น้ำท่วมโคราชขยายวงถนน "ราชสีมา-จักราช--มิตรภาพ" เป็นอัมพาตน้ำป่าทะลักท่วมสูง ขณะที่โครงการส่งน้ำฯลำตะคองออกประกาศแจ้งเตือนด่วน ให้ประชาชนยกของขึ้นที่สูงรับมือน้ำล้นตลิ่ง 20-24 ต.ค.นี้ อุตุฯชี้อีสาน-กลาง-ตะวันออกเย็นลง 1-2 องศา น้ำทะเลจ่อหนุนเจ้าพระยาอีกรอบ 20-24 ต.ค. อธิบดี ปภ.เหยื่อน้ำท่วมเสียชีวิตแล้ว 76 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครราชสีมาว่า วานนี้ (20 ต.ค.) ท้องฟ้าเริ่มเปิดไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ โดยภาพรวมสถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ในพื้นที่ต่ำยังคงมีน้ำท่วมสูงอยู่และสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง โดยในเขต อ.เมืองนครราชสีมา บริเวณถนนสุรนารายณ์ หน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 นครราชสีมา ยังมีน้ำท่วมถนนทั้ง 2 ฝั่งสูงประมาณ 80 ซม.เป็นระยะทางประมาณ 2 กม.เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางการจราจรโดยให้รถวิ่งได้เฉพาะฝั่งขาเข้าตัวเมืองเท่านั้น
ขณะที่ถนนสายราชสีมา-จักราช ช่วงหน้าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมาเขต 1 ต.มะเริง อ.เมือง น้ำท่วมสูงฝั่งขาเข้าตัวเมือง เจ้าหน้าที่ได้เปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวนทางกันเป็นระยะทางเกือบ 2 กม. ขณะที่บ้านเรือนประชาชนกว่า 300 หลังคาเรือนจมน้ำ
ส่วนที่โรงพยาบาลเทศบาลตำบลหัวทะเล อ.เมืองนครราชสีมา สถานพยาบาลขนาด 20 เตียง เครือข่าย รพ.มหาราชนครราชสีมา ได้ถูกน้ำท่วมขังเส้นทางเข้า-ออก สร้างความยากลำบากให้กับผู้มาใช้บริการและบุคลากรทางการแพทย์เป็นอย่างมากทำให้ทางโรงพยาบาลต้องสั่งหยุดให้บริการชั่วคราว และมีการย้ายผู้ป่วยบางส่วนไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชฯ
**ถนนหลายสายในโคราชยังจมบาดาล
ขณะที่ถนนราชสีมา-โชคชัยหน้าหมู่บ้านจัดสรรจามจุรี ยังมีน้ำท่วมสูงฝั่งขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมาเปิดให้เฉพาะรถขนาดใหญ่วิ่งผ่าน ส่วนรถเล็กได้เปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวนกันเป็นระยะทางยาวกว่า 2 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ทุบเกาะกลางถนนเพิ่มอีกเพื่อเร่งระบายน้ำ
ส่วนพื้นที่ภายในหมู่บ้านจามจุรี น้ำยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร การเข้าออกต้องใช้เรือ โดยเจ้าหน้าที่ทหารจาก พล.ร.1 มณฑลทหารบกที่ 21 กองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถานนครราชสีมาได้จัดเรือ และกำลังพลเข้าอำนวยความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของ และบริการประชาชนเข้าออกหมู่บ้านตลอด 24 ชม.
สำหรับพื้นที่ต่างอำเภอยังมีน้ำท่วมในหลายอำเภอ เช่น อ.ปักธงชัย และโชคชัย ท่วมในพื้นที่ลุ่ม และพื้นที่เพื่อการเกษตร รวมถึง อ.พิมาย และชุมพวง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเดิมยังไม่คลี่คลายจะต้องรับน้ำจากตัวเมืองนครราชสีมาไหลลงไปสมทบอีกใน 2-3 วันข้างหน้า
นอกจากนี้ ที่ถนนมิตรภาพขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงหลัก กม.ที่ 107+300-107+900 เขต อ.สีคิ้ว-สูงเนิน ถูกน้ำจากอ่างเก็บน้ำซับประดู่ไหลเข้าท่วมทางสูงประมาณ 50-80 ซม.ทำให้รถสัญจรด้วยความลำบาก โดยขาเข้าตัวเมืองต้องใช้ทางคู่ขนาดในการสัญจร ส่วนขาลงกรุงเทพฯ ช่วงเดียวกันน้ำท่วมทางคู่ขนาดต้องใช้เส้นทางหลักในการสัญจรเพียงช่องทางเดียว จึงทำให้บริเวณดังกล่าวมีการจราจรติดขัดเป็นระยะ คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มไม่เกินวันที่ 21 ต.ค.บริเวณดังกล่าวจะเข้าสู่ภาวะปกติ
**เตือนชาวริมลำตะคองระวังน้ำท่วม
นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดราชสีมา ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัย และให้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลและช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งให้ประกาศเตือนประชาชน ถ้าไม่จำเป็นอย่าลงเล่นน้ำหรือจับปลาในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากปริมาณน้ำหลายจุดเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ทำให้น้ำไหลเชี่ยวแรงอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งล่าสุดภาพรวมของจังหวัดมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 4 ราย
ขณะที่มีรายงานข่าวจากโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษาลำตะคอง สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำลำตะคอง ให้ระวังภาวะน้ำล้นตลิ่งและให้เตรียมเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เนื่องจากอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กและแหล่งกักเก็บน้ำต่างๆ ในลุ่มน้ำลำตะคอง มีปริมาณน้ำสูงเกินกว่าระดับกักเก็บทำให้น้ำทั้งหมดไหลลงสู่ลำน้ำลำตะคอง จนทำให้มีน้ำสะสมในปริมาณมากเกินความสามารถในการระบายน้ำของลำน้ำได้ และอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชม.ตั้งแต่วันที่ 20-24 ต.ค.นี้
สำหรับพื้นที่รอบนอก ที่ยังประสบภัยน้ำท่วม อาทิ อ.ปักธงชัย อ.โชคชัย อ.พิมาย และ อ.ชุมพวง และกำลังจะกลายเป็นพื้นที่รับน้ำซึ่งบ่าจากตัว อ.เมือง ไหลไปสมทบ
**น้ำล้นสียัดถล่ม "สนามชัยเขต" จม
ด้านสถานการณ์น้ำป่าที่ไหลบ่าล้นลงมาจากอ่างเก็บน้ำสียัด อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา วานนี้ กระแสน้ำที่ได้ไหลลงมายังตอนล่างมีกระแสค่อนข้างรุนแรง และมีระดับที่สูงมากขึ้นกว่าวันวานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณจุดตัดสี่แยกบางมะเฟือง ซึ่งถือเป็นทางแยกชุมทางเชื่อมต่อไปยังท้องที่ตำบลห่างไกลต่างๆ ของอำเภอ ทั้งบ้านนายาว อ่างเตย ชำป่างาม หินแร่ และ จ.สระแก้ว มีกระแสน้ำบ่าข้ามถนนท่วมสูงมากกว่าเมื่อวันที่ 19 ต.ค.อีกสองเท่าตัว โดยมีระดับบ่าท่วมสูงจากพื้นถนนเกือบถึง 1 เมตร
ขณะที่สภาพการไหลของน้ำนั้นยังมีกระแสเชี่ยวกราด ดุดัน และรุนแรง ไม่เหมือนกับสภาพน้ำท่วมทางตอนล่างตามอำเภออื่นๆ ในเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มวลน้ำค่อยๆ คืบคลานไหลเข้ามารวมกันและท่วมขึ้นสูงอย่างช้าๆจากพื้นที่รอบด้าน แต่การไหลของน้ำป่าที่ อ.สนามชัยเขต นี้ เป็นลักษณะของการไหลมาจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ จึงมีกระแสและแรงดันรุนแรงมาก และเกิดการปะทะกับสิ่งกีดขวางให้ปลิวลอยไปตามกระแสน้ำได้อย่างง่ายดาย จนอาจจะเกิดอันตรายต่อประชาชนได้
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดเส้นทางการสัญจรในบริเวณดังกล่าวแล้ว เพราะเกรงว่าประชาชนจะไม่ได้รับความปลอดภัย หรือยานพาหนะอาจจะปลิวลอยไปตามกระแสน้ำได้ ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่บริเวณหมู่บ้านบางเพียง พื้นที่ใกล้จุดตัดน้ำพัดต่างพากันเร่งหาทางขนย้ายข้าวของหนีตายออกจากบ้านกันอย่างวุ่นวาย โดยมีเพียงอาสาสมัครจากมูลนิธิหน่วยกู้ภัยพนมฯ เท่านั้นที่บุกฝ่ากระแสน้ำเข้าไปช่วยกันขนย้ายประชาชน พร้อมสิ่งของติดตัวออกมายังด้านนอกกันอย่างโกลาหลวุ่นวาย
**อมตะฯนครต้านไม่อยู่น้ำท่วมอีก
ทางด้านสถานการณ์น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี เฟส 7-9 ซึ่งมีโรงงานกว่า 200 โรงตั้งอยู่ต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงอีกครั้งหลังปริมาณน้ำก้อนใหญ่จากเทศบาลเมืองพานทอง อ.พานทอง ไหลบ่าเข้าท่วมสูง 40-90 ซม.เฉลี่ย 70 ซม.โรงงานกว่า 50 แห่งได้รับความเดือดร้อน การจราจรแทบจะเป็นอัมพาต การขนส่งสินค้า และการเดินทางของพนักงานเป็นไปอย่างยากลำบาก รถยนต์เล็ก รถกระบะธรรมดาไม่ยกสูงสัญจรไม่ได้
เจ้าหน้าที่ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ยอมรับว่า ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจริง เนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้การผลักดันน้ำออกจากพื้นที่ไม่สามารถเป็นไปตามที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางนิคมฯได้ประสานไปยังบริษัทต่างๆ ให้มีการทำงานตามปกติ โดยทางนิคมฯจะจัดส่งรถในการลำเลียงพนักงานเข้าทำงานอีกทางหนึ่ง
**เฝ้าระวังรพ.มหาราช-ตายแล้ว 76
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงและมีความเสี่ยงในขณะนี้คือ รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ ซึ่งตนได้กำชับให้ป้องกันน้ำท่วมอย่างเต็มที่ และให้ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และได้รับรายงานจาก นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผอ.รพ.มหาราชฯว่า ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาน้ำท่วมทั้งภายในโรงพยาบาล หรือที่ด้านหน้าทางเข้าโรงพยาบาลแต่อย่างใด โรงพยาบาลฯ ยังคงให้บริการตามปกติ มีผู้ป่วยพักรักษาตัวในวันนี้ประมาณ 1,500 ราย โดยโรงพยาบาลได้วางระบบความพร้อมป้องกันและแผนจัดบริการผู้ป่วยไว้ทั้งหมดแล้วตามแผนที่กำหนด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2556 ถึงปัจจุบัน เกิดสถานการณ์อุทกภัยรวม 47 จังหวัด 360 อำเภอ 2,280 ตำบล 18,474 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,156,716 ครัวเรือน 3,780,390 คน คิดเป็นร้อยละ 5.87 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ บ้านเรือนเสียหาย 31,523 หลัง ถนน 5,967 สาย พื้นที่การเกษตรเสียหาย 3,594,617 ไร่ ปศุสัตว์ 4,145,224 ตัว ผู้เสียชีวิต 76 ราย
ขณะนี้ สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 25 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 22 จังหวัด 91 อำเภอ 580 ตำบล 4,217 หมู่บ้าน 236,757 ครัวเรือน 704,952 คน คิดเป็นร้อยละ 1.09 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ อพยพ 3,616 ครัวเรือน 7,466 คน
**ชี้อีสาน-กลาง-ตอ.เย็นลง 1-2 องศา
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเตือนเมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนลดลง กับมีอากาศเย็นลง และอุณหภูมิจะลดลง 1- 2 องศาเซลเซียส ส่วนลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ขณะที่กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ แจ้งว่าระหว่างวันที่ 20-24 ต.ค.นี้ จะเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้ง จึงขอให้ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เขต จ.ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.
ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นครราชสีมาว่า วานนี้ (20 ต.ค.) ท้องฟ้าเริ่มเปิดไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ โดยภาพรวมสถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ในพื้นที่ต่ำยังคงมีน้ำท่วมสูงอยู่และสถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง โดยในเขต อ.เมืองนครราชสีมา บริเวณถนนสุรนารายณ์ หน้าศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 5 นครราชสีมา ยังมีน้ำท่วมถนนทั้ง 2 ฝั่งสูงประมาณ 80 ซม.เป็นระยะทางประมาณ 2 กม.เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางการจราจรโดยให้รถวิ่งได้เฉพาะฝั่งขาเข้าตัวเมืองเท่านั้น
ขณะที่ถนนสายราชสีมา-จักราช ช่วงหน้าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมาเขต 1 ต.มะเริง อ.เมือง น้ำท่วมสูงฝั่งขาเข้าตัวเมือง เจ้าหน้าที่ได้เปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวนทางกันเป็นระยะทางเกือบ 2 กม. ขณะที่บ้านเรือนประชาชนกว่า 300 หลังคาเรือนจมน้ำ
ส่วนที่โรงพยาบาลเทศบาลตำบลหัวทะเล อ.เมืองนครราชสีมา สถานพยาบาลขนาด 20 เตียง เครือข่าย รพ.มหาราชนครราชสีมา ได้ถูกน้ำท่วมขังเส้นทางเข้า-ออก สร้างความยากลำบากให้กับผู้มาใช้บริการและบุคลากรทางการแพทย์เป็นอย่างมากทำให้ทางโรงพยาบาลต้องสั่งหยุดให้บริการชั่วคราว และมีการย้ายผู้ป่วยบางส่วนไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชฯ
**ถนนหลายสายในโคราชยังจมบาดาล
ขณะที่ถนนราชสีมา-โชคชัยหน้าหมู่บ้านจัดสรรจามจุรี ยังมีน้ำท่วมสูงฝั่งขาเข้าตัวเมืองนครราชสีมาเปิดให้เฉพาะรถขนาดใหญ่วิ่งผ่าน ส่วนรถเล็กได้เปิดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวนกันเป็นระยะทางยาวกว่า 2 เมตร เจ้าหน้าที่ได้ทุบเกาะกลางถนนเพิ่มอีกเพื่อเร่งระบายน้ำ
ส่วนพื้นที่ภายในหมู่บ้านจามจุรี น้ำยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร การเข้าออกต้องใช้เรือ โดยเจ้าหน้าที่ทหารจาก พล.ร.1 มณฑลทหารบกที่ 21 กองทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วยอาสาสมัครกู้ภัยสว่างเมตตาธรรมสถานนครราชสีมาได้จัดเรือ และกำลังพลเข้าอำนวยความสะดวกในการขนย้ายสิ่งของ และบริการประชาชนเข้าออกหมู่บ้านตลอด 24 ชม.
สำหรับพื้นที่ต่างอำเภอยังมีน้ำท่วมในหลายอำเภอ เช่น อ.ปักธงชัย และโชคชัย ท่วมในพื้นที่ลุ่ม และพื้นที่เพื่อการเกษตร รวมถึง อ.พิมาย และชุมพวง ซึ่งขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเดิมยังไม่คลี่คลายจะต้องรับน้ำจากตัวเมืองนครราชสีมาไหลลงไปสมทบอีกใน 2-3 วันข้างหน้า
นอกจากนี้ ที่ถนนมิตรภาพขาเข้ากรุงเทพฯ ช่วงหลัก กม.ที่ 107+300-107+900 เขต อ.สีคิ้ว-สูงเนิน ถูกน้ำจากอ่างเก็บน้ำซับประดู่ไหลเข้าท่วมทางสูงประมาณ 50-80 ซม.ทำให้รถสัญจรด้วยความลำบาก โดยขาเข้าตัวเมืองต้องใช้ทางคู่ขนาดในการสัญจร ส่วนขาลงกรุงเทพฯ ช่วงเดียวกันน้ำท่วมทางคู่ขนาดต้องใช้เส้นทางหลักในการสัญจรเพียงช่องทางเดียว จึงทำให้บริเวณดังกล่าวมีการจราจรติดขัดเป็นระยะ คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มไม่เกินวันที่ 21 ต.ค.บริเวณดังกล่าวจะเข้าสู่ภาวะปกติ
**เตือนชาวริมลำตะคองระวังน้ำท่วม
นายกฤชเพชร เพชระบูรณิน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) นครราชสีมา เปิดเผยว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดราชสีมา ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดูแลความปลอดภัย และให้ประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลและช่วยเหลือประชาชน พร้อมทั้งให้ประกาศเตือนประชาชน ถ้าไม่จำเป็นอย่าลงเล่นน้ำหรือจับปลาในพื้นที่เสี่ยง เนื่องจากปริมาณน้ำหลายจุดเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ทำให้น้ำไหลเชี่ยวแรงอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งล่าสุดภาพรวมของจังหวัดมียอดผู้เสียชีวิตสะสมแล้ว 4 ราย
ขณะที่มีรายงานข่าวจากโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษาลำตะคอง สำนักชลประทานที่ 8 นครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำลำตะคอง ให้ระวังภาวะน้ำล้นตลิ่งและให้เตรียมเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เนื่องจากอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กและแหล่งกักเก็บน้ำต่างๆ ในลุ่มน้ำลำตะคอง มีปริมาณน้ำสูงเกินกว่าระดับกักเก็บทำให้น้ำทั้งหมดไหลลงสู่ลำน้ำลำตะคอง จนทำให้มีน้ำสะสมในปริมาณมากเกินความสามารถในการระบายน้ำของลำน้ำได้ และอยู่ในภาวะที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชม.ตั้งแต่วันที่ 20-24 ต.ค.นี้
สำหรับพื้นที่รอบนอก ที่ยังประสบภัยน้ำท่วม อาทิ อ.ปักธงชัย อ.โชคชัย อ.พิมาย และ อ.ชุมพวง และกำลังจะกลายเป็นพื้นที่รับน้ำซึ่งบ่าจากตัว อ.เมือง ไหลไปสมทบ
**น้ำล้นสียัดถล่ม "สนามชัยเขต" จม
ด้านสถานการณ์น้ำป่าที่ไหลบ่าล้นลงมาจากอ่างเก็บน้ำสียัด อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา วานนี้ กระแสน้ำที่ได้ไหลลงมายังตอนล่างมีกระแสค่อนข้างรุนแรง และมีระดับที่สูงมากขึ้นกว่าวันวานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะบริเวณจุดตัดสี่แยกบางมะเฟือง ซึ่งถือเป็นทางแยกชุมทางเชื่อมต่อไปยังท้องที่ตำบลห่างไกลต่างๆ ของอำเภอ ทั้งบ้านนายาว อ่างเตย ชำป่างาม หินแร่ และ จ.สระแก้ว มีกระแสน้ำบ่าข้ามถนนท่วมสูงมากกว่าเมื่อวันที่ 19 ต.ค.อีกสองเท่าตัว โดยมีระดับบ่าท่วมสูงจากพื้นถนนเกือบถึง 1 เมตร
ขณะที่สภาพการไหลของน้ำนั้นยังมีกระแสเชี่ยวกราด ดุดัน และรุนแรง ไม่เหมือนกับสภาพน้ำท่วมทางตอนล่างตามอำเภออื่นๆ ในเขตพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ที่มวลน้ำค่อยๆ คืบคลานไหลเข้ามารวมกันและท่วมขึ้นสูงอย่างช้าๆจากพื้นที่รอบด้าน แต่การไหลของน้ำป่าที่ อ.สนามชัยเขต นี้ เป็นลักษณะของการไหลมาจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ จึงมีกระแสและแรงดันรุนแรงมาก และเกิดการปะทะกับสิ่งกีดขวางให้ปลิวลอยไปตามกระแสน้ำได้อย่างง่ายดาย จนอาจจะเกิดอันตรายต่อประชาชนได้
ล่าสุดเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดเส้นทางการสัญจรในบริเวณดังกล่าวแล้ว เพราะเกรงว่าประชาชนจะไม่ได้รับความปลอดภัย หรือยานพาหนะอาจจะปลิวลอยไปตามกระแสน้ำได้ ส่วนชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่บริเวณหมู่บ้านบางเพียง พื้นที่ใกล้จุดตัดน้ำพัดต่างพากันเร่งหาทางขนย้ายข้าวของหนีตายออกจากบ้านกันอย่างวุ่นวาย โดยมีเพียงอาสาสมัครจากมูลนิธิหน่วยกู้ภัยพนมฯ เท่านั้นที่บุกฝ่ากระแสน้ำเข้าไปช่วยกันขนย้ายประชาชน พร้อมสิ่งของติดตัวออกมายังด้านนอกกันอย่างโกลาหลวุ่นวาย
**อมตะฯนครต้านไม่อยู่น้ำท่วมอีก
ทางด้านสถานการณ์น้ำท่วมนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี เฟส 7-9 ซึ่งมีโรงงานกว่า 200 โรงตั้งอยู่ต้องได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงอีกครั้งหลังปริมาณน้ำก้อนใหญ่จากเทศบาลเมืองพานทอง อ.พานทอง ไหลบ่าเข้าท่วมสูง 40-90 ซม.เฉลี่ย 70 ซม.โรงงานกว่า 50 แห่งได้รับความเดือดร้อน การจราจรแทบจะเป็นอัมพาต การขนส่งสินค้า และการเดินทางของพนักงานเป็นไปอย่างยากลำบาก รถยนต์เล็ก รถกระบะธรรมดาไม่ยกสูงสัญจรไม่ได้
เจ้าหน้าที่ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ยอมรับว่า ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจริง เนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูง ทำให้การผลักดันน้ำออกจากพื้นที่ไม่สามารถเป็นไปตามที่กำหนด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางนิคมฯได้ประสานไปยังบริษัทต่างๆ ให้มีการทำงานตามปกติ โดยทางนิคมฯจะจัดส่งรถในการลำเลียงพนักงานเข้าทำงานอีกทางหนึ่ง
**เฝ้าระวังรพ.มหาราช-ตายแล้ว 76
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า พื้นที่ที่น่าเป็นห่วงและมีความเสี่ยงในขณะนี้คือ รพ.มหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ ซึ่งตนได้กำชับให้ป้องกันน้ำท่วมอย่างเต็มที่ และให้ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และได้รับรายงานจาก นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผอ.รพ.มหาราชฯว่า ขณะนี้ยังไม่มีปัญหาน้ำท่วมทั้งภายในโรงพยาบาล หรือที่ด้านหน้าทางเข้าโรงพยาบาลแต่อย่างใด โรงพยาบาลฯ ยังคงให้บริการตามปกติ มีผู้ป่วยพักรักษาตัวในวันนี้ประมาณ 1,500 ราย โดยโรงพยาบาลได้วางระบบความพร้อมป้องกันและแผนจัดบริการผู้ป่วยไว้ทั้งหมดแล้วตามแผนที่กำหนด
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2556 ถึงปัจจุบัน เกิดสถานการณ์อุทกภัยรวม 47 จังหวัด 360 อำเภอ 2,280 ตำบล 18,474 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,156,716 ครัวเรือน 3,780,390 คน คิดเป็นร้อยละ 5.87 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ บ้านเรือนเสียหาย 31,523 หลัง ถนน 5,967 สาย พื้นที่การเกษตรเสียหาย 3,594,617 ไร่ ปศุสัตว์ 4,145,224 ตัว ผู้เสียชีวิต 76 ราย
ขณะนี้ สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 25 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 22 จังหวัด 91 อำเภอ 580 ตำบล 4,217 หมู่บ้าน 236,757 ครัวเรือน 704,952 คน คิดเป็นร้อยละ 1.09 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ อพยพ 3,616 ครัวเรือน 7,466 คน
**ชี้อีสาน-กลาง-ตอ.เย็นลง 1-2 องศา
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเตือนเมื่อเวลา 16.00 น.วานนี้ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนลดลง กับมีอากาศเย็นลง และอุณหภูมิจะลดลง 1- 2 องศาเซลเซียส ส่วนลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง
ขณะที่กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ แจ้งว่าระหว่างวันที่ 20-24 ต.ค.นี้ จะเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูงอีกครั้ง จึงขอให้ประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เขต จ.ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร เฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย.