xs
xsm
sm
md
lg

ดีเดย์โค่นแม้ว วาระ3นิรโทษ-พระวิหาร ตร.15กองร้อยคุ้มกันบ้านปู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลุ่มคนไทยรักชาติรวมตัวปากซอยบ้านนายกฯ เตรียมยื่นหนังสือไม่ให้รับอำนาจศาลโลก แต่เจอตำรวจ 15 กองร้อย สกัดต้องยอมถอยชั่วคราว ขณะที่เครือข่ายภาคประชาชน 77 จังหวัด มีมติชุมนุมใหญ่ทันที หากศาลโลกตัดสินให้ไทยเสียดินแดน หรือ สภาผ่านวาระ 3 ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย "ปณิธาน"แนะร้องยูเอ็น หากศาลโลกตัดสินไม่เป็นคุณกับฝ่ายไทย "แดงลายจุด" รวมพลร้านแมคโดนัล ห้างอัมรินทร์พลาซ่า ค้านนิรโทษสุดซอย ด้าน "เพื่อไทย" ลั่นไม่มีฟรีโหวต ห้ามส.ส.เสื้อแดงแตกแถว

หลังจากที่แกนนำกลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน นัดประชาชนรวมตัวไปกดดันรัฐบาล บริเวณหน้าบ้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในเวลา 14.00 น. วันนี้ (28 ต.ค.) เพื่อให้ถอนตัวจากการรับอำนาจการตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ในคดีปราสาทพระวิหาร ที่ฝ่ายกัมพูชายื่นให้ศาลโลกตีความคำพิพากษา เมื่อปี 2505 นั้น

เมื่อวานนี้ (27ต.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ได้ เดินทางไปยังจุดตรวจโยธินพัฒนา สน.ลาดพร้าว ที่อยู่บริเวณบ้านพัก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิด ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 และหัวหน้าหน่วยที่ดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณบ้านพักนายกรัฐมนตรี

** ลั่นไม่ให้ม็อบถึงบ้านนายกฯ

พล.ต.อ.อดุลย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์โดยรวม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถดูแลได้ เพราะประเมินว่า กลุ่มเครือข่ายคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน จะมีผู้มาร่วมชุมนุมไม่มาก แต่เพื่อความไม่ประมาท จึงจำเป็นต้องใช้ตำรวจดูแลผู้ชุมนุมอย่างเข้มงวด ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เป็นไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะไม่ยอมให้มีการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุมมาถึงหน้าบ้านนายกฯโดยเด็ดขาด แต่จะจัดพื้นที่ที่เหมาะสม บริเวณหน้าปากซอยโยธินพัฒนา 3 ให้ โดยเบื้องต้นได้ประสานงานกับแกนนำผู้ชุมนุมแล้ว ว่าจะไม่ปักหลักชุมนุมยืดเยื้อ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องขยายพื้นประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพิ่ม

นอกจากนี้ ยังคงมีการจับตาความเคลื่อนไหว ของกลุ่มผู้ชุมนุมในหลายพื้นที่ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ทั้ง กลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ กลุ่มสภาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย กลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางพารา ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณ หน้าซอยโยธินพัฒนา 3 ว่า มีคนเสื้อแดง ในนามกลุ่มวิทยุประชาชนเพื่อประชาชน (กวป.) ได้นำดอกไม้ไปมอบให้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มาปฏิบัติหน้าที่ ดูแลความเรียบร้อยบริเวณบ้านพักนายกรัฐมนตรี

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกลุ่มแนวร่วมคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน จะนำมวลชนไปชุมนุมที่บ้านนายกรัฐมนตรี ว่า เป็นสิ่งไม่เหมาะสม ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เพราะยังมีช่องทางอื่นที่ดำเนินการได้ เช่น คนกลุ่มนี้กลับใช้วิธีไม่สร้างสรรค์ พยายามใช้เรื่องนี้เป็นเกมการเมืองเพื่อล้มรัฐบาล ยืนยันว่า รัฐบาลยึดประโยชน์ประเทศในการแก้ปัญหาความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหาร ระหว่างไทย-กัมพูชา

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ออกมาต่อต้านรัฐบาลเรื่องปราสาทพระวิหารนั้น จะให้ส.ส.ลงพื้นที่ทำความเข้าใจประชาชน เพื่อไม่ให้เข้าใจผิดจากการถูกบิดเบือน เพราะกำลังมีการนำเรื่องศาลโลก มาโจมตีรัฐบาล ใช้ประเด็นนี้จุดเชื้อไฟนำไปสู่การล้มรัฐบาล

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวว่า อยากถามว่า คนกลุ่มนี้ เป็นคนไทยหรือเปล่า เวลานี้คนไทยทั้งประเทศยังอยู่ในช่วงโศกเศร้า ไว้อาลัยกับการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสังฆราช แต่ก็ยังมีการปลุกระดมมวลชน สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ถ้าจะยื่นหนังสือควรไปสถานที่ราชการ ไม่ใช่ไปบ้านนายกฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จะไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงหน้าบ้านพักนายกฯ เด็ดขาด และไม่จะไม่ถือว่าเป็นการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ เพราะประมาทไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกำลังระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 15 กองร้อย จากกองร้อยอารักขาและควบคุมฝูงชน กองบังคับการตำรวจนครบาล 4 สน.ลาดพร้าว ตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 ตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่ ตำรวจภูธรภาค 4 มารักษาความปลอดภัย ตั้งแต่บริเวณทางเข้าซอยโยธินพัฒนา 3 จนถึงไปบ้านนายกรัฐมนตรี มีการตั้งจุดตรวจรถเข้า-ออก ตลอดเส้นทาง ขณะที่หน้าบ้านนายกฯ มีการติดป้ายเขตควบคุม

** เครือข่ายคนไทยยอมถอยชั่วคราว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. วานนี้ แกนนำเครือข่ายคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน รวมเริ่มไปตัวกันภายในปั้ม ปตท. ข้างซอยโยธินพัฒนา 11 ใกล้กับบ้านพักของนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมยื่นหนังสือเรียกร้องให้ไทยถอนตัวออกจากภาคีศาลโลกในวันนี้ โดยยืนยันว่าต้องการยื่นหนังสือ และพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีโดยตรงเท่านั้น เพราะเป็นผู้มีอำนาจเพียงคนเดียว ที่จะตัดสินใจทำตามข้อเสนอที่กลุ่มเรียกร้องได้ คือ ถอนตัวออกจากการเป็นภาคีของศาลโลก ก่อนที่จะมีคำตัดสินในคดีพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้

" ที่ผ่านมาเคยทำหนังสือ และยื่นผ่านหน่วยงานถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว แตข้อเสนอก็ไม่ได้รับการตอบสนอง จึงต้องการที่จะพูดคุย ด้วยเหตุผลกับนายกรัฐมนตรี ด้วยตัวเอง" แกนนำเครือข่ายคนไทยฯ ระบุ

อย่างไรก็ตาม ต่อมา พ.ต.อ.ธนวัฒน์ วัฒนกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล (สน.) โชคชัย ได้เป็นตัวแทนเจรจากับแกนนำเครือข่ายคนไทยฯ พร้อมรับปากจะนำข้อเสนอไปประสานกับรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อนัดพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีด้วยตนเอง ซึ่งแกนนำเครื่อข่ายคนไทยฯ ขอคำตอบภายในสัปดาห์นี้ และหากไม่มีความชัดเจน จะนัดรวมตัวเพื่อมายื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพัก ในวันอาทิตย์ที่ 3 พ.ย. เวลา 14.00 น. อีกครั้ง ก่อนจะประกาศยุติการรวมตัวไปชั่วคราว

** ภาคปชช.เป่านกหวีดหากเสียดินแดน

เมื่อวานนี้ (27 ต.ค. ) เครือข่ายภาคประชาชน 77 จังหวัด ได้จัดประชุม ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เพื่อกำหนดท่าทีในการเคลื่อนไหวใหญ่ เพื่อคัดค้านการรับอำนาจศาลโลก กรณีปราสาทพระวิหาร และคัดค้านการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบศุดซอย เพื่อล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยที่ประชุมมีมติว่าจะให้การสนับสนุนการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่มีการชุมนุมคัดการบริหารงานของรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น เกษตรกรชาวสวนยางภาคใต้ เครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) กองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) และกลุ่มที่เคลื่อนไหวกรณีปราสาทพระวิหาร

ส่วนการกำหนดการเป่านกหวีดชุมนุมใหญ่นั้น จะจัดขึ้นในวันถัดไป หลังจากสภาผู้แทนราษฎร มีมติผ่าน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม วาระ 3 เสร็จสิ้น โดยไม่รอการพิจารณาของวุฒิสภา หรือ หลังจากมีคำตัดสินของศาลโลก เกี่ยวกับกรณีพิพาทไทย-กัมพูชา แล้วไทยเสียดินแดน โดยระหว่างนี้ ขอให้มวลชนในแต่ละจังหวัด จัดกิจกรรมให้ความรู้กับประชาชน เกี่ยวกับประเด็นที่กล่าวมา เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดชุมนุมใหญ่

ทั้งนี้ แกนนำภาคประชาชน 77 จังหวัดเชื่อว่า การเป่านกหวีดใหญ่ครั้งนี้ จะมีประชาชนออกมาเข้าร่วมมากกว่าสมัยกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และจากที่พูดคุยกับแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีคดีความติดตัว จากการชุมนุมทางการเมืองอยู่นั้น มีประมาณ 60-70 คน ตอบรับที่จะเข้าร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ โดยก่อนจะมีการชุมนุมใหญ่ แกนนำที่มีคดีความติดตัว จะทำหนังสือแจ้งต่อศาลว่า จะจัดการชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ไม่มีการปลุกระดม

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในการประชุมครั้งนี้ ว่า มีประชาชนที่เดินทางมาร่วมประชุมจนเต็มห้องประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีบางส่วนล้นออกมา และในที่ประชุมก็ได้มีตัวแทนประชาชน กล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จะได้ประโยชน์ จากพ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ก็มีบุคคลสำคัญเข้าร่วม อาทิ พล.ร.อ.พระจุณ ตามประทีป อดีตทหารคนสนิท พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร แกนนำกลุ่มไทยสปริง พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย นายอุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. นายอุเทน ชาติภิญโญ ว่าที่หัวหน้าพรรคคนไทย เข้าร่วม

** "ปึ้ง" นำทีมคุย "เฒ่าฮง" วันนี้

ด้านพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า ในวันนี้ (28 ต.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ พร้อมคณะผู้แทนกองทัพไทย และกองทัพบก จะเดินทางไปหารือกับ นายฮอ นัมฮง รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ที่บริเวณปอตเปต ประเทศกัมพูชา โดยจะมีการพูดคุยเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ

ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับคำตัดสินของศาลโลก ในวันที่ 11 พ.ย.นั้น นายสุรพงษ์ ในฐานะหัวหน้าทีม จะเป็นผู้กำหนดในรายละเอียด

"การพูดคุยในครั้งนี้เหมือนเป็นการพูดล่วงหน้า ซึ่งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-กัมพูชา (เจซี) ที่ได้มีการประสานงานกันตลอดเวลา ตอนนี้ไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง แม้ว่าขณะนี้จะมีหลายฝ่ายยังไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ต่างๆ ก็ตาม แต่ยืนยันว่า การพูดคุยกันทุกอย่างอยู่ในกรอบกติกา โดยรัฐบาลพยายามชี้แจงข้อเท็จจริง ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นองค์กรนำ เพราะเรื่องที่ออกมาจะมีผลทางด้านกฎหมายในเรื่องที่ศาลโลกตัดสิน ซึ่งการปฏิบัติ จะอยู่ในกรอบของรัฐบาล ส่วนทหารจะสนับสนุนในการคิด และมองดู ทหารคือกลไกหนึ่งในการทำงานให้เป็นเนื้อเดียวกัน ทำงานเป็นทีม การพูดคุยกันในครั้งนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศ จะมีการกำหนดกรอบอีกครั้ง ทางเราไม่ได้ลงลึกในรายละเอียด " พล.อ.นิพัทธ์ กล่าว

ด้าน นายณัฐวุฒิ โพธิสาโร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การลงพื้นที่ของกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ว่าคำตัดสินจะออกมาอย่างไร ประเทศไทย-กัมพูชา ก็จะต้องจับมือกันเดินหน้าต่อไป ร่วมถึงการดูในเรื่องกันรักษาความสงบตามแนวชายแดน ไม่ให้มีการกระทบกระทั่ง ให้การดำเนินการต่าง ๆ เป็นไปตามปกติเพื่อให้เกิดสันติสุขตามแนวชายแดน ส่วนที่หลายฝ่ายเกรงว่าหากสถานการณ์รุนแรงอาจจะส่งผลกระทบสถานทูตไทย-กัมพูชานั้น เรื่องนี้เป็นหน้าที่หลักของรัฐบาลทั้งสองประเทศในการดูแลเรื่องความปลอดภัย และความเรียบของสถานที่ตั้งของสถานทูต ซึ่งนี้ได้มีการพูดกันอยู่แล้วไม่น่าเป็นห่วงอะไร

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า การพบปะกันของคณะ รมว.ต่างประเทศ ที่จะไปพบ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา ในช่วงเช้าวันนี้ที่ปอตเปต หลังจากนั้นจะมาแถลงข่าวร่วมกันในพื้นที่ฝั่งประเทศไทย ส่วนการลงพื้นที่ในวันที่ 5 พ.ย.นี้ ที่ จ.ศรีสะเกษ จะมี นายวีระชัย พลาศัย เอกอัครราชทูตประจำกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ และตน เพื่อบรรยายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร และจังหวัด โดยจะบรรยายทุกเรื่อง ทั้งบรรยากาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา บรรยากาศตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และความคืบหน้าคำพิพากษาของศาลโลกในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ทั้งนี้เราจะต้องกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้กรอบแนวทางในการดูแลความสงบเรียบร้อยของแต่ส่วนได้กำหนดกรอบชัดเจนแล้ว โดย นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำหนดเป้าหมายหน้าที่ของแต่ละฝ่ายในการทำหน้าที่โดยเฉพาะฝ่ายทหาร

**ร้องยูเอ็นหากศาลโลกตัดสินไทยแพ้

รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก จะมีคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ว่า แนวโน้มความเป็นไปได้ เชื่อว่าศาลจะไม่ตัดสิน หรือวินิจฉัยอะไรอีก เนื่องจากคดีได้สิ้นสุดแล้ว แต่เชื่อว่าแนวโน้มการพิพากษาของศาล อาจมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราว และอาจกำหนดให้ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา ไปศึกษาขยายความระหว่างข้อพิพาทเพิ่มเติม ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว เป็นการเลี่ยง หรือลดความขัดแย้งของทั้ง 2 ประเทศลง

ทั้งนี้ หากศาลโลกตัดสินออกมาส่งผลด้านลบต่อฝ่ายไทย รัฐบาลต้องตัดสินใจอีกครั้งว่า การพิพากษาครั้งนี้เป็นคุณหรือโทษ และไทยเสียดินแดนหรือไม่ ซึ่งรัฐบาลควรเตรียมประเด็นร้องต่อสหประชาชาติในทันที เพื่อไม่ให้เสียเปรียบฝ่ายกัมพูชา

**ก๊วนวันอาทิตย์สีแดงลั่นค้านนิรโทษสุดซอย

เมื่อเวลา11.30น. วานนี้ (27ต.ค.) ที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ (บก.ลายจุด) แกนนอนวันอาทิตย์สีแดง พร้อมด้วยแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 300 คน ที่มีแนวคิดไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่มีเนื้อหานิรโทษกรรมให้ทุกฝ่าย ได้นัดรวมตัวทำกิจกรรม"เราไม่ลืม" โดยได้ร่วมกันผูกป้ายผ้าสีแดง เพื่อเป็นการรำลึก และไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตที่บริเวณดังกล่าว

ต่อมากลุ่มดังกล่าวได้เดินมายังร้านแมคโดนัลด์ ห้างอัมรินทร์พลาซ่า ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน โดยมี นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ นายวรพล พรหมมิกบุตร นักวิชาการสายเสื้อแดง เดินทางมาแลกเปลี่ยนความคิดกับแนวร่วมคนเสื้อแดงด้วย จากนั้นมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เหน็บแนม เสียดสี แนวร่วมบางคนได้เตรียมป้าย "เราไม่เห็นด้วยสุดซอย" ขณะที่บางคนได้สวมหน้ากาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยืนกอดคอกัน โดยกลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่า เพื่อต้องการเสียดสี สื่อไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ จากเดิมที่มีแนวคิดแตกต่างอย่างสุดขั้วกับฝ่ายตรงข้าม แต่ก็สามารถกลับมากอดคอร่วมกันได้ เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด โดยพยายามผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย เพื่อให้แกนนำรวมทั้งตนเองพ้นผิด โดยไม่สนใจว่ามวลชนคนเสื้อแดง ที่เคยต่อสู้ขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ที่ได้รับความสูญเสีย จนญาติพี่น้องต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองครั้งนั้น จะรู้สึกเจ็บปวดเพียงใด

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมดังกล่าว สร้างความครึกครื้นให้กับคนที่มาร่วมงาน และขอถ่ายรูปจำนวนมาก จากนั้นนายสมบัติ ได้ขอให้แนวร่วมมาที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ พร้อมกับทำท่านอนตาย โดยให้คนที่มามุงดูตะโกน ‘ที่นี่มีคนตาย’เพื่อสื่อไปถึงกลุ่มคนในพรรคเพื่อไทย ที่มีแนวคิดสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับสุดซอย

นายสมบัติ กล่าวว่า ตนจะรอดูท่าทีของพรรคเพื่อไทย ที่มีจะมีการประชุมพรรคในวันที่ 29ต.ค. นี้ หากพรรคเพื่อไทยยังเดินหน้าต่อไป พวกตนจะนัดหมายกันจัดกิจกรรม"หมื่นอัพ" เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เนื่องจากก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า มีคนไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย เพียงแค่หมื่นคน พวกตนเลยจะจัดกิจกรรมล้อแนวคิด หากมีคนมาน้อยกว่า 1 หมื่นคน จะยอมเลิก แต่ถ้ามีคนมามากกว่า1 หมื่นคน พรรคเพื่อไทยจะว่าอย่างไร จะกลับไปทบทวนหรือไม่

" การเริ่มต้นใหม่ หรือ Set Zero เป็นหนึ่งในกระบวนการสมานฉันท์ที่ต้องทำเพื่อให้ประเทศเดินหน้า ไม่ผิดทีเดียวที่จะต้องทำ เพียงแต่ 1. เวลาที่ทำตอนนี้ไม่ถูกต้อง 2. บริบททางสังคมไม่ได้ เพราะคนยังไม่ยอมรับ และยังไม่รู้สึกว่าเราควรจะต้อง set zero ดังนั้น คนที่เดินหน้าเรื่องนี้ คนกดปุ่มให้ set zero อาจจะปุ่มค้าง หรือกดไปแล้วเครื่องแฮงค์ ไม่รู้จะไปเรียกแขกให้พันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์ ทำไม คุณทักษิณ อยู่ไกลไป เลยอาจไม่ได้สัมผัสถึงจุดนี้" นายสมบัติ กล่าว

นายสมบัติ กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้า ตนได้เดินทางไปพบและสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ยังแปลกใจที่ผลออกมาตรงกันข้าม ท่านบอกว่าอยู่ต่างประเทศปรับตัวได้แล้ว มีความสุขมาก ยังไม่รู้ว่ามาเมืองไทยจะอันตรายไหม แต่ผลที่ออกมากลับเป็นตรงกันข้าม ก็เลยแปลกใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่าทีของพ.ต.ท.ทักษิณ กับพรรคเพื่อไทยค่อนข้างชัดเจนว่าจะเดินหน้า พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย หากเป็นเช่นนี้จะเสียแนวร่วมกับคนเสื้อแดงที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสมบัติ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เกิดความเสียหาย เพียงแค่เสียความรู้สึก แต่ถ้ายังเดินต่อ จะเสียหายหนัก

เมื่อถามว่ามองบทบาท ส.ส.หรือรัฐมนตรีเสื้อแดง ต่อท่าที พ.ร.บ.นิรโทษกรรม อย่างไร นายสมบัติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้คุยกับ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. ก็มีแนวคิดสนับสนุน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ ฉบับนายวรชัย เหมะ ขณะที่บทบาท ส.ส.เสื้อแดง ในพรรคเพื่อไทย ก็แสดงออกชัดว่า เห็นด้วยกับร่างของนายวรชัย ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมาก เพราะหากส.ส.เสื้อแดง ไม่ยอมประกาศจุดยืน คงเละแน่ๆ แต่โชคดีไปที่ ส.ส.แดงเหล่านี้ แสดงจุดยืนชัดเจนไปแล้ว

**พท.เบรกส.ส.แดง ห้ามฟรีโหวต

นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ในวันนี้ ( 28 ต.ค.) จะมีการประชุมวิปรัฐบาล หารือเรื่อง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่คณะกรรมาธิการฯ เสียงข้างมากได้แก้ไขเนื้อหาให้นิรโทษกรรมทุกฝ่าย ซึ่งการลงมติกฎหมายฉบับนี้ จะต้องเป็นมติพรรคให้ ส.ส.ปฏิบัติตาม เพราะเป็นกฎหมายสำคัญ คงไม่ปล่อยให้ฟรีโหวต เท่าที่ทราบพรรคจะให้ยกมือสนับสนุนเนื้อหาตาม ร่าง ที่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมากได้แก้ไขไว้ ซึ่งข้อสรุปเบื้องต้นของคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ แม้จะมี ส.ส.เสื้อแดงไม่เห็นด้วย กับเนื้อหาที่กรรมาธิการฯแก้ไข แต่เต็มที่ก็คงใช้วิธีงดออกเสียง คงไม่มีผลกระทบต่อคะแนนเสียงเท่าไร เพราะ ส.ส.เสื้อแดงมีจำนวนไม่มาก แต่ถ้าปล่อยให้ฟรีโหวต แล้วมีส.ส.เพื่อไทย เสียงแตกจำนวนมาก ก็จะกระทบไปถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาล และพรรค ถ้าเสียงแตกมากๆ อาจถึงขั้นที่ทำให้ต้องยุบสภาได้ เพราะเป็นกฎหมายสำคัญ

นายอำนวย คลังผา ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า คาดว่ากรรมาธิการฯ จะส่ง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรทม ให้ประธานสภาฯได้ปลายเดือนต.ค. จากนั้นเป็นหน้าที่ของประธานสภาฯ จะบรรจุเข้าวาระ แต่ขณะนี้มีกฎหมายค้างอยู่ในสภาหลายฉบับ จึงไม่น่าจะพิจารณา วาระ 2 ได้ภายในสัปดาห์แรกของเดือน พ.ย. คาดว่าอย่างเร็วที่สุด น่าจะพิจารณาได้ช่วงกลางเดือนพ.ย.ไปแล้ว ส่วนมติพรรคจะให้ส.ส.ฟรีโหวตหรือไม่นั้น ต้องหารือกันอีกครั้ง

ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 29 ต.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยจะเรียกประชุมส.ส. เพื่อทำความเข้าใจ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตามที่กรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก มีมตินิรโทษกรรมทุกฝ่าย โดยจะให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค และกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก ชี้แจงถึงความจำเป็นที่แก้ไขเนื้อหา ร่าง ของนายวรชัย เหมะ และเปิดโอกาสให้ส.ส.แสดงความเห็นเต็มที่ โดยการประชุมในวันดังกล่าวจะมีมติพรรคออกมา ไม่มีฟรีโหวตแน่นอน เมื่อที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร ส.ส.ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งพรรค และคณะกรรมการยุทธศาสตร์เห็นด้วยกับกรรมาธิการฯเสียงข้างมาก เพราะกฎหมายไม่สามารถเลือกได้ หากใช้ร่างของนายวรชัย จะถูกทำแท้งแน่นอน เมื่อถูกส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญตีความ

อย่างไรก็ตาม พรรคเข้าใจความขมขื่นของส.ส.เสื้อแดง และมวลชนเป็นอย่างดี แต่กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายสำคัญ หากมีปัญหาขึ้นมา อาจนำไปสู่การยุบสภา แม้การโหวตเป็นสิทธิ ส.ส. แต่หากมีการแหกมติพรรค ต่อไปพรรคคงเดินลำบาก ขอให้ลืมความเจ็บปวด ยอมกลืนเลือด เพื่อประโยชน์ของประเทศ

** ปชป.จวก"ปู"ดิ้นรนช่วยพี่ชายมาตลอด

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความพยายามที่จะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงรัฐบาลเพื่อไทยว่า ได้เดินหน้าเพื่อนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณมาโดยตลอด ดังนี้ 1 . นับตั้งแต่มีการเพิ่มข้อความใน มาตรา 3 ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย โดยนายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ แต่นายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย พยายามปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวนั้น ไม่เป็นความจริง แต่เป็นการดื้อตาใสว่าไม่เกี่ยวข้องกับการนิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ และนักการเมืองในเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย ที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญา และคดีทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเฉพาะคดีทุจริตมี พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวกเข้าไปเกี่ยวข้องถึง 16 คดี มีบุคคลเกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่า 75 คน

ดังนั้น การแก้ไขตามที่นายประยุทธ เสนอ จึงเป็นเรื่องที่่พรรคเพื่อไทยสนับสนุนมาโดยตลอด และนายกรัฐมนตรี เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน รวมถึงพรรคเพื่อไทย ที่มีเป้าหมายมาตั้งแต่ต้นว่า จะดำเนินการนิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคพวก หลุดพ้นจากคดีอาญา และคดีทุจริตต่างๆ ทั้งก่อการร้าย เผาเมือง และคดีทุจริต 16 คดีดังกล่าว เป็นความพยายามที่จะทำทุกวิถีทางในการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณให้กลับบ้านโดยไม่มีความผิด

ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรเลิกดื้อตาใส และยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องของรัฐสภา เพราะมีการดำเนินการทุกวิถีทางที่จะให้บรรลุเป้าหมายนี้ให้ได้

“นายกฯยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลกำลังคิดถึงประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องมากกว่าบ้านเมือง เพราะหากคิดถึงประเทศ ต้องคำนึงถึงความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง แต่นายกฯ ไม่แสดงออกในการหาทางยุติ หรือยับยั้งไม่ให้เกิดความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น โดยใช้วิธีนิ่งเฉย ทำตัวเหมือนตุ๊กตาไขลาน ปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นโดยไม่อินังขังขอบ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของนายกรัฐมนตรีที่ดี ในขณะที่ภาคประชาชน มีการรวมตัวมากขึ้นเรื่อยๆ นายกฯ จึงควรไตร่ตรองก่อนที่จะมีการนำ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภา ในวาระ 2 และ 3” นายองอาจ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่ากฎหมายไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้ เพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเป็นการเพิ่มข้อความที่ไม่เป็นไปตามหลักการ และเหตุผลที่สภาให้ความเห็นชอบใน วาระ 1 จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะออกมาบังคับใช้ เพราะยังมีอีกหลายประเด็ดที่ขัด หรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญในหลายมาตรา รัฐบาลจึงควรพิจารณาเรื่องนี้ ที่สำคัญคือการนิรโทษกรรมคนทุจริตคอร์รัปชัน เท่ากับรัฐบาลกำลังสนับสนุนการทุจริตคอร์รัปชัน ตนคิดว่านายกฯ ต้องหยุดพูดการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตคอร์รัปชัน เพราะเห็นด้วยกับการนิรโทษให้คนทุจริต เพราะการออกกฎหมายดังกล่าว คือการช่วยเหลือคนทุจริตครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด จึงหวังว่านายกฯ จะตระหนักว่า ทุจริตเป็นมะเร็งร้ายของบ้านเมือง โดยไม่เข้าไปร่วมด้วยช่วยเหลือเพื่อให้คนทุจริตลอยนวล

** คปท. แจ้งความถูกโยนหมามุ่ย

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ ที่ สน.พญาไท นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษากลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ( คปท.) ได้นำผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 20 ราย จากกรณีถูกมือมืดโยนหมามุ่ยใส่ ขณะชุมนุมอยู่บริเวณแยกอุรุพงษ์ เมื่อเวลา 03.30 น. วันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท โดยมี พ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท รับเรื่อง ทั้งนี้ ในเบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความ และสอบปากคำผู้เสียหาย 7 ราย ส่วนที่เหลือจะทยอยนัดมาภายหลัง สำหรับบรรยากาศในการเข้าความครั้งนี้ ได้มีมวลชนมาให้กำลังใจกว่า 100 คน

นายนิติธร กล่าวว่า ตนนำผู้เสียหายที่ถูกผู้ไม่ประสงค์ดี โยนหมามุ่ยใส่จนได้รับบาดเจ็บนับสิบราย มาแจ้งความร้องทุกข์ พร้อมกับสอบถามความคืบหน้า กรณีคนร้ายโยนระเบิดเพลิงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม เมื่อกลางดึก วันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา และได้พบลายนิ้วมือแฝงบนทางด่วนอุรุพงษ์ ซึ่งเรื่องนี้ได้รับการชี้แจงจากทางตำรวจว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบของกองพิสูจน์หลักฐานกลาง นอกจากนี้ตนก็มาเสียค่าปรับในความผิด พ.ร.บ.จราจรทางบก ซึ่งตนก็ได้แจ้งกับตำรวจด้วยว่ามวลชนที่มาร่วมชุมนุม ตนเป็นผู้ที่พามาเพียงคนเดียว แกนนำนักศึกษาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้ทำหนังสือชี้แจงเหตุผลการชุมนุมและขอใช้พื้นที่บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาลด้วย

"ผมได้ร้องขอให้ทางตำรวจเพิ่มความเข้มในการดูแลความปลอดภัยการชุมนุม เพราะผู้ชุมนุมใช้เสรีภาพที่กฎหมายรับรอง เรามาชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ต้องการความปลอดภัย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่เราโดนกระทำลักษณะนี้ แม้ผมจะเข้าใจนะว่า ตำรวจเองก็ทำงานกันอย่างเต็มที่แล้ว แต่อยากให้เพิ่มความระมัดระวังขึ้นอีก" นายนิติธร กล่าว

นางณัฐสินี ตั้งพัฒนาไพศาล หรือ เจ๊ฮวง อายุ 49 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนถูกโยนหมามุ่ยใส่ครั้งแรก ตอนนั้นเวลา 04.00 น. ตนและเพื่อนผู้ร่วมชุมนุมรายอื่นกำลังนอนหลับอยู่ บริเวณใกล้กับเกาะกลางถนนหน้าธนาคารซีไอเอ็มบีไทย พอรู้สึกตัวก็รู้สึกคันมาก บริเวณต้นแขน และมีอาการปวดแสบปวดร้อน ตอนแรกคิดว่าถูกแมลงกัด คิดว่าไม่เป็นอะไร แต่สักพักอาการคันมากขึ้น ประกอบกับผู้ชุมนุมที่นอนอยู่ใกล้กันก็มีอาการเดียวกับตน จึงพากันไปรักษาตัวที่รพ.รามาธิบดี จนอาการเริ่มดีขึ้น ล่าสุดเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังมาโดนโยนหมามุ่ยใส่อีก แต่คราวนี้ตนโดนเล็กน้อยเท่านั้น เพราะกระแสลมพัดไปทางอื่น ทั้งนี้ อยากให้ตำรวจวางมาตรการป้องกัน และเร่งจับกุมคนที่ก่อเหตุให้ได้

ด้าน พ.ต.อ.สมาน เผยว่า เบื้องต้นมีผู้ต้องการแจ้งความ 20 คน แต่เนื่องจากผู้เสียหายมีจำนวนมาก จึงต้องรับแจ้งความไว้ก่อนเพียง 7 คน โดยจะให้ผู้เสียหายทยอยกันมาสอบปากคำอีกครั้ง ด้านการรักษาความปลอดภัย สน.พญาไท มีอำนาจดูแลแค่เพียงบริเวณด้านล่าง ซึ่งเราก็จะเพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัย ขณะที่บนทางด่วนเป็นความรับผิดชอบของ บก.จร. หลังรับแจ้งความจะรวบารวมหลักฐานติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

** เขมรตุนสินค้าผวาปิดชายแดน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ ที่ตลาดนัดชายแดน จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนชาวกัมพูชา เข้ามาหาซื้อสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภคกันอย่างคึกคักเป็นพิเศษ แต่ละคนต่างซื้อสินค้ากันจำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของไทย เฝ้ารักษาความสงบเรียบร้อย และตรวจตราการกระทำผิดกฎหมายอย่างเข้มงวด
นางซอน เทีย อายุ 46 ปี แม่ค้าชาวกัมพูชาจาก อ.อันลองเวง จ.อุดรมีชัย กล่าวว่า กรณีที่ศาลโลกจะพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร วันที่ 11 พ.ย.นี้ เกรงว่าหากผลไม่เป็นที่พอใจของทั้งฝ่ายกัมพูชา หรือฝ่ายไทย อาจส่งผลกระทบกับจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ซึ่งอยู่ใกล้กับเขาพระวิหาร ฝ่ายกัมพูชาหรือฝ่ายไทยอาจสั่งปิดชายแดนได้ ซึ่งจะทำให้ชาวกัมพูชาขาดแคลนเครื่องอุปโภคบริโภค จึงพากันมาเลือกซื้อสินค้าไปกักตุนไว้ก่อน

ขณะเดียวกันที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนำชาวบ้านทำความสะอาดหลุมหลบภัย และสำรวจทรัพย์สิน เพื่อเตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ช่วงที่มีการอ่านคำพิพากษาของศาลโลก ส่วนที่ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร สถานการณ์ยังคงปกติ มีตำรวจตระเวนชายแดน รักษาความสงบเรียบร้อยเต็มที่

**โพลชี้เชื่อ พ.ร.บ.นิรโทษทำเพื่อทักษิณ

สำนักวิจัยเอแบคโพล เผยผลสำรวจเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กับความเสี่ยงต่อเสถียรภาพความมั่นคงของรัฐบาล จากประชาชน 1,231 ตัวอย่าง พบว่า ร้อยละ 76.8 คิดว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เสี่ยงต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ขณะที่ร้อยละ 85.4 คิดว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่าความชอบธรรม ส่วนร้อยละ 84.7 เชื่อว่าวัตถุประสงค์หลักของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร มากกว่า

นอกจากนี้ ร้อยละ 72.8 คิดว่า นักการเมืองขาดคุณธรรม จริยธรรม ในการบริหารประเทศ และไม่รู้จักพอ จึงทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง ทั้งนี้ ร้อยละ 69.1 คิดว่า การเมืองไทยภายใต้ระบอบประชาธิปไตยในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ เป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์มากกว่า และร้อยละ 59.7 ไม่เชื่อมั่นว่า รัฐบาลจะต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ เมื่อนึกถึงสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในขณะนี้

***ป่วน! อาชีวะรุกปิดสี่แยกอุรุพงษ์

ช่วงเย็นวานนี้ กลุ่มนักศึกษาอาชีวะประมาณ 200 คน ได้รวมตัวกันปิดกั้นการจราจรที่สี่แยกอุรุพงษ์ โดยมีการคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ มีจำนวนเกือบ 1,000 คน อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจากแยกอุรุพงษ์ เตรียมที่จะเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ซึ่งรายงานข่าวดังกล่าว ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการจัดกำลังอย่างเร่งด่วน เพื่อเตรียมความพร้อมรับกลุ่มผู้ชุมนุมหากมีการเคลื่อนขบวนจริง โดยล่าสุดจากการตรวจสอบพบว่า มีการเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วกว่า 600 นาย
จากการตรวจสอบพบว่า มีการสั่งปิดการจราจรในหลายเส้นทาง เช่น แยกพานิช, สะพานชมัยมรุเชฐ และสะพานอรทัย ซึ่งเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่ทำเนียบรัฐบาลด้วยเช่นเดียวกัน ส่งผลให้การจราจรในช่วงเย็นติดหนัก

อย่างไรก็ตาม นายนิติธร ล้ำเหลือ แกนนำผู้ชุมนุม ยืนยันว่าจะไม่มีการเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาลแน่นอน ส่วนกลุ่ม นร. อาชีวะ ที่ลงไปปิดการจราจรที่สี่แยกนั้นเบื้องต้นได้พูดคุยแล้ว และเข้าใจว่าเป็นเพียงการแสดงพลังเท่านั้น จึงได้เข้าไปหารือ และคาดว่ากลุ่ม นร.อาชีวะจะเปิดเส้นทางคืนผิวการจราจรในช่วงค่ำก่อนสลายตัว.
กำลังโหลดความคิดเห็น