xs
xsm
sm
md
lg

เตือนระวังการลงทุน “หุ้น-ทอง” แม้ตลาดฯ จะคาดหวังผล “เพดานหนี้สหรัฐฯ” น่าจะออกมาในเชิงบวก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โบรกฯ เตือนระวังการลงทุน “หุ้น-ทอง” แม้ตลาดฯ จะคาดหวังผล “เพดานหนี้สหรัฐฯ” น่าจะออกมาในเชิงบวก แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะการเมืองก็คือการเมือง แม้แต่ในสหรัฐฯ ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงได้ ย้ำการถือครองเงินสดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แม้จะมองว่าทองคำปลอดภัยแต่ก็มีโอกาสผันผวนได้ หากประเทศที่ผูกค่าเงินไว้กับดอลลาร์เอาทองออกมาเทขาย

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กล่าวว่า การพิจารณาขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ในวันที่ 17 ต.ค.56 เมื่อดูจากการเจรจาล่าสุดของสภาครองเกสมองว่ายังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้ แม้ตลาดจะรับทราบข่าวว่าจะมีผลออกมาในทิศทางบวก แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ แม้ช่วงที่ผ่านมายังมีปัญหางบประมาณจนทำให้หลายหน่วยงานหยุดทำงานในสหรัฐฯ เนื่องจากการเมืองคือการเมือง แม้แต่ในสหรัฐฯ ยังมีการเปลี่ยนแปลงได้

ดังนั้น การถือครองเงินสดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะการลงทุนในทรัพย์สินเสี่ยง เช่น หุ้น ยังมีความเสี่ยงอยู่ แม้แต่ทองคำที่มองว่าปลอดภัยที่สุดยังมีโอกาสผันผวนได้ เพราะบางประเทศที่มีทุนสำรองผูกติดยู่กับสหรัฐฯ จำนวนมากอาจเทขายทองคำออกมาได้ หากเงินดอลลาร์สหรัฐผันผวนหนัก ดังนั้น ควรรอดูสถานการณ์ในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ก่อนตัดสินใจเข้าลงทุน เพราะหากไม่ขยายเพดานหนี้แนวทางการลดอัดฉีดเงินออกสู่ระบบยังจำเป็นต้องขยายเวลาออกไปก่อน

นายกมลธัญ พรไพศาล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ประเมินว่าในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีคาด่วาราคาทองคำจะอยู่ประมาณ 1,400-1,420 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และหากคำนวณค่าเงินบาทให้อยู่ประมาณ 31.25 ดอลาร์สหรัฐ ราคาทองคำแท่งในประเทศเพดานราคาประมาณ 20,800 บาท ต่ำสุดประมาณ 18,550 บาท จากปัจจัยหากรัฐบาลสหรัฐฯ ขยายเพดานหนี้สาธารณะออกไป

ส่วนกรณีการจัดตั้งตลาดกลางในการซื้อขายทองคำ ควรศึกษาผลกระทบเกิดขึ้นกับร้านทองรายย่อยทั่วไปกว่า 7,000 แห่งทั่วประเทศให้ชัดเจน เพราะจะกระทบต่อราคาทองคำ และภาษีที่เกิดขึ้น จึงควรปล่อยให้ซื้อขายไปตามปกติความต้องการของตลาด เพราะการนำเข้ามาจำนวนมากในช่วงครึ่งปีแรกจนกระทบต่อค่าเงินบาทนั้นเป็นเพราะความผันผวนของตลาดโลกในบางช่วง
กำลังโหลดความคิดเห็น