อธิบดี ปภ.เผยอุทกภัยเหลือ 29 จว.สระแก้ว ปราจีนฯ ฉะเชิงเทรา ยังรุนแรง คาดภาคใต้ตอนบนฝนตกชุก ด้าน ทบ.ขน 5,250 นาย ช่วย
วันนี้ (10 ต.ค.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2556 ถึงปัจจุบันเกิดสถานการณ์อุทกภัยรวม 41 จังหวัด 302 อำเภอ 1,849 ตำบล 14,700 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,027,348 ครัวเรือน 3,496,630 คน บ้านเรือนเสียหาย 20,542 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 3,254,417 ไร่ ผู้เสียชีวิต 37 ราย ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำปาง กำแพงเพชร อุทัยธานี นครราชสีมา กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 29 จังหวัด 166 อำเภอ1,033 ตำบล 7,760 หมู่บ้าน 499,761 ครัวเรือน 1,792,519 คน
นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า ในส่วนของที่อยู่ในระดับความรุนแรงมี 3 จังหวัดคือ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ปานกลาง 15 จังหวัด เช่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ชลบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท นครนายก ราชบุรี และปทุมธานี ระดับเล็กน้อย 11 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี ขอนแก่น ระยอง จันทบุรี กาญจนบุรี สระบุรี ยโสธร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ และสมุทรปราการ ส่วนแนวโน้มสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวมเริ่มคลี่คลาย หลายพื้นที่ระดับน้ำลดลง แต่ยังมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ พื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำออกจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศในระยะ 2-3วันนี้ พบว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่ง
ขณะที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกยังคงกำลังทหาร 5,250 นาย รถ 223 คัน เรือ 135 ลำ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 27 จังหวัด โดยการช่วยเหลือส่วนใหญ่เน้นอำนวยความสะดวกด้านการสัญจร ขนย้ายสิ่งของ เสริมความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำ แจกจ่ายถุงยังชีพ สำหรับพื้นที่ที่กองทัพบกยังคงให้ความช่วยเหลือในพื้นที่สำคัญ อาทิ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ยังคงกำลังทหาร 600 นาย เข้าช่วยเหลือประชาชนใน อ.อรัญประเทศ อ.เมือง จ.สระแก้ว ในการขนย้ายสิ่งของ แจกจ่ายถุงยังชีพ ซ่อมแซมสาธารณูปโภคที่เสียหายจากน้ำท่วม ส่วนที่ อ.เขาฉกรรจ์ ระดับน้ำในพื้นที่ทางการเกษตรสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งยังคงกำลังทหารช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวในการสัญจร และแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ส่วน จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำในหลายพื้นที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ยังคงกำลังทหาร 1,050 นาย เข้าช่วยเหลือประชาชน โดยใน อ.ศรีมหาโพธิ, อ.ประจันตคาม ระดับน้ำ 0.8-1 เมตร ส่วนที่ อ.เมือง และ อ.บ้านสร้าง ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปราจีนบุรี ได้รับความเดือดร้อนและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ซึ่งกำลังทหารยังคงเข้าช่วยรับ-ส่งประชาชน แจกจ่ายถุงยังชีพ และใช้กระสอบทรายทำเป็นแนวกั้นน้ำท่วมเข้าบ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการ ในขณะที่ อ.กบินทร์บุรี ระดับน้ำทรงตัว อยู่ที่ระดับ 1.20 เมตร และมีแนวโน้มลดลง ซึ่งกำลังทหารยังคงบริการรับ-ส่งประชาชน ในตลาดเมืองเก่าปราจีนบุรีต่อเนื่อง จ.ฉะเชิงเทรา ระดับน้ำสูง50 เซนติเมตร มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทางการเกษตร กองพลทหารราบที่ 2รักษาพระองค์ ยังคงทหาร 150 นาย เข้ารับ-ส่งประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมสูง ก่อกระสอบทรายทำเป็นพนังกั้นน้ำป้องกันน้ำไหลเข้าสถานที่สำคัญ
“จ.ชลบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังใน อ.พนัสนิคม 60-80 เซนติเมตร กองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ยังคงส่งทหาร 250 นาย และรถยนต์บรรทุก 30 คัน บริการรับ – ส่ง ประชาชนในช่วงเวลา 06.00-22.00 น.นำรถครัวสนามเคลื่อนที่ปรุงอาหารสดแจกจ่ายประชาชน 10,000 กล่องต่อวัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น สำหรับที่ อ.พานทอง ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ นำกำลังทหาร 80 นาย บริการรับ-ส่งประชาชน แจกจ่ายถุงยังชีพ และเข้าช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลพานทองไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลอื่น จ.บุรีรัมย์ กำลังทหาร 120 นาย จากจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ กระจายการช่วยเหลือประชาชนใน 3 อำเภอที่น้ำยังท่วมสูง โดยที่ อ.นางรอง ระดับน้ำสูง 1-1.5 เมตร กำลังทหารเข้าอำนวยความสะดวกด้านการสัญจรและแจกจ่ายถุงยังชีพอย่างต่อเนื่อง สำหรับที่ อ.ชำนิ ได้กำลังทหารได้นำเรือไปหมุนเวียนรับ-ส่งประชาชน และขนย้ายสัตว์เลี้ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัย ส่วนที่ ต.ส้มป่อย อ.โดนดินแดง ได้อพยพราษฎร 350 คน ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงที่ทางราชการจัดไว้ โดยมีทหารช่วยอำนวยความสะดวกการขนย้าย พร้อมนำรถครัวสนามเคลื่อนที่บริการอาหารสด ณ ศูนย์พักพิงดังกล่าว” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว
วันนี้ (10 ต.ค.) นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 17 กันยายน 2556 ถึงปัจจุบันเกิดสถานการณ์อุทกภัยรวม 41 จังหวัด 302 อำเภอ 1,849 ตำบล 14,700 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 1,027,348 ครัวเรือน 3,496,630 คน บ้านเรือนเสียหาย 20,542 หลัง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 3,254,417 ไร่ ผู้เสียชีวิต 37 ราย ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 12 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน พะเยา ลำปาง กำแพงเพชร อุทัยธานี นครราชสีมา กาฬสินธุ์ มุกดาหาร อำนาจเจริญ ชุมพร และประจวบคีรีขันธ์ ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 29 จังหวัด 166 อำเภอ1,033 ตำบล 7,760 หมู่บ้าน 499,761 ครัวเรือน 1,792,519 คน
นายฉัตรชัย กล่าวด้วยว่า ในส่วนของที่อยู่ในระดับความรุนแรงมี 3 จังหวัดคือ สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ปานกลาง 15 จังหวัด เช่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ชัยภูมิ บุรีรัมย์ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี สิงห์บุรี ชลบุรี นครสวรรค์ ชัยนาท นครนายก ราชบุรี และปทุมธานี ระดับเล็กน้อย 11 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี ขอนแก่น ระยอง จันทบุรี กาญจนบุรี สระบุรี ยโสธร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ และสมุทรปราการ ส่วนแนวโน้มสถานการณ์อุทกภัยในภาพรวมเริ่มคลี่คลาย หลายพื้นที่ระดับน้ำลดลง แต่ยังมีน้ำท่วมขังพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ พื้นที่ท้ายเขื่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำออกจากเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ อย่างไรก็ตาม จากการติดตามสภาพอากาศในระยะ 2-3วันนี้ พบว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางแห่ง
ขณะที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกยังคงกำลังทหาร 5,250 นาย รถ 223 คัน เรือ 135 ลำ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 27 จังหวัด โดยการช่วยเหลือส่วนใหญ่เน้นอำนวยความสะดวกด้านการสัญจร ขนย้ายสิ่งของ เสริมความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำ แจกจ่ายถุงยังชีพ สำหรับพื้นที่ที่กองทัพบกยังคงให้ความช่วยเหลือในพื้นที่สำคัญ อาทิ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ยังคงกำลังทหาร 600 นาย เข้าช่วยเหลือประชาชนใน อ.อรัญประเทศ อ.เมือง จ.สระแก้ว ในการขนย้ายสิ่งของ แจกจ่ายถุงยังชีพ ซ่อมแซมสาธารณูปโภคที่เสียหายจากน้ำท่วม ส่วนที่ อ.เขาฉกรรจ์ ระดับน้ำในพื้นที่ทางการเกษตรสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งยังคงกำลังทหารช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวในการสัญจร และแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า ส่วน จ.ปราจีนบุรี ระดับน้ำในหลายพื้นที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ยังคงกำลังทหาร 1,050 นาย เข้าช่วยเหลือประชาชน โดยใน อ.ศรีมหาโพธิ, อ.ประจันตคาม ระดับน้ำ 0.8-1 เมตร ส่วนที่ อ.เมือง และ อ.บ้านสร้าง ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำปราจีนบุรี ได้รับความเดือดร้อนและพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหาย ซึ่งกำลังทหารยังคงเข้าช่วยรับ-ส่งประชาชน แจกจ่ายถุงยังชีพ และใช้กระสอบทรายทำเป็นแนวกั้นน้ำท่วมเข้าบ้านเรือนประชาชน สถานที่ราชการ ในขณะที่ อ.กบินทร์บุรี ระดับน้ำทรงตัว อยู่ที่ระดับ 1.20 เมตร และมีแนวโน้มลดลง ซึ่งกำลังทหารยังคงบริการรับ-ส่งประชาชน ในตลาดเมืองเก่าปราจีนบุรีต่อเนื่อง จ.ฉะเชิงเทรา ระดับน้ำสูง50 เซนติเมตร มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทางการเกษตร กองพลทหารราบที่ 2รักษาพระองค์ ยังคงทหาร 150 นาย เข้ารับ-ส่งประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมสูง ก่อกระสอบทรายทำเป็นพนังกั้นน้ำป้องกันน้ำไหลเข้าสถานที่สำคัญ
“จ.ชลบุรี ยังคงมีน้ำท่วมขังใน อ.พนัสนิคม 60-80 เซนติเมตร กองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ยังคงส่งทหาร 250 นาย และรถยนต์บรรทุก 30 คัน บริการรับ – ส่ง ประชาชนในช่วงเวลา 06.00-22.00 น.นำรถครัวสนามเคลื่อนที่ปรุงอาหารสดแจกจ่ายประชาชน 10,000 กล่องต่อวัน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น สำหรับที่ อ.พานทอง ระดับน้ำ 40 เซนติเมตร กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ นำกำลังทหาร 80 นาย บริการรับ-ส่งประชาชน แจกจ่ายถุงยังชีพ และเข้าช่วยเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลพานทองไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลอื่น จ.บุรีรัมย์ กำลังทหาร 120 นาย จากจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ กระจายการช่วยเหลือประชาชนใน 3 อำเภอที่น้ำยังท่วมสูง โดยที่ อ.นางรอง ระดับน้ำสูง 1-1.5 เมตร กำลังทหารเข้าอำนวยความสะดวกด้านการสัญจรและแจกจ่ายถุงยังชีพอย่างต่อเนื่อง สำหรับที่ อ.ชำนิ ได้กำลังทหารได้นำเรือไปหมุนเวียนรับ-ส่งประชาชน และขนย้ายสัตว์เลี้ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัย ส่วนที่ ต.ส้มป่อย อ.โดนดินแดง ได้อพยพราษฎร 350 คน ไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงที่ทางราชการจัดไว้ โดยมีทหารช่วยอำนวยความสะดวกการขนย้าย พร้อมนำรถครัวสนามเคลื่อนที่บริการอาหารสด ณ ศูนย์พักพิงดังกล่าว” รองโฆษกกองทัพบก กล่าว
