ASTVผู้จัดการรายวัน-“พาณิชย์”โดดคุมเข้มร้านค้าทอง 7,500 รายทั่วประเทศ ใช้อำนาจ กกร. สั่งทุกร้านต้องแจ้งขึ้นทะเบียน หวังช่วยป้องกันปัญหาแมงเม่าถูกโกง หลังยอดเทรดออนไลน์ และยอดซื้อตั๋ว เก็งกำไรสูงลิ่วปีละ 1 ล้านล้าน ทั้งๆ ที่การนำเข้าจริงมีแค่ 3 แสนล้านบาท
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมค้าทองคำ วานนี้ (14 ต.ค.) ว่า กระทรวงพาณิชย์จะนำประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางการค้าของผู้ค้าทองที่เป็นธรรมที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 2552 มาประกาศดูแลภาคธุรกิจค้าทองทั้งระบบโดยจะกำหนดให้ร้านทองคำทั่วประเทศต้องมาขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้าทองกับกรมการค้าภายใน
ทั้งนี้ การกำหนดมาตรการดังกล่าว เพื่อให้รัฐบาลสามารถติดตามการซื้อขายทองคำทั้งระบบของประเทศได้อย่างใกล้ชิด ทั้งการซื้อขายเก็งกำไรในระบบโกล์ด ออนไลน์ การซื้อขายในรูปของตั๋วสัญญาแทนส่งมอบทองคำกันจริง เพราะแต่ละปีจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนการนำเข้าที่มีมูลค่าเพียง 3 แสนล้านบาท ที่สำคัญ การซื้อขายทองคำผูกติดกับตลาดต่างประเทศ จึงเกิดความผันผวนในเรื่องของราคาได้ง่าย
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านทองคำและผู้ค้าผ่านระบบออนไลน์จำนวน 7,500 ราย แต่จดทะเบียนกับสมาคมค้าทองคำเพียง 900 ราย ซึ่งการให้เข้ามาจดทะเบียนผู้ค้าทองกับกรมการค้าภายใน ผู้ที่ขึ้นทะเบียนต้องปฏิบัติตามคำประกาศอย่างจริงจัง เนื่องจากการปรับราคาทองคำขึ้นและลง จะต้องแจ้งกับกรมการค้าภายใน รวมทั้งต้องแสดงค่ากำเหน็ดของทองรูปพรรณที่จำหน่าย
และให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าทองจำแนกบัญชีค้าทองทั้งบัญชีค้าทองส่วนตัวและบัญชีค้าทองทางธุรกิจ
สำหรับ ธปท. อยู่ระหว่างจัดระเบียบการค้าทองเพื่อให้การดำเนินธุรกิจค้าทองเหมือนกับการทำธุรกิจภาคการเงิน โดยน่าจะสามารถประกาศได้ในเร็วๆ นี้
นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า แม้จะยังไม่เกิดเหตุการณ์ฉ้อโกง แต่ในอนาคตกรมฯ เป็นห่วงว่าอาจเกิดปัญหาเหมือนกับหลายๆ ประเทศ เพราะมูลค่าการซื้อขายแต่ละปีสูงมาก และอาจเกิดการฉ้อโกงกันได้ หากราคาทองคำตลาดโลกเกิดความผันผวน
“เหตุผลในการเข้ามาติดตามการซื้อขายอย่างใกล้ชิด เพื่อต้องการคุ้มครองประชาชนรายย่อยหรือแมงเม่า ที่อาจจะถูกฉ้อโกงในกรณีที่ซื้อทองในราคาถูกๆ และไปขายในช่วงราคาแพง เพราะตอนนี้ราคาทองคำ มีความผันผวนบ่อยครั้ง การให้ร้านทองมาจดทะเบียนกับกรมฯ ก็สามารถติดตามร้านทองได้ง่ายขึ้น หากมีการเบี้ยวกันจริงๆ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันตลาดค้าทองคำในไทยมีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากนักลงทุนนิยมหันมาเก็งกำไรทองคำแท่งมากกว่าซื้อสะสม โดยเฉพาะการซื้อขายออนไลน์ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มเรื่อยๆ ซึ่งผู้ประกอบการค้าทองคาดว่าจะมีขนาดที่ใหญ่มูลค่าไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยวิธีการซื้อขายทองคำออนไลน์ ทำได้เหมือนการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
ผู้ที่ต้องการลงทุนสามารถไปติดต่อที่ร้านค้าทองที่เปิดให้บริการในระบบดังกล่าวได้ และการดำเนินการสามารถสั่งซื้อขายได้ในวงเงิน 10-20 เท่าของวงเงินที่ใช้วางหลักประกัน
นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมค้าทองคำ วานนี้ (14 ต.ค.) ว่า กระทรวงพาณิชย์จะนำประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติทางการค้าของผู้ค้าทองที่เป็นธรรมที่เคยใช้มาตั้งแต่ปี 2552 มาประกาศดูแลภาคธุรกิจค้าทองทั้งระบบโดยจะกำหนดให้ร้านทองคำทั่วประเทศต้องมาขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้าทองกับกรมการค้าภายใน
ทั้งนี้ การกำหนดมาตรการดังกล่าว เพื่อให้รัฐบาลสามารถติดตามการซื้อขายทองคำทั้งระบบของประเทศได้อย่างใกล้ชิด ทั้งการซื้อขายเก็งกำไรในระบบโกล์ด ออนไลน์ การซื้อขายในรูปของตั๋วสัญญาแทนส่งมอบทองคำกันจริง เพราะแต่ละปีจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสัดส่วนการนำเข้าที่มีมูลค่าเพียง 3 แสนล้านบาท ที่สำคัญ การซื้อขายทองคำผูกติดกับตลาดต่างประเทศ จึงเกิดความผันผวนในเรื่องของราคาได้ง่าย
ปัจจุบันมีผู้ประกอบการร้านทองคำและผู้ค้าผ่านระบบออนไลน์จำนวน 7,500 ราย แต่จดทะเบียนกับสมาคมค้าทองคำเพียง 900 ราย ซึ่งการให้เข้ามาจดทะเบียนผู้ค้าทองกับกรมการค้าภายใน ผู้ที่ขึ้นทะเบียนต้องปฏิบัติตามคำประกาศอย่างจริงจัง เนื่องจากการปรับราคาทองคำขึ้นและลง จะต้องแจ้งกับกรมการค้าภายใน รวมทั้งต้องแสดงค่ากำเหน็ดของทองรูปพรรณที่จำหน่าย
และให้ผู้ประกอบธุรกิจค้าทองจำแนกบัญชีค้าทองทั้งบัญชีค้าทองส่วนตัวและบัญชีค้าทองทางธุรกิจ
สำหรับ ธปท. อยู่ระหว่างจัดระเบียบการค้าทองเพื่อให้การดำเนินธุรกิจค้าทองเหมือนกับการทำธุรกิจภาคการเงิน โดยน่าจะสามารถประกาศได้ในเร็วๆ นี้
นายสมชาติ สร้อยทอง อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า แม้จะยังไม่เกิดเหตุการณ์ฉ้อโกง แต่ในอนาคตกรมฯ เป็นห่วงว่าอาจเกิดปัญหาเหมือนกับหลายๆ ประเทศ เพราะมูลค่าการซื้อขายแต่ละปีสูงมาก และอาจเกิดการฉ้อโกงกันได้ หากราคาทองคำตลาดโลกเกิดความผันผวน
“เหตุผลในการเข้ามาติดตามการซื้อขายอย่างใกล้ชิด เพื่อต้องการคุ้มครองประชาชนรายย่อยหรือแมงเม่า ที่อาจจะถูกฉ้อโกงในกรณีที่ซื้อทองในราคาถูกๆ และไปขายในช่วงราคาแพง เพราะตอนนี้ราคาทองคำ มีความผันผวนบ่อยครั้ง การให้ร้านทองมาจดทะเบียนกับกรมฯ ก็สามารถติดตามร้านทองได้ง่ายขึ้น หากมีการเบี้ยวกันจริงๆ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบันตลาดค้าทองคำในไทยมีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากนักลงทุนนิยมหันมาเก็งกำไรทองคำแท่งมากกว่าซื้อสะสม โดยเฉพาะการซื้อขายออนไลน์ที่มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มเรื่อยๆ ซึ่งผู้ประกอบการค้าทองคาดว่าจะมีขนาดที่ใหญ่มูลค่าไม่น้อยกว่า 1 ล้านล้านบาท โดยวิธีการซื้อขายทองคำออนไลน์ ทำได้เหมือนการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้น
ผู้ที่ต้องการลงทุนสามารถไปติดต่อที่ร้านค้าทองที่เปิดให้บริการในระบบดังกล่าวได้ และการดำเนินการสามารถสั่งซื้อขายได้ในวงเงิน 10-20 เท่าของวงเงินที่ใช้วางหลักประกัน
