xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เมื่อ “ผบ.ตร.” ต้องรับบัญชา “นักโทษหนีคดี” เมื่อ “ผบช.น.” มี “นช.ทักษิณ” เป็นฮีโร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-อะไรก็เกิดขึ้นได้ในบ้านนี้เมืองนี้ !! การที่ “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)” อย่าง “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง จะเดินทางไปพบ “นักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่น” ที่ศาลตัดสินยึดทรัพย์ และให้จำคุก 2 ปี อย่าง “นช.ทักษิณ ชินวัตร” กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับข้าราชการตำรวจของไทย ซึ่งนอกจากนายตำรวจระดับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจะเดินทางไปพบนักโทษหนีคดีอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง และไม่ดำเนินการจับกุม ทั้งๆที่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว นายตำรวจใหญ่ยังแชะภาพถ่ายรูปหมู่กับนักโทษหนีคดีอย่างชื่นมื่น โดยไม่ยี่หระต่อกฎหมาย ไม่สนใจจริยธรรม

ที่สำคัญก่อนหน้านี้ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน” ได้ส่งเรื่องการเดินทางไปพบ นช.ทักษิณ ของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เมื่อปี 2555ที่ผ่านมา ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในฐานะผู้บังคับบัญชา เพื่อให้ดำเนินการภายใน 30 วัน เนื่องจากเห็นว่าการกระทำดังกล่าวทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจทำให้เกิดข้อครหาในกระบวนการยุติธรรมที่อาจถูกมองว่ามีความไม่เป็นกลางเกิดขึ้น พร้อมทั้งยังได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบอีกด้วย

การกระทำของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ในครั้งนี้จึงถือเป็นการท้าทายกฎหมาย ท้าทายผู้ตรวจการแผ่นดิน และไม่ให้เกียรติ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะผู้บังคับบัญชา ซึ่งตามขั้นตอนแล้วอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเดินทางไปพบ นช.ทักษิณของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอ

ทั้งนี้ทางด้าน นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้กล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์ภาพ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกาะมาเก๊า ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คอีกครั้ง ภายหลังก่อนหน้านี้ มีภาพ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกาะฮ่องกง เพื่อประดับยศให้ ว่า จะนำข้อมูลดังกล่าวมาสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมด้วย เพราะเรื่องดังกล่าวผู้ตรวจการแผ่นดิน เคยมีคำวินิจฉัยแล้ว พร้อมทั้งส่งหนังสือแจ้งไปยัง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ์ จเรตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้บังคับบัญชา ดำเนินการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่

เป็นที่รู้กันดีว่าการเดินทางไปพบ นช.ทักษิณของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ที่มาเก๊า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2556 ที่ผ่านมานั้น ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2555 บิ๊กแจ๊ดก็เคยเดินทางไปพบ นช.ทักษิณ เพื่อก้มหัวให้ประดับยศบนบ่า พร้อมทั้งขึ้นป้ายติดข้างฝาห้องทำงานว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้”

คงไม่ต้องตีความกันให้มากมาย เพราะการเดินทางไปพบ นช.ทักษิณในครั้งนั้นเกิดขึ้นหลังจากวันที่ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ได้เลื่อนยศเป็น “พล.ต.ท.” และได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจนครบาลซึ่งในวงการสีกากีถือว่าเป็นเก้าอี้เกรดเอบวก แทน “พล.ต.ท.วินัย ทองสอง” นายตำรวจใหญ่ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องเขยของ นช.ทักษิณ ที่ได้รับการเลื่อนขั้นให้ไปเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1” เพียง 6 วันเท่านั้น อีกทั้งยังมีลายเซ็นพร้อมคำอวยพรจาก นช.ทักษิณ จารึกไว้ใต้ภาพถ่ายที่ทักษิณประดับยศ พล.ต.ท.ให้บิ๊กแจ๊ดว่า “ขอแสดงความยินดีกับแจ๊ดน้องรัก ขอให้มีความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นที่รักของประชาชนและเพื่อนตำรวจ รัก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (29 มิ.ย. 55)”

การกระทำดังกล่าวของบิ๊กแจ๊ดได้ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ตามมามากมาย แต่บิ๊กแจ๊ดก็หาได้สนใจ แต่กลับประกาศลั่นว่าเขาเคารพเทิดทูน นช.ทักษิณอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู !!

ดังนั้นจึงเป็นคำตอบว่าทำไมทุกครั้งที่มีการชุมนุมเพื่อคัดค้านการออกฎหมายนิรโทษกรรมให้ น.ช.ทักษิณ เหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาตำรวจนครบาล และตำรวจจากทุก สน.ในพื้นที่กรุงเทพฯ ภายใต้การดูแลของผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นาม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลการชุมนุม จึงฮึ่มแฮ่ขู่คำรามและกระเหี้ยนกระหือที่จะใช้ความรุนแรงจัดการกับผู้ชุมนุมอยู่ตลอดเวลา และบางครั้งบางคราก็มีการลงไม้ลงมือไล่ทุบตี จนถึงขั้นไล่กระทืบแม้กระทั่งช่างภาพที่เข้าไปทำงานในพื้นที่ชุมนุม เพียงเพราะเห็นว่ามาจากสำนักข่าวที่ไม่เสนอข่าวเอาใจรัฐบาลเพื่อไทยภายใต้ระบอบทักษิณ

ทั้งนี้ นอกจากข้อครหาในเรื่องจริยธรรม และความเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ประเด็นสำคัญที่มิอาจมองข้ามก็คือ

การที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูง เดินทางไปพบ นช.ทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดี โดยไม่ดำเนินการจับกุมนั้น ถือเป็นความผิดในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หรือไม่ ?

และถ้ามีความผิดเหตุใดสำนักงานตำรวจแห่งชาติภายใต้การกำกับดูแลของ “พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จึงนิ่งเฉยไม่ดำเนินการใดๆ กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แม้ พล.ต.อ.อดุลย์จะอ้างว่าการจะชี้ว่ากระทำดังกล่าวของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผิดจริยธรรมหรือไม่ ต้องรอผลการสอบสวน โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.อมรินทร์ อัครวงษ์ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอน ก็ฟังดูไม่สมเหตุสมผลนัก เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่า นช.ทักษิณเป็นนักโทษหนีคดีจริง และบิ๊กแจ๊ด ก็เป็นคนออกมายืนยันเองว่าเดินทางไปพบ นช.ทักษิณ แล้วเหตุใดคนที่เป็นถึงผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงยังคิดไม่ได้มองไม่ออกว่าการที่นายตำรวจระดับสูงเดินทางไปพบนักโทษหนีคดีอย่างเปิดเผย โดยนอกจากจะไม่ดำเนินการจับกุมแล้วยังให้นักโทษประดับยศให้ด้วยนั้น เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและขัดต่อจริยธรรม !!

….เหตุใด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ในฐานะผู้รักษากฎหมาย แต่จงใจทำผิดกฎหมายเสียเอง จึงยังสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้ ?

และที่พิลึกพิลั่นไปกว่านั้นคือ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2556 ที่ผ่านมา นักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่นนาม นช.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งโดยพฤตินัยแล้วมีสถานะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีตัวจริง ได้ประกาศศักดาผ่านเฟซบุ๊ก "Thaksin Shinawatra" ว่าตนเองได้สั่งให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเร่งปราบปรามปัญหาการเก็บส่วย

“วันก่อนได้คุยกับท่าน ผบ.ตร. ผมก็บอกว่าผมได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านที่ขายของทั้งหลายในเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา ภูเก็ต ว่ามีหน่วยงานทั้งหลายในตำรวจและหน่วยงานภายนอกเดินเก็บส่วยกันมากจนเป็น cost ของผู้ประกอบการ และแน่นอนก็จะผ่านไปยังผู้บริโภค ทั้งๆ ที่รัฐบาลได้จัดการปัญหาเรียกรับเงินในการแต่งตั้งโยกย้ายออกไปอย่างสิ้นเชิง ก็ยังไม่ง่ายเพราะนิสัยที่ชอบเก็บส่วยได้แพร่กระจายเป็นวงกว้าง ขอให้ช่วยกันจัดการด่วน! ท่านก็บอกว่าท่านนายกฯได้สั่งการมาแล้วครับ ผมเลยหวังว่าทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นครับ วันนี้พูดหลายเรื่อง เอาเท่านี้ก่อนครับ ไปอยู่ปักกิ่งแล้วจะมีเวลาเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้ฟังอีกครับ” ข้อความตอนหนึ่งที่ นช.ทักษิณ โพสต์ในเฟสบุ๊ค เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา

งานนี้แม้ พล.ต.อ.อดุลย์ จะออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้รับบัญชาจาก นช.ทักษิณ แต่รับได้รับนโยบายเรื่องปราบส่วยจากนายกฯ อีกทั้งยังไม่ได้พูดคุยกับ นช.ทักษิณ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อ เพราะดูจากพฤติกรรมของบรรดานายตำรวจตั้งแต่ระดับผู้บังคับบัญชาไปจนถึงชั้นประทวนแล้วปฏิเสธไม่ได้ว่าล้วนแต่เป็นไปในลักษณะปกป้องเกื้อหนุนนักการเมืองพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายเสื้อแดง ขณะเดียวกันก็มักเล่นงานและใช้ความรุนแรงกับกลุ่มคนที่ออกมาคัดค้านการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องชอบธรรมต่างๆของรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนคำว่า สองมาตรฐาน นั้นกลายเป็นโลโก้ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปแล้ว

ในยุคที่จริยธรรมของผู้รักษากฎหมายไทยเลวร้ายเข้าขั้นวิกฤตเช่นนี้ สิ่งที่ประชาชนตาดำๆพอจะทำได้ก็คงได้แต่ภาวนาให้ประเทศไทยรอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา ภาวนาให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คิดถึงเกียรติและศักดิ์ศรีของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ได้มาจากทำหน้าที่เพื่อประชาชนผู้เสียภาษี หาใช่การทำงานตามใบสั่งของ “นักโทษหนีคดีคอร์รัปชั่น”



กำลังโหลดความคิดเห็น