ASTVผู้จัดการรายวัน - กองทัพโค่นทักษิณ ถอย! ยันนายกฯ จีนกลับ! จะมาเยือนทำเนียบรัฐบาลอีกรอบ แลกไม่ดำเนินคดีใดๆ กับแกนนำฯ ขณะที่ "ประชา" ไม่ยอมเจรจากับม็อบอ้างติดภารกิจประชุมสภาด่วน ด้านแนวร่วมฉุนปิดแยกนางเลิ้ง สุดท้ายยอมจบแต่โดยดี ด้านฝ่ายค้าน-40 สว.-ยะใส ซัด รัฐใช้กม.ตีม็อบไม่เหมาะสม ปูดสตช.ได้งบคุมม็อบวันเดียว 200 ล้าน
วานนี้ (10 ต.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมความมั่นคง โดยมีพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หารือที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประเมินสถานการณ์ หลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคง เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. ได้เข้าเจรจาแกนนำ กปท.เพื่อขอคืนพื้นที่ต้อนรับนายนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 11-13 ต.ค.แต่การเจรจาไม่เป็นผล โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นเงื่อนไขขอเจรจาโดยตรงกับพล.ต.อ.ประชา ซึ่งทางพล.ต.ต.อดุลย์ได้ประสานพล.ต.อ.ประชา และมีรายงานข่าวว่าพล.ต.อ.ประชาตกลงที่จะลงไปเจราจาแกนนำด้วยตัวเอง
ต่อมา เวลา 11.30 น.แกนนำ กปท. อาทิ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ ร.ต.แซมดิน เลิศบุตร กปท.ทั้งหมดได้นั่งรถตู้เข้ามายังศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอการเจรจากับพล.ต.อ.ประชา แต่จนกระทั่งเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.อดุลย์ ได้แจ้งกับแกนนำ กปท.ว่า พล.ต.อ.ประชา ติดภารกิจต้องไปตอบกระทู้ที่สภา โดยเร่งด่วน ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้เจรจาแทน และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะนำไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา และพล.ต.อ.ประชา ได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า พล.ต.อ.ประชา ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่เข้าร่วม
ขณะที่พล.ร.อ.ชัย กล่าวยืนยันที่จะขอเจรจากับพล.ต.อ.ประชา โดยตรงเท่านั้น หลังการแถลงข่าวแกนนำ กปท.ได้ขึ้นรถตู้เดินทางกลับไปที่ชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลทันที
จากนั้น เวลา 12.00 น.พล.ต.อ.ประชา สัมภาษณ์ว่า การเจรจากับกลุ่ม กปท. ที่ชุมนุมบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ได้มอบหมายให้ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เป็นผู้ดำเนินการ ตนจะไม่เป็นผู้เจรจา เนื่องจากตนติดภารกิจด่วน ต้องเดินทางไปรัฐสภา เพื่อตอบกระทู้ถามสดแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
มีรายงานว่า นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รายงานสถานการณ์ให้นายกฯทราบตลอดเวลา
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ประชา ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การเคลียร์พื้นที่ชุมนุมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผอ.ศอ.รส.ศอ.รส.คงจะดำเนินการตามความเหมาะสมเป็นขั้นเป็นตอน
** กปท.ยอมสลาย ขู่จะมาใหม่
ต่อมาเมื่อเวลา 13.40 น.พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟือง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมยอมสลายแล้ว หลังพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะผอ.ศอ.รส. ได้เจรจา โดยจัดรถบัสจำนวน 15 คัน รอรับที่สนามม้านางเลิ้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับไปชุมนุมที่สวนลุมพินี ส่วนเงื่อนไขต่อรองไม่สามารถเปิดเผยได้ เมื่อพูดคุยกันได้กลุ่มผู้ชุมนุมจึงถอนออกไปก่อน ส่วนผู้ชุมนุมจะกลับมาชุมนุมที่ทำเนียบฯใหม่หรือไม่ หลังนายกฯจีนเดินทางกลับเป็นเรื่องอนาคต ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังคงตรึงกำลังอยู่จนถึงวันที่ 18 ต.ค.ซึ่งเป็นกำหนดในการประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง หากสถานการณ์คลี่คลายก็สามารถยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคง ได้ก่อนกำหนด และอยู่ที่ผบ.ตร.ในฐานะผอ.ศอ.รส.เสนอที่ประชุม ครม.
ด้านร.ต.แซมดิน เลิศบุญ เสขาธิการร่วมกปท. หนึ่งในแกนนำที่เข้าร่วมเจรจากับฝ่ายรัฐบาลที่บช.น. กล่าวว่า กลุ่มกปท.จะถอนการชุมนุมออกจากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวตามที่ได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางฝ่ายรัฐบาลรับปากว่าหากเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีจีนจะให้กลับมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง และในระหว่างนี้จะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกโดยการจัดรถบัส 15 คัน เพื่อให้ผู้ชุมนุมโดยสารกลับไปยังสวนลุมพินี รวมถึงจัดรถบรรทุก 5 คัน เพื่อขนสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆ
**แนวร่วมฉุนแกนนำ-ปิดแยกนางเลิ้ง
ภายหลังยุติการชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจ เพราะตั้งใจมุ่งมั่นต่อสู้ แต่แกนนำกปท.ทำให้ผิดหวัง โดยผู้ชุมนุมยังตั้งวงจับกลุ่มหารือกระจายตัวเป็นกลุ่มย่อย ไม่พอใจปิดการจราจรแยกนางเลิ้ง ทำให้ รต.แซมดิน ได้เจรจากับแกนนำกลุ่มที่ไม่รับผลการเจรจาที่แยกนางเลิ้ง
เวลา 16.22 น.มวลชน กปท. ที่แยกนางเลิ้ง ยอมสลายตัว เหตุการณ์เป็นปกติ โดยมีการเปิดการจราจร ถ.พิษณุโลก แยกนางเลิ้ง-พาณิชยการ-สวนมิสกวันแล้ว
**ศอ.รส.แถลงสรุปเรียบร้อยการ
เวลาประมาณ 15.00 น.ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้ทำการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล จำนวน 25 กองร้อยกลับไปยังสนามกีฬาบุญยะจินดา ซึ่งเป็นฐานที่มั่น
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.แถลงสรุปภาพรวม ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบแกนนำผู้ชุมนุมอย่างน้อย 3 คน มีพฤติกรรม ผิดเงื่อนไขของการประกันตัว ในลักษณะยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย และความรุนแรง ฝ่ายกฎหมาย จึงเตรียมเสนอศาลขอถอนประกัน ส่วนผู้ที่ส่งเสบียงหรือสัมภาระเข้าไปในพื้นที่ประกาศห้าม จะเข้าข่ายสนับสนุนให้เกิดการกระทำผิดเช่นกัน ทั้งนี้ สำหรับกำลังตำรวจยังคงใช้กำลังกว่า 50 กองร้อย ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุม พร้อมปรับกำลังตามสถานการณ์
**ฟังถอนประกัน 3 แกนนำกปท. 16 ต.ค.
ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกนายพิเชฏฐ พัฒนโชติ คณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ( กปท.) ,นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต ส.ว. และนายไทกร พลสุวรรณ คณะเสนาธิการร่วม กปท. จำเลยที่ 20 , 21 และ 25 คดีร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.) ก่อการร้ายปิดล้อมสนนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณ ปี 2551 เพื่อพิจารณาว่าจำเลยทั้งสามมีพฤติการณ์ กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาลหรือไม่
ศาลได้แถลง ทราบว่าข้อเท็จจริงทั้งเอกสารและการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้องนั้น เพียงพอต่อการวินิจฉัยแล้วซึ่งทั้งสามได้แถลงชี้แจงต่อศาลว่า การปราศรัยว่าโค่นระบอบทักษิณ นั้น เป็นอธิบายคำว่าระบอบทักษิณ ตามที่ศาลได้เคยมีคำพิพากษาเอาไว้แล้ว และการชุมนุมเป็นไปโดยสุจริต เป็นการใช้สิทธิชุมนุม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ที่กำหนดว่าประชาชนสามารถใช้สิทธิชุมนุมได้โดยสงบ เปิดเผยและปราศจากอาวุธ และไม่ได้มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนเงื่อนไขของศาลแต่อย่างใด ทั้งนี้ศาลได้อนุญาตให้ผู้คัดค้านทั้งสาม ส่งคำเอกสารคำแถลงได้ภายในวันที่ 14 ต.ค.นี้ และนัดฟังคำสั่งการไต่สวน ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
**“สุรยุทธ์” ยันไม่เกี่ยวม็อบกปท.
ที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.สรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กล่าวว่า คนที่มีชื่อขึ้นต้นด้วย ส.ก็มีจำนวนมาก ตนก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้ทำหน้าที่อื่นใด หากถามว่าได้ทำอะไรบ้างก็คงจะตอบได้ทั้งหมดว่าตนได้ดำเนินการงานด้านใดๆบ้าง ส่วนที่แกนนำกลุ่มกปท.ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร รุ่นที่ 1 ก็เป็นเพื่อนก็คือเพื่อน เขาก็มีความคิดเห็นของเขา ตนก็มีความคิดเห็นของตนและมีหน้าที่ของตน เพราะฉะนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกันในเรื่องของความรับผิดชอบและการทำหน้าที่
ส่วนความรู้สึกส่วนตัวว่ายังโกรธแค้นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เคยตอบไปนานแล้วว่าไม่มีความรู้สึกที่ถือว่าไม่เป็นมิตร ตนยังถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้อง ดังนั้นคิดว่าการทำงานของแต่ละคนมีโอกาสที่จะผิดพลาดได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีทางที่จะมีโอกาสพบปะพูดคุยกันในอนาคต เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน
**ฝ่ายค้าน-40 สว.-ยะใส ซัดกม.ตีม๊อบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงจัดการกับการชุมนุมกลุ่มกองทัพประชาชนโค้นล้มระบอบทักษิณ ว่า อยากขอให้ปฏิบัติเสมอภาค คือ การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กดดันศาล ก่อกวนกิจกรรมคนอื่น ตนอยากเห็นตำรวจเข้มแข็งกับทุกกลุ่มจะได้เกิดความเป็นธรรม ถ้าจะวางบรรทัดฐานว่าต่อไปนี้การชุมนุมนอกทำเนียบทำไม่ได้ก็ต้องปฏิบัติกับทุกกลุ่ม
ส่วนระหว่างประชุมสภาผู้แทนราษฏร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอหารือถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และกำหนดเขตควบคุมในกทม. 3 เขต ส่วนใหญ่ระบุว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้กฎหมายฉบับนี้ ทั้งที่การชุมนุมาของกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษา ตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เปิดเผยว่า ขณะนี้นายสาย กังกเวคิน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานกมธ. ได้ลงนามในหนังสือเพื่อส่งถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี กรณีที่ส่อว่าจะกระทำการที่ขัดต่อกฎหมาย หลังจากที่มีการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคงแล้ว
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) ระบุว่า เป็นข้ออ้างในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนับหมื่นนายมาคุมม็อบประท้วงรัฐบาลนั้น กลายเป็นวิธีการพิเศษเพื่อพิทักษ์เก้าผู้นำที่ล้มเหลวและไร้ความสามารถ และดูเหมือนว่าต้นทุนการปกป้องผู้นำที่ล้มเหลวนับวันจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
**พท.-ปชป. ยินดีม็อบกลับสวนลุมฯ
ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ถือว่าเห็นแก่ภาพลักษณ์ของประเทศในการเป็นเจ้าบ้านต้องรับนายกรัฐมนตรีของประเทศจีนที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็นสิ่งที่ดี ที่กลุ่มผู้ชุมนุมยอมถอนการชุมนุม แต่ตนเชื่อว่าม็อบกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่ม็อบปกติ เพราะมีเป้าหมายหลักในการล้มรัฐบาลขอเรียกร้องว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางมายังประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 11-13 ตุลาคมนี้ ไม่อยากให้มีการชุมนุม หรือเกิดเหตุความวุ่นวายใดๆ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนขอขอบคุณกลุ่ม กปท. ที่รักษาหน้าตาของประเทศ และขอให้รัฐบาลดูแลการชุมนุมของกลุ่มนี้อย่างเท่าเทียมกับกลุ่มมวลชนเสื้อแดง
**ปูดสตช.ได้งบตีม๊อบ200ล้าน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วงเล็กที่มี พล.ต.อ.ประชา เป็นประธานเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา สตช.ได้เสนอของบประมาณในการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯครั้งนี้ เป็นจำนวนเงินถึง 200 ล้านบาทด้วยกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับตำรวจที่มาประจำการในอัตรา 800 บาทต่อหัวต่อวัน ค่าอาหาร 3 มื้อตลอดวันต่อนาย โดยตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บางส่วนยอมรับว่าได้รับอยู่ที่ 300-400 บาทต่อวันขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บังคับบัญชา
นอกจากนี้ยังมีนายตำรวจหลายนายตำหนิอาหารกล่องที่ทางต้นสังกัดจัดเตรียมไว้ให้ โดยระบุว่ามักจะเป็นข้าวผัดกระเพราและไข่ต้มซ้ำกันตลอดแทบทุกมื้อ ทำให้บางส่วนต้องยอมเสียเงินเพื่อซื้ออาหารในโรงอาหารภายในทำเนียบรัฐบาลเอง
ก่อนหน้านั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เคยออกมาเปิดเผยว่า ในการประกาศการใช้กฎหมายดังกล่าว ได้มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 175 ล้านบาท และได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนขณะนี้
วานนี้ (10 ต.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมความมั่นคง โดยมีพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หารือที่ห้องทำงาน ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อประเมินสถานการณ์ หลังรัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคง เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ช่วงเวลาเดียวกัน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. ได้เข้าเจรจาแกนนำ กปท.เพื่อขอคืนพื้นที่ต้อนรับนายนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 11-13 ต.ค.แต่การเจรจาไม่เป็นผล โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ยื่นเงื่อนไขขอเจรจาโดยตรงกับพล.ต.อ.ประชา ซึ่งทางพล.ต.ต.อดุลย์ได้ประสานพล.ต.อ.ประชา และมีรายงานข่าวว่าพล.ต.อ.ประชาตกลงที่จะลงไปเจราจาแกนนำด้วยตัวเอง
ต่อมา เวลา 11.30 น.แกนนำ กปท. อาทิ พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ พล.ร.อ.ชัย สุวรรณภาพ ร.ต.แซมดิน เลิศบุตร กปท.ทั้งหมดได้นั่งรถตู้เข้ามายังศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอการเจรจากับพล.ต.อ.ประชา แต่จนกระทั่งเวลา 12.00 น. พล.ต.ต.อดุลย์ ได้แจ้งกับแกนนำ กปท.ว่า พล.ต.อ.ประชา ติดภารกิจต้องไปตอบกระทู้ที่สภา โดยเร่งด่วน ได้มอบหมายให้ตนเป็นผู้เจรจาแทน และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะนำไปรายงานต่อผู้บังคับบัญชา และพล.ต.อ.ประชา ได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า พล.ต.อ.ประชา ไม่ได้ปฏิเสธที่จะไม่เข้าร่วม
ขณะที่พล.ร.อ.ชัย กล่าวยืนยันที่จะขอเจรจากับพล.ต.อ.ประชา โดยตรงเท่านั้น หลังการแถลงข่าวแกนนำ กปท.ได้ขึ้นรถตู้เดินทางกลับไปที่ชุมนุมข้างทำเนียบรัฐบาลทันที
จากนั้น เวลา 12.00 น.พล.ต.อ.ประชา สัมภาษณ์ว่า การเจรจากับกลุ่ม กปท. ที่ชุมนุมบริเวณด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ได้มอบหมายให้ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) เป็นผู้ดำเนินการ ตนจะไม่เป็นผู้เจรจา เนื่องจากตนติดภารกิจด่วน ต้องเดินทางไปรัฐสภา เพื่อตอบกระทู้ถามสดแทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม
มีรายงานว่า นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้รายงานสถานการณ์ให้นายกฯทราบตลอดเวลา
ต่อมาเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.ประชา ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า การเคลียร์พื้นที่ชุมนุมหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผอ.ศอ.รส.ศอ.รส.คงจะดำเนินการตามความเหมาะสมเป็นขั้นเป็นตอน
** กปท.ยอมสลาย ขู่จะมาใหม่
ต่อมาเมื่อเวลา 13.40 น.พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟือง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ชุมนุมยอมสลายแล้ว หลังพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะผอ.ศอ.รส. ได้เจรจา โดยจัดรถบัสจำนวน 15 คัน รอรับที่สนามม้านางเลิ้ง เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับไปชุมนุมที่สวนลุมพินี ส่วนเงื่อนไขต่อรองไม่สามารถเปิดเผยได้ เมื่อพูดคุยกันได้กลุ่มผู้ชุมนุมจึงถอนออกไปก่อน ส่วนผู้ชุมนุมจะกลับมาชุมนุมที่ทำเนียบฯใหม่หรือไม่ หลังนายกฯจีนเดินทางกลับเป็นเรื่องอนาคต ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังคงตรึงกำลังอยู่จนถึงวันที่ 18 ต.ค.ซึ่งเป็นกำหนดในการประกาศใช้ พ.ร.บ.มั่นคง หากสถานการณ์คลี่คลายก็สามารถยกเลิกการประกาศใช้พ.ร.บ.มั่นคง ได้ก่อนกำหนด และอยู่ที่ผบ.ตร.ในฐานะผอ.ศอ.รส.เสนอที่ประชุม ครม.
ด้านร.ต.แซมดิน เลิศบุญ เสขาธิการร่วมกปท. หนึ่งในแกนนำที่เข้าร่วมเจรจากับฝ่ายรัฐบาลที่บช.น. กล่าวว่า กลุ่มกปท.จะถอนการชุมนุมออกจากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลชั่วคราวตามที่ได้เจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทางฝ่ายรัฐบาลรับปากว่าหากเสร็จสิ้นภารกิจการเยือนประเทศไทยของนายกรัฐมนตรีจีนจะให้กลับมาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง และในระหว่างนี้จะไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อำนวยความสะดวกโดยการจัดรถบัส 15 คัน เพื่อให้ผู้ชุมนุมโดยสารกลับไปยังสวนลุมพินี รวมถึงจัดรถบรรทุก 5 คัน เพื่อขนสัมภาระและอุปกรณ์ต่างๆ
**แนวร่วมฉุนแกนนำ-ปิดแยกนางเลิ้ง
ภายหลังยุติการชุมนุม ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจ เพราะตั้งใจมุ่งมั่นต่อสู้ แต่แกนนำกปท.ทำให้ผิดหวัง โดยผู้ชุมนุมยังตั้งวงจับกลุ่มหารือกระจายตัวเป็นกลุ่มย่อย ไม่พอใจปิดการจราจรแยกนางเลิ้ง ทำให้ รต.แซมดิน ได้เจรจากับแกนนำกลุ่มที่ไม่รับผลการเจรจาที่แยกนางเลิ้ง
เวลา 16.22 น.มวลชน กปท. ที่แยกนางเลิ้ง ยอมสลายตัว เหตุการณ์เป็นปกติ โดยมีการเปิดการจราจร ถ.พิษณุโลก แยกนางเลิ้ง-พาณิชยการ-สวนมิสกวันแล้ว
**ศอ.รส.แถลงสรุปเรียบร้อยการ
เวลาประมาณ 15.00 น.ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น.ได้ทำการปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล จำนวน 25 กองร้อยกลับไปยังสนามกีฬาบุญยะจินดา ซึ่งเป็นฐานที่มั่น
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส.แถลงสรุปภาพรวม ว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบแกนนำผู้ชุมนุมอย่างน้อย 3 คน มีพฤติกรรม ผิดเงื่อนไขของการประกันตัว ในลักษณะยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย และความรุนแรง ฝ่ายกฎหมาย จึงเตรียมเสนอศาลขอถอนประกัน ส่วนผู้ที่ส่งเสบียงหรือสัมภาระเข้าไปในพื้นที่ประกาศห้าม จะเข้าข่ายสนับสนุนให้เกิดการกระทำผิดเช่นกัน ทั้งนี้ สำหรับกำลังตำรวจยังคงใช้กำลังกว่า 50 กองร้อย ในการดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุม พร้อมปรับกำลังตามสถานการณ์
**ฟังถอนประกัน 3 แกนนำกปท. 16 ต.ค.
ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนคำร้องขอให้ศาลออกหมายเรียกนายพิเชฏฐ พัฒนโชติ คณะเสนาธิการร่วมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ ( กปท.) ,นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีต ส.ว. และนายไทกร พลสุวรรณ คณะเสนาธิการร่วม กปท. จำเลยที่ 20 , 21 และ 25 คดีร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.) ก่อการร้ายปิดล้อมสนนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณ ปี 2551 เพื่อพิจารณาว่าจำเลยทั้งสามมีพฤติการณ์ กระทำผิดเงื่อนไขการปล่อยชั่วคราวของศาลหรือไม่
ศาลได้แถลง ทราบว่าข้อเท็จจริงทั้งเอกสารและการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ร้องนั้น เพียงพอต่อการวินิจฉัยแล้วซึ่งทั้งสามได้แถลงชี้แจงต่อศาลว่า การปราศรัยว่าโค่นระบอบทักษิณ นั้น เป็นอธิบายคำว่าระบอบทักษิณ ตามที่ศาลได้เคยมีคำพิพากษาเอาไว้แล้ว และการชุมนุมเป็นไปโดยสุจริต เป็นการใช้สิทธิชุมนุม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 63 ที่กำหนดว่าประชาชนสามารถใช้สิทธิชุมนุมได้โดยสงบ เปิดเผยและปราศจากอาวุธ และไม่ได้มีเจตนาที่จะฝ่าฝืนเงื่อนไขของศาลแต่อย่างใด ทั้งนี้ศาลได้อนุญาตให้ผู้คัดค้านทั้งสาม ส่งคำเอกสารคำแถลงได้ภายในวันที่ 14 ต.ค.นี้ และนัดฟังคำสั่งการไต่สวน ในวันที่ 16 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.
**“สุรยุทธ์” ยันไม่เกี่ยวม็อบกปท.
ที่สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ พล.อ.สรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี กล่าวว่า คนที่มีชื่อขึ้นต้นด้วย ส.ก็มีจำนวนมาก ตนก็อยู่ตรงนี้ไม่ได้ทำหน้าที่อื่นใด หากถามว่าได้ทำอะไรบ้างก็คงจะตอบได้ทั้งหมดว่าตนได้ดำเนินการงานด้านใดๆบ้าง ส่วนที่แกนนำกลุ่มกปท.ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร รุ่นที่ 1 ก็เป็นเพื่อนก็คือเพื่อน เขาก็มีความคิดเห็นของเขา ตนก็มีความคิดเห็นของตนและมีหน้าที่ของตน เพราะฉะนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกันในเรื่องของความรับผิดชอบและการทำหน้าที่
ส่วนความรู้สึกส่วนตัวว่ายังโกรธแค้นพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่า เคยตอบไปนานแล้วว่าไม่มีความรู้สึกที่ถือว่าไม่เป็นมิตร ตนยังถือว่าพ.ต.ท.ทักษิณเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้อง ดังนั้นคิดว่าการทำงานของแต่ละคนมีโอกาสที่จะผิดพลาดได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีทางที่จะมีโอกาสพบปะพูดคุยกันในอนาคต เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเราเป็นคนไทยด้วยกัน
**ฝ่ายค้าน-40 สว.-ยะใส ซัดกม.ตีม๊อบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงจัดการกับการชุมนุมกลุ่มกองทัพประชาชนโค้นล้มระบอบทักษิณ ว่า อยากขอให้ปฏิบัติเสมอภาค คือ การชุมนุมของคนเสื้อแดงที่กดดันศาล ก่อกวนกิจกรรมคนอื่น ตนอยากเห็นตำรวจเข้มแข็งกับทุกกลุ่มจะได้เกิดความเป็นธรรม ถ้าจะวางบรรทัดฐานว่าต่อไปนี้การชุมนุมนอกทำเนียบทำไม่ได้ก็ต้องปฏิบัติกับทุกกลุ่ม
ส่วนระหว่างประชุมสภาผู้แทนราษฏร ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขอหารือถึงกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และกำหนดเขตควบคุมในกทม. 3 เขต ส่วนใหญ่ระบุว่าไม่เหมาะสมที่จะใช้กฎหมายฉบับนี้ ทั้งที่การชุมนุมาของกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) เป็นการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษา ตรวจสอบเรื่องทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา เปิดเผยว่า ขณะนี้นายสาย กังกเวคิน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานกมธ. ได้ลงนามในหนังสือเพื่อส่งถึงประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรี กรณีที่ส่อว่าจะกระทำการที่ขัดต่อกฎหมาย หลังจากที่มีการประกาศใช้ พรบ.ความมั่นคงแล้ว
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) ระบุว่า เป็นข้ออ้างในการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนับหมื่นนายมาคุมม็อบประท้วงรัฐบาลนั้น กลายเป็นวิธีการพิเศษเพื่อพิทักษ์เก้าผู้นำที่ล้มเหลวและไร้ความสามารถ และดูเหมือนว่าต้นทุนการปกป้องผู้นำที่ล้มเหลวนับวันจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
**พท.-ปชป. ยินดีม็อบกลับสวนลุมฯ
ที่รัฐสภา นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ถือว่าเห็นแก่ภาพลักษณ์ของประเทศในการเป็นเจ้าบ้านต้องรับนายกรัฐมนตรีของประเทศจีนที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เป็นสิ่งที่ดี ที่กลุ่มผู้ชุมนุมยอมถอนการชุมนุม แต่ตนเชื่อว่าม็อบกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่ม็อบปกติ เพราะมีเป้าหมายหลักในการล้มรัฐบาลขอเรียกร้องว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางมายังประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 11-13 ตุลาคมนี้ ไม่อยากให้มีการชุมนุม หรือเกิดเหตุความวุ่นวายใดๆ
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนขอขอบคุณกลุ่ม กปท. ที่รักษาหน้าตาของประเทศ และขอให้รัฐบาลดูแลการชุมนุมของกลุ่มนี้อย่างเท่าเทียมกับกลุ่มมวลชนเสื้อแดง
**ปูดสตช.ได้งบตีม๊อบ200ล้าน
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วงเล็กที่มี พล.ต.อ.ประชา เป็นประธานเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา สตช.ได้เสนอของบประมาณในการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ความมั่นคงฯครั้งนี้ เป็นจำนวนเงินถึง 200 ล้านบาทด้วยกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นค่าเบี้ยเลี้ยงสำหรับตำรวจที่มาประจำการในอัตรา 800 บาทต่อหัวต่อวัน ค่าอาหาร 3 มื้อตลอดวันต่อนาย โดยตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บางส่วนยอมรับว่าได้รับอยู่ที่ 300-400 บาทต่อวันขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้บังคับบัญชา
นอกจากนี้ยังมีนายตำรวจหลายนายตำหนิอาหารกล่องที่ทางต้นสังกัดจัดเตรียมไว้ให้ โดยระบุว่ามักจะเป็นข้าวผัดกระเพราและไข่ต้มซ้ำกันตลอดแทบทุกมื้อ ทำให้บางส่วนต้องยอมเสียเงินเพื่อซื้ออาหารในโรงอาหารภายในทำเนียบรัฐบาลเอง
ก่อนหน้านั้น นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เคยออกมาเปิดเผยว่า ในการประกาศการใช้กฎหมายดังกล่าว ได้มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 175 ล้านบาท และได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนขณะนี้