นายกสมาคมค้าทองฯ เตือนนักลงทุนเลือกโบรกเกอร์เทรด “Gold Online” ต้องรอบคอบ ตรวจสอบฐานะ และความมั่นคงก่อน เพราะมีบางแห่งทุนจดทะเบียนต่ำอาจไม่ได้ทองจริง และเกิดความเสียหายจากการลงทุน พร้อมประกาศหนุนตั้งตลาดรองซื้อขาย ส่วนผลสอบ “ทองแท่งยัดไส้” ที่โคราช เป็นทองจริง 99% ยอมรับกระทบยอดขายทรุดฮวบ
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า ปัจจุบันการซื้อขายทองคำแท่งผ่านระบบออนไลน์ (Gold Online) เป็นที่นิยมมากขึ้น ส่งผลให้มีการจัดตั้งบริษัทค้าทองคำออนไลน์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยบริษัทเหล่านี้มีทุนจดทะเบียนในอัตราต่ำ บางแห่งไม่ถึง 500,000 บาท และไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมค้าทองคำ ซึ่งสมาคมกังวลว่าหากเกิดปัญหาโบรกเกอร์ค้าทองโกงนักลงทุน สมาคมจะไม่สามารถตรวจสอบได้
ดังนั้น จึงขอเตือนนักลงทุนก่อนจะลงทุนผ่าน Gold Online ให้ตรวจสอบฐานะ และความมั่นคงของโบรกเกอร์ให้รอบคอบก่อน เพราะหากทำการซื้อขายไปแล้วอาจไม่ได้ทองจริง และทำให้นักลงทุนเสียหายจากการลงทุนได้ แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่พบการกระทำผิดในตลาด Gold Online ในไทยก็ตาม พร้อมกันนี้ จึงจะขอความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการเป็นเจ้าภาพดูแลในเรื่องนี้มากขึ้น
นายจิตติ ยังกล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในช่วงนี้ หลังจากมีสัญญาณบอกว่า สภาคองเกรสของสหรัฐฯ จะขยายเพดานหนี้ชั่วคราวว่าจะทำให้ราคาทองคำมีทิศทางขาลง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 1,245 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งหากหลุดแนวรับดังกล่าว ราคาทองคำลดลงกว่านี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากผลการพิจารณาขยายเพดานหนี้ออกมาตรงกันข้าม สหรัฐฯ ไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้สำเร็จ และมีการผิดนัดชำระหนี้ จะทำให้ราคาทองคำปรับสูงขึ้นทันที โดยมีแนวโน้มใกล้เคียงระดับ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ แต่ยังเชื่อว่าโอกาสที่การขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ไม่สำเร็จนั้นเป็นไปได้ยาก
นอกจากนี้ นายจิตติ ยังระบุว่าทางสมาคมกำลังรอการนัดหมายจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. หลังจากส่งหนังสือไปยัง ธปท. เมื่อวันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา เพื่อขอความชัดเจนถึงแนวทางในการดูแลตลาดทองคำ และแนวคิดที่จะจัดตั้งศูนย์กลางตลาดทองคำ หรือ Gold Exchange ในไทย เนื่องจากสมาคมต้องการเสนอข้อมูลที่เป็นข้อดี และข้อเสียให้ ธปท. พิจารณา ก่อนสรุป และมีผลบังคับใช้เพื่อไม่ให้ต่างชาติเข้ามาได้เปรียบในธุรกิจทองคำในไทย โดยปัจจุบัน ไทยมีการนำเข้าทองคำติดอันดับ 10 ของโลก หรือเฉลี่ย 200 ตันต่อปี
ด้านนางพรสวาท วัฒนกูล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลการตรวจวิเคราะห์ และตรวจสอบตัวอย่างทองคำแท่ง ที่ร้านทองจังหวัดนครราชสีมา ตั้งสงสัยว่าอาจจะเป็นทองคำยัดไส้ ด้วยการนำไปเป่าไฟ และสกัดผงผิวทองคำ มีทองคำเหลวหลุดออกมา ซึ่งได้นำไปวิเคราะห์ด้วยเทคนิคเอกซเรย์ฟลูออเรสเซนต์ ตามมาตฐานสากล พบมีการเจือปนของทองแดงประมาณ 4.93% และสังกะสี 2.26% โดยมีความบริสุทธิ์ของทองคำอยู่ที่ 92.80% และจากการตัดพิสูจน์ทองคำแท่งที่เหลืออยู่ทั้งแนวตั้ง และแนวนอนในทองคำแท่งดังกล่าว ไม่ได้มีการยัดไส้สิ่งแปลกปลอม โดยทองคำที่เหลือยังเป็นทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99%
ขณะที่นายจิตติ ได้กล่าวเสริมว่า จากการพิสูจน์คุณภาพทองคำครั้งนี้แล้ว ประชาชนจะเชื่อมั่นในการซื้อทองคำของร้านทองที่เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำเช่นเดิม โดยยอมรับช่วง 1 เดือนที่เกิดปัญหา การซื้อขายทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99% ซึ่งลูกค้ารายใหญ่ และร้านทองนิยมซื้อชะลอตัวลงเพื่อรอความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความเป็นห่วงประชาชน เพราะขณะนี้การตรวจพบทองปลอม และทองยัดไส้ระบาดในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยส่วนใหญ่พบในทองรูปพรรณ ส่วนในต่างประเทศ อย่างฮ่องกง และจีนพบในทองคำแท่ง