ตร.ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีได้ตัดประเด็นการขัดแย้งในวงการพระเครื่องทิ้ง เผย “เอ็กซ์” เคยปล่อยพระแต่ไร้ปัญหาพระเก๊ ตร.ตามสอบอีก 2 ประเด็น ความขัดแย้งในครอบครัว และความขัดแย้งในสมาคมยิงปืน
คลิกเพื่อรับชมคลิป...
วันนี้ (25 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เรียกประชุมชุดสืบสวนคลี่คลายคดีสังหาร นายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือเอ็กซ์ นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย โดยมี พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ พล.ต.ต.จิตติ รอดบางยาง พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน รรท.ผบก.น.3 เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น. กก.สส.น.3 และฝ่ายสืบสวน สน.มีนบุรี โดยใช้เวลากว่า 1 ชม.
พล.ต.ต.ชยุตกล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวนทำให้สามารถตัดประเด็นความขัดแย้งในเรื่องพระเครื่องออกไปได้อีก 1 ประเด็น จึงยังเหลือประเด็นความขัดแย้งในครอบครัว และความขัดแย้งในสมาคมยิงปืน ซึ่ง 2 ประเด็นนี้ยังเดินไปไม่สุด ตำรวจจะต้องทำการสืบสวนสอบสวนต่อ ทั้งนี้ ยอมรับว่าให้น้ำหนักประเด็นความขัดแย้งของครอบครัวมากขึ้น เเละเตรียมเรียกคนใกล้ชิดฝ่ายภรรยา นายจักรกฤษณ์มาสอบปากคำ รวมทั้งยังไม่ตัดประเด็นความขัดแย้งในสมาคมกีฬายิงปืนโดยต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกันกัน ส่วนจดหมายของนายจักรกฤษณ์ที่มีการเผยแพร่ออกมานั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดในจดหมาย ซึ่งต้องขอเวลาให้ตำรวจได้ลงพื้นที่ เเละหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะมีการประชุมรวบรวมข้อมูลอีกครั้ง ในวันที่ 29 ต.ค.นี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น
“คดีมีความคืบหน้าพอสมควร ทุกอย่างเดินไปตามพยานหลักฐาน ที่ผ่านมามีการเรียกสอบปากคำไปแล้วหลายปาก แต่ยังไม่ครอบคลุมทุกประเด็น ซึ่งต้องขอเวลาตำรวจทำงานอีก 2-3 วัน ส่วนการตรวจที่เกิดเหตุ รวบรวมพยานหลักฐานทั้งกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ที่ยังมีการประมวลกันอยู่ เพราะกล้องมีหลายตัวในหลายจุด” รอง ผบช.น.กล่าว
พล.ต.ต.ชยุตกล่าวด้วยว่า สำหรับปมความขัดแย้งในครอบครัวยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในเชิงลึกได้ ต้องรอสอบปากคำบุคคลในครอบครัวของ พญ.นิธิวดีให้ครบถ้วนก่อน ขณะที่ประเด็นการฟ้องร้องกับธนาคารกสิกรไทยก็ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าจะมีความเชื่อมโยงกับการสังหารนายจักรกฤษณ์ด้วยหรือไม่
ด้าน พล.ต.ต.จิตติให้เหตุผลว่า ที่ตัดประเด็นพระเครื่องออกไป เพราะได้มีการตรวจสอบพระเครื่องทุกชิ้นที่นายจักรกฤษณ์ปล่อยเช่าไป โดยให้ผู้เชี่ยวชาญพระเครื่องเป็นผู้ตรวจสอบ พบว่าเป็นพระแท้ทุกชิ้น และผู้รับซื้อไปก็ไม่มีปัญหา ไม่มีการขอคืนพระแต่อย่างใด ในประเด็นนี้ไม่มีอะไรจะต้องสืบสวนต่ออีกแล้ว จึงตัดประเด็นนี้ทิ้ง เนื่องจากตรวจสอบแล้วยืนยันว่าพระที่เขาปล่อยเช่าเป็นพระแท้