xs
xsm
sm
md
lg

พ.ร.บ.ทุบม็อบคลอดแล้ว 3 เขต 9 วันโชว์ผู้นำจีน ตำรวจรับงานเคลียร์พื้นที่ กปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. (ภาพจากแฟ้ม)
รัฐงัด พ.ร.บ.มั่นคง หวังเคลียร์ม็อบ กปท.ข้างทำเนียบ ประกาศยาว 9 วัน คุม 3 เขต “ดุสิต-พระนคร-ป้อมปราบฯ” ให้ “อดุลย์” รับบท ผอ.รส.มอบอำนาจ ตร.เคลียร์พื้นที่ “ภราดร” อ้างการข่าวม็อบอาจยกระดับ กม.ปกติเอาไม่อยู่ เหตุนายกฯ จีนใกล้มาเยือน ระบุ “ยิ่งลักษณ์” ให้ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม “หมวดเจี๊ยบ” โร่แถไม่ได้ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ ประกาศแค่ 3 เขต ไปชุมนุมที่อื่นก็ได้

วันนี้ ( 9 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.10 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเล็ก ที่มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นสมควรให้มีการประกาศพื้นที่รักษาความมั่นคงภายในตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอ โดยประกาศให้ใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ 3 เขต 8 แขวงของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย เขตดุสิต (แขวงดุสิต และแขวงจิตรลดา) เขตพระนคร (แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถม แขวงบางขุนพรหม) และเขตป้องปราบศัตรูพ่าย (แขวงวัดโสมนัส) โดยประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 9-18 ต.ค. รวม 9 วัน

พล.ท.ภราดร กล่าวด้วยว่า หลังประกาศมติ ครม.ดังกล่าว ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จะมีกาประชุมคณะกรรมการในส่วนของ กอ.รมน.ที่จะให้ความเห็นชอบในแผนการปฏิบัติการ โดยมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ทำหน้าที่ผู้อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ส่วนการดูแลพื้นที่ตามประกาศเป็นหน้าที่ของ สตช.ที่จะใช้ดุลพินิจในการดำเนินการตามกรอบกฎหมาย โดยเบื้องต้นทาง สตช.ได้มีการเจรจาประสานงานกับทางกลุ่มผู้ชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ หรือ กปท.อยู่ตลอดเวลา และคงจะมีการแจ้งประสานเรื่องการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ด้วย

พร้อมกันนี้ พล.ท.ภราดร ยังได้กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ว่า เนื่องจากทางฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวได้ประเมินสถานการณ์พบว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเคยปรากฎการชุมนุมลักษณะนี้และมีการขยายผลมาแล้ว ซึ่งเกรงจะเกิดความไม่สงบเกิดขึ้น และลำพังกฎหมายปกติคงไม่เพียงพอ เพราะคาดว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อ ประกอบกับจะมีกำหนดการของนายกรัฐมนตรีจีนที่จะมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการด้วย ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กำชับให้ปฏิบัติตามกฎหมายด้วยหลักนิติรัฐ นิติธรรม

ส่วนขั้นตอนการให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่จากมติ ครม. จะมีการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ซึ่งจะให้ความเห็นชอบแผนปฏิบัติการ จากนั้นจะสามารถดำเนินการได้ทันที โดยมี ผบ.ตร.เป็นผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย ส่วนการเคลียร์พื้นที่เป็นหน้าที่ของ สตช. ที่จะให้ดุลพินิจจัดการแก้ไขสถานการณ์ สำหรับความจำเป็นที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้กฎหมายปกติกับผู้ชุมนุมแล้ว แต่ไม่เพียงพอ และมีแนวโน้มชัดเจนว่า การชุมนุมจะมีการยืดเยื้อ เพราะมีการชุมนุมยืดเยื้อมาจากสวนลุมพินีที่ชุมนุมมากว่า 60 วันและจะนำไปสู่การขยายผลกลุ่มอื่นเข้ามาร่วม

ด้าน พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า ได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบแล้ว โดยนายกฯ ให้ประเมินสถานการณ์และมอบให้นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ลงนาม

ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมขับไล่รัฐบาลเข้าใจเหตุผลความจำเป็นที่รัฐบาลต้องประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้รับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และมีความห่วงใยในสถานการณ์ พร้อมกับมอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ ร่วมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์

โดยนายกฯ กำชับให้เจ้าหน้าที่เคารพสิทธิของผู้ชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ และปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมให้ถูกต้องตามกฎหมายและตามหลักสากล โดยต้องดำเนินการอย่างละมุนละม่อม และใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ทั้งนี้ รัฐบาลขอยืนยันว่าไม่ได้ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของผู้ชุมนุม เพราะการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ครอบคลุมเพียงพื้นที่ 3 เขต รอบบริเวณทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และเขตพระราชฐานเท่านั้น แต่ผู้ชุมนุมยังสามารถทำกิจกรรมในพื้นที่อื่นๆ ได้ แต่ต้องเคลื่อนไหวในกรอบของกฎหมาย และต้องเคารพสิทธิ์ของผู้อื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมด้วย

ทั้งนี้ ภายหลังการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง แล้ว หากไม่มีสถานการณ์ใดๆ ที่น่าเป็นห่วง รัฐบาลก็อาจยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคง ก่อนวันที่ 18 ต.ค.ก็เป็นได้ ส่วนกรณีที่บางฝ่ายสงสัยว่า เหตุใดรัฐบาลจึงใช้กฎหมายความมั่นคง ทั้งๆ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมมีจำนวนไม่มากนัก เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ได้ประเมินจากพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมในอดีตแล้ว เห็นว่าควรต้องป้องปรามไม่ให้เกิดการบุกรุกเข้ามาในสถานที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และเขตพระราชฐาน ซึ่งรัฐบาลจะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ

นอกจากนี้ การปิดถนนของผู้ชุมนุม ยังส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนทั่วไป จึงขอให้ผู้ชุมนุมโปรดเข้าใจเหตุผลของรัฐบาลด้วย และที่สำคัญในวันที่ 11 ต.ค.นี้ นาย หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน จะเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อพบหารือทวิภาคี กับนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจและร่างความตกลงที่สำคัญหลายด้าน เช่น ด้านพลังงาน การศึกษา และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง

นอกจากนี้ ก็จะมีการแถลงข่าวร่วมกันระหว่างนายกฯ ไทยและจีน เพื่อแสดงความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างกันด้วย ซึ่งจะเป็นการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเพิ่งรับตำแหน่งเมื่อเดือน มี.ค. 56 ที่ผ่านมา หากรัฐบาลไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ได้ อาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตาประชาคมโลก ซึ่งจะส่งผลเสียหายต่อประเทศไทยเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ การปิดถนนของผู้ชุมนุมก็ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนได้รับความเดือดร้อน ถือเป็นการใช้เสรีภาพในการชุมนุมทางการเมือง ที่กระทบสิทธิของผู้อื่น และไม่อยู่ในกรอบของกฎหมาย และระหว่างนี้ รัฐสภากำลังจะพิจารณากฎหมายสำคัญหลายฉบับ คาดว่าอาจมีการยกระดับการชุมนุมและอาจทำให้การปิดถนนต้องยืดเยื้อเป็นเวลานาน รัฐบาลจึงจำเป็นต้องรักษาความสงบเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด


กำลังโหลดความคิดเห็น