ASTVผู้จัดการรายวัน- ปชป. จ้องเล่นงาน “ยิ่งลักษณ์” หลัง สตง.แฉ แท็บเล็ตแจกเด็กป.1เจ๊งระนาว ศูนย์ซ่อมปิดเผ่นหนี อัด ผลาญภาษีประชาชน สมคบเอกชนซื้อของด้อยคุณภาพ ไม่ปฏิบัติตามสัญญา บี้รัฐบาลฟ้อง เสิ่นเจิ้นสโคป ด้าน กระทรวงศึกษาฯ แถแท็บเล็ตพัง 30% คิดเป็น 295 เครื่องจาก 80 ร.ร.ที่ สตง.สำรวจ อย่าเหมารวมว่าเป็น 2.5 แสนเครื่องทั้งประเทศ “จาตุรนต์” มอบ สพฐ. ไปสำรวจข้อมูลภาพรวมทั้งประเทศเพื่อรู้ตัวเลขแท้จริง
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษา นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที และคณะกรรมการจัดซื้อแท็บเล็ต จากข้อมูลของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)พบว่าแท็บเล็ตชำรุดถึง 30 % หรือ2.8 แสนเครื่อง และทยอยเจ๊งอีก 8 แสนเครื่อง ในขณะที่บริษัทรับประกันไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งการซ่อมและคืนเครื่อง มีการปิดศูนย์หนีติดต่อไม่ได้ และมีการบริการไม่ทั่วถึง จึงต้องถามว่าโครงการที่ทักษิณคิดให้เสิ่นเจิ้นสโคปได้รับงาน แต่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา จะมีการบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหาและรับผิดชอบอย่างไร และกระทรวงศึกษาธิการและไอซีทีจะมีการระงับหรือดำเนินโครงการนี้ต่อไปอย่างไร รวมถึงฝากถึงนายกรัฐมนตรีในเรื่องการตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมกับย้ำว่าต้องมีความรับผิดชอบจากรัฐบาล เพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลทำแล้วมีปัญหา
นายชวนนท์ กล่าวเสริมว่า ขอให้ส่งเรื่องไปยังรัฐบาลเพื่อฟ้องร้องบริษัทเสิ่นเจิ้นสโคป ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทั้งคุณภาพและศูนย์ซ่อม เป็นนโยบายตั้งต้นทุจริตคอร์รัปชั่น ขายของไร้คุณภาพ ปิดศูนย์ซ่อมหนี จึงขอให้สตง.ส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ หากนายกฯไม่ดำเนินการพรรคก็จะเอาผิดในทางกฎหมายต่อไป
วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า จากการติดตามรายงานผลตรวจ สตง.ที่ส่งมาให้นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ. ทราบว่า สตง.ได้ทำการสุ่มสำรวจจากลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียน 80 แห่ง 12 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 11 จังหวัดซึ่งคิดเป็น 0.2% ของโรงเรียนทั้งหมดกว่า 3 หมื่นโรง
ดังนั้นที่มีปรากฎเป็นข่าวว่าพบความเสียหาย 30% หรือ 2.59 แสนเครื่อง จากทั้งหมด 860,000 เครื่องนั้นไม่ใช่ เพราะความจริงแล้วข้อมูลดังกล่าว คือ 30% ของเครื่องแท็บเล็ต จำนวน 295 เครื่อง จากประมาณ 990 เครื่องที่ สตง.ทำการสุ่มสำรวจใน 80 โรงเรียนเท่านั้น ขณะเดียวกันกระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญากับบริษัทที่ขายเครื่องแท็บเล็ตในปีงบประมาณ 2555 ได้รายงานสรุปการซ่อมเครื่องแท็บเล็ตระหว่างเดือนสิงหาคม 2555 -สิงหาคม 2556 พบเครื่องเสียหายทั้งสิ้น 5,344 เครื่อง
ส่วนกรณีศูนย์ซ่อมที่จ.สระบุรีนั้น พบว่าจังหวัดดังกล่าวมีศูนย์ซ่อม 2 ศูนย์ ทั้งที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าสุขอนันต์ และห้างสรรพสินค้าทวีกิจ และขณะนี้สาขาทวีกิจปิดทำการไปแล้ว แต่ลูกค้าของสาขาทวีกิจสามารถมารับเครื่องที่ส่งซ่อมได้ที่สาขาสุขอนันต์ได้ และด้านบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด หรือบริษัทคู่สัญญา ก็ยืนยันว่า ศูนย์ซ่อมมีการย้ายสถานที่ไปอยู่บริเวณใกล้เคียงเพียง 3 ศูนย์เท่านั้น ถือว่ายังซ่อมได้
“ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเครื่องแท็บเล็ตเสียหายโดยรวมเท่าไร ยังไม่มีการสำรวจโดยตรงครบถ้วน ซี่ง สพฐ.และเขตพื้นที่กำลังรวมข้อมูลแต่ยังไม่แล้วเสร็จเพราะมีการปิดภาคการศึกษา แต่เร็ว ๆ นี้จะได้ข้อมูลว่าที่มีการบันทึกเครื่องแท็บเล็ต เสีย ส่งซ่อม ไม่ส่งซ่อมทั้งประเทศเป็นจำนวนเท่าไร ขณะเดียวกัน ได้มอบให้ สพฐ.ไปประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ให้ร่วมกันทำการสุ่มสำรวจตรวจแท็บเล็ตโดยให้มีการสำรวจในวงกว้าง เพื่อสรุปบทเรียนของการจัดซื้อแท็บเล็ตในปีงบประมาณ 2555-2556 ใช้เป็นแนวทางดำเนินการจัดซื้อในปีงบประมาณ 2557 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยืนยันว่าในปีงบประมาณ 2557 รัฐบาลจะซื้อเครื่องแท็บเล็ตแจกนักเรียนเช่นเดิมไม่ใช่วิธีการอื่น”
น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งคำถามถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษา นาวาอากาศเอกอนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที และคณะกรรมการจัดซื้อแท็บเล็ต จากข้อมูลของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)พบว่าแท็บเล็ตชำรุดถึง 30 % หรือ2.8 แสนเครื่อง และทยอยเจ๊งอีก 8 แสนเครื่อง ในขณะที่บริษัทรับประกันไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขทั้งการซ่อมและคืนเครื่อง มีการปิดศูนย์หนีติดต่อไม่ได้ และมีการบริการไม่ทั่วถึง จึงต้องถามว่าโครงการที่ทักษิณคิดให้เสิ่นเจิ้นสโคปได้รับงาน แต่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา จะมีการบริหารจัดการเพื่อแก้ปัญหาและรับผิดชอบอย่างไร และกระทรวงศึกษาธิการและไอซีทีจะมีการระงับหรือดำเนินโครงการนี้ต่อไปอย่างไร รวมถึงฝากถึงนายกรัฐมนตรีในเรื่องการตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่นว่าจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมกับย้ำว่าต้องมีความรับผิดชอบจากรัฐบาล เพราะเป็นนโยบายที่รัฐบาลทำแล้วมีปัญหา
นายชวนนท์ กล่าวเสริมว่า ขอให้ส่งเรื่องไปยังรัฐบาลเพื่อฟ้องร้องบริษัทเสิ่นเจิ้นสโคป ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา ทั้งคุณภาพและศูนย์ซ่อม เป็นนโยบายตั้งต้นทุจริตคอร์รัปชั่น ขายของไร้คุณภาพ ปิดศูนย์ซ่อมหนี จึงขอให้สตง.ส่งเรื่องให้นายกรัฐมนตรีรับทราบ หากนายกฯไม่ดำเนินการพรรคก็จะเอาผิดในทางกฎหมายต่อไป
วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า จากการติดตามรายงานผลตรวจ สตง.ที่ส่งมาให้นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ. ทราบว่า สตง.ได้ทำการสุ่มสำรวจจากลุ่มตัวอย่างจากโรงเรียน 80 แห่ง 12 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 11 จังหวัดซึ่งคิดเป็น 0.2% ของโรงเรียนทั้งหมดกว่า 3 หมื่นโรง
ดังนั้นที่มีปรากฎเป็นข่าวว่าพบความเสียหาย 30% หรือ 2.59 แสนเครื่อง จากทั้งหมด 860,000 เครื่องนั้นไม่ใช่ เพราะความจริงแล้วข้อมูลดังกล่าว คือ 30% ของเครื่องแท็บเล็ต จำนวน 295 เครื่อง จากประมาณ 990 เครื่องที่ สตง.ทำการสุ่มสำรวจใน 80 โรงเรียนเท่านั้น ขณะเดียวกันกระทรวงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ซึ่งเป็นบริษัทคู่สัญญากับบริษัทที่ขายเครื่องแท็บเล็ตในปีงบประมาณ 2555 ได้รายงานสรุปการซ่อมเครื่องแท็บเล็ตระหว่างเดือนสิงหาคม 2555 -สิงหาคม 2556 พบเครื่องเสียหายทั้งสิ้น 5,344 เครื่อง
ส่วนกรณีศูนย์ซ่อมที่จ.สระบุรีนั้น พบว่าจังหวัดดังกล่าวมีศูนย์ซ่อม 2 ศูนย์ ทั้งที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าสุขอนันต์ และห้างสรรพสินค้าทวีกิจ และขณะนี้สาขาทวีกิจปิดทำการไปแล้ว แต่ลูกค้าของสาขาทวีกิจสามารถมารับเครื่องที่ส่งซ่อมได้ที่สาขาสุขอนันต์ได้ และด้านบริษัท เสิ่นเจิ้น สโคป ไซแอนทิฟิก ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด หรือบริษัทคู่สัญญา ก็ยืนยันว่า ศูนย์ซ่อมมีการย้ายสถานที่ไปอยู่บริเวณใกล้เคียงเพียง 3 ศูนย์เท่านั้น ถือว่ายังซ่อมได้
“ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเครื่องแท็บเล็ตเสียหายโดยรวมเท่าไร ยังไม่มีการสำรวจโดยตรงครบถ้วน ซี่ง สพฐ.และเขตพื้นที่กำลังรวมข้อมูลแต่ยังไม่แล้วเสร็จเพราะมีการปิดภาคการศึกษา แต่เร็ว ๆ นี้จะได้ข้อมูลว่าที่มีการบันทึกเครื่องแท็บเล็ต เสีย ส่งซ่อม ไม่ส่งซ่อมทั้งประเทศเป็นจำนวนเท่าไร ขณะเดียวกัน ได้มอบให้ สพฐ.ไปประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) มหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ให้ร่วมกันทำการสุ่มสำรวจตรวจแท็บเล็ตโดยให้มีการสำรวจในวงกว้าง เพื่อสรุปบทเรียนของการจัดซื้อแท็บเล็ตในปีงบประมาณ 2555-2556 ใช้เป็นแนวทางดำเนินการจัดซื้อในปีงบประมาณ 2557 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยยืนยันว่าในปีงบประมาณ 2557 รัฐบาลจะซื้อเครื่องแท็บเล็ตแจกนักเรียนเช่นเดิมไม่ใช่วิธีการอื่น”
