วานนี้ (9 ต.ค.56) นายวิษณุ วรัญญู ตุลาการหัวหน้าคณะศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเป็นตุลาการเจ้าของสำนวน
ได้อ่านคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การแต่งตั้งข้า
ราชการตำรวจ ลง วันที่ 7 เม.ย.2552 ที่แต่งตั้งให้พล.ต.ท.วัชรพล ประสารกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งมีอาวุโสเป็นลำดับที่ 2 ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งแต่งตั้งดัง
กล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมายจริง
ทั้งนี้คดีดังกล่าว พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสบ 10 สำนักงานตำรวจ
แห่งชาติได้ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คณะกรรมการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งผู้ดำรง
ตำแหน่งระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ผู้ถูกฟ้องคดีที่
3 และ นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เพื่อขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนประกาศดังกล่าวฯ โดย
อ้างว่า ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ว่างลงขณะนั้น ตนเองเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่ง
ชาติที่มีอาวุโสลำดับที่ 1 แต่กลับไม่ได้รับการเสนอชื่อ โดยมีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.วัชรพล ซึ่งมีอาวุโสเป็น
ลำดับที่ 2 แทน และผบ.ตร.กับพวกทั้ง 4 ก็ได้มีมติเห็นชอบจึงเป็นการแต่งตั้งโดยไม่ชอบ ซึ่งศาลปกครอง
กลางก็ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 53 ว่าประกาศสำนักนากยรัฐมนตรีฯดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และให้เพิกถอน ทางผู้ถูกฟ้องคดีจึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด
โดยศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า การคัดเลือกแต่งตั้ง พล.ต.ท.วัชรพล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
มาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดลำดับอาวุโสของข้า
ราชการตำรวจในการรักษาราชการแทน ระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.ชลอได้รับการ
จัดให้เป็นผู้มีอาวุโส ลำดับที่ 1 และ พลตำรวจโทวัชรพลฯ เป็นผู้มีอาวุโส ลำดับที่ 2 เมื่อไม่ปรากฏว่าพล.ต.อ
.ชลอ มีความบกพร่องในเรื่องประวัติการรับราชการ ความประพฤติ และผลการปฏิบัติงาน อีกทั้งพล.ต.อ.ชลอ
ก็ได้รับการยอมรับในความรู้ความสามารถ
ฉะนั้น จึงต้องแต่งตั้งพล.ต.อ.ชลอ ซึ่งมีอาวุโส เป็นลำดับที่ 1 ให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เป็นตำแหน่งแรก แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งระดับรอง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติ
แห่งกฎหมายที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 7 เม.ย. 2552 ที่
แต่งตั้งให้พล.ต.ท.วัชรพล ประสารกิจ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้มีผลย้อน
หลังตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2552 เป็นต้นไป ซึ่งศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง
ได้อ่านคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การแต่งตั้งข้า
ราชการตำรวจ ลง วันที่ 7 เม.ย.2552 ที่แต่งตั้งให้พล.ต.ท.วัชรพล ประสารกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ซึ่งมีอาวุโสเป็นลำดับที่ 2 ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากเห็นว่าคำสั่งแต่งตั้งดัง
กล่าวเป็นการใช้ดุลพินิจไม่ชอบด้วยกฎหมายจริง
ทั้งนี้คดีดังกล่าว พล.ต.อ.ชลอ ชูวงษ์ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาสบ 10 สำนักงานตำรวจ
แห่งชาติได้ยื่นฟ้อง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 คณะกรรมการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งผู้ดำรง
ตำแหน่งระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ผู้ถูกฟ้องคดีที่
3 และ นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 เพื่อขอให้ศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนประกาศดังกล่าวฯ โดย
อ้างว่า ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่ว่างลงขณะนั้น ตนเองเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่ง
ชาติที่มีอาวุโสลำดับที่ 1 แต่กลับไม่ได้รับการเสนอชื่อ โดยมีการเสนอชื่อ พล.ต.ท.วัชรพล ซึ่งมีอาวุโสเป็น
ลำดับที่ 2 แทน และผบ.ตร.กับพวกทั้ง 4 ก็ได้มีมติเห็นชอบจึงเป็นการแต่งตั้งโดยไม่ชอบ ซึ่งศาลปกครอง
กลางก็ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 53 ว่าประกาศสำนักนากยรัฐมนตรีฯดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
และให้เพิกถอน ทางผู้ถูกฟ้องคดีจึงได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด
โดยศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า การคัดเลือกแต่งตั้ง พล.ต.ท.วัชรพล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
มาดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดลำดับอาวุโสของข้า
ราชการตำรวจในการรักษาราชการแทน ระดับผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยพล.ต.อ.ชลอได้รับการ
จัดให้เป็นผู้มีอาวุโส ลำดับที่ 1 และ พลตำรวจโทวัชรพลฯ เป็นผู้มีอาวุโส ลำดับที่ 2 เมื่อไม่ปรากฏว่าพล.ต.อ
.ชลอ มีความบกพร่องในเรื่องประวัติการรับราชการ ความประพฤติ และผลการปฏิบัติงาน อีกทั้งพล.ต.อ.ชลอ
ก็ได้รับการยอมรับในความรู้ความสามารถ
ฉะนั้น จึงต้องแต่งตั้งพล.ต.อ.ชลอ ซึ่งมีอาวุโส เป็นลำดับที่ 1 ให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เป็นตำแหน่งแรก แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการคัดเลือกเพื่อแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งระดับรอง
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติ
แห่งกฎหมายที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 7 เม.ย. 2552 ที่
แต่งตั้งให้พล.ต.ท.วัชรพล ประสารกิจ ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้มีผลย้อน
หลังตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2552 เป็นต้นไป ซึ่งศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง