกระสุนที่ตัวของนายจักรกฤษณ์นั้นเป็นลักษณะในการยิงของมุมกด ซึ่งคนยิงจะต้องยิงในท่ายืน และร่องรอยกระสุนที่บริเวณกระจกด้านหน้าข้างขวา ทำให้เชื่อได้ว่าไม่น่าจะเป็นการยิงในลักษณะเอี้ยวตัวยิง.
