หุ้นไทยบวก 20.19 จุด รอรับข่าวพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 57 ผ่าน อีกทั้งได้แรงหนุนปิดหน่วยงานสหรัฐฯ ส่อเค้ากระประชุมเฟดรอบล่าสุด โอกาสลดQEริบหรี่ ดึงFund Flow ไหลเข้าภูมิภาคต่อ แตะพบพอร์ตโบรกฯชอบกระจายเพียงเจ้าเดียว 3.5 พันล้านบาท เตือนระวัง! พร้อมคาดวันนี้ปรับตัวในแดนบวกได้ต่อ แต่ไม่แรงมาก
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3ต.ค.) เคลื่อนไหวในแดนบวก จากความการหวังสถานการณ์ในประเทศ และต่างประเทศจะออกมาในทิศทางที่เป็นบวก โดยปิดที่ระดับ 1,429.18 จุด เพิ่มขึ้น 20.19 จุด หรือ 1.43% มูลค่าการซื้อขาย 39,972.20 ล้านบาท ระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,432.45 จุด และต่ำสุดที่ 1,417.72 จุด
ขณะเดียวกันพบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) กลายเป็นผู้ซื้อสุทธิสูงสุดที่ระดับ 3,561.95 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 3,338.06 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 133.76 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 90.13 ล้านบาท
ด้านหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์แรก ได้แก่ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,631.51 ล้านบาท ปิดที่ 8.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,291.07 ล้านบาท ปิดที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,121.77 ล้านบาท ปิดที่ 188.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท BLAND มูลค่าการซื้อขาย 2,099.70 ล้านบาท ปิดที่ 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท และ SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,396.16 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์ การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ในระยะสั้นกำลังพุ่งเป้าไปที่ 2 ปัจจัยสำคัญ โดยปัจจัยในประเทศ คือ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 57วันนี้ (4 ต.ค.) ซึ่งเชื่อว่าน่าจะผ่านพ้นไปได้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สหรัฐฯมีการปิดทำการชั่วคราวหน่วยงานรัฐบาลนั้น กลับนำมาสู่ความคาดหวังเรื่อง QE ว่าในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รอบใกล้ๆ คงจะไม่ลดขนาด QE ลง เพราะจะยิ่งเป็นตัวบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อ เป็นเรื่องการเมืองในประเทศ ในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.นี้ ศาลฯ จะแถลงชี้ขาดเรื่อง พ.ร.บ.งบฯ ปี 57 น่าจะผ่านไปได้ และเรื่องที่ศาลฯ ไม่รับคำร้องที่จะให้มีการระงับชั่วคราวไม่ให้นายกรัฐมนตรียื่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.คงจะทำให้การดำเนินกระบวนการนำกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ สามารถเดินหน้าได้ต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเมืองในประเทศก็ยังมีอยู่
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ลฃ.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เพราะมีปัจจัยบวกหนุนจาการที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องที่ขอให้มีคำสั่งระงับการทูลเกล้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา และคาดว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 จะผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงส่งผลเชิงบวกในระยะสั้นต่อตลาดหุ้นไทย
สำหรับภาวะ Government Shutdown ของสหรัฐฯ แม้ว่าจะส่งผลต่อการพิจารณาขยายเพดานหนี้สาธารณะในกลางเดือนต.ค.นี้ แต่มุมมองของนักลงทุนยังเป็นบวก เนื่องจากเชื่อว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปลายเดือนต.ค.จะยังไม่ลดขนาดมาตรการ QE ส่งผลให้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น ทำให้ Fund Flow กลับเข้ามาใน Emerging market
ทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้(4ต.ค.) คาดว่ายังคงทรงตัว หากปรับขึ้นคงไม่มาก โดยยังต้องติดตามสถานการณ์ในสหรัฐฯที่ยังไม่มีข้อสรุปแน่นอน และการแถลงผลวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมให้แนวต้าน 1,450 จุด แนวรับ 1,400 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (3ต.ค.) เคลื่อนไหวในแดนบวก จากความการหวังสถานการณ์ในประเทศ และต่างประเทศจะออกมาในทิศทางที่เป็นบวก โดยปิดที่ระดับ 1,429.18 จุด เพิ่มขึ้น 20.19 จุด หรือ 1.43% มูลค่าการซื้อขาย 39,972.20 ล้านบาท ระหว่างวันแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,432.45 จุด และต่ำสุดที่ 1,417.72 จุด
ขณะเดียวกันพบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(บล.) กลายเป็นผู้ซื้อสุทธิสูงสุดที่ระดับ 3,561.95 ล้านบาท โดยนักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 3,338.06 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 133.76 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 90.13 ล้านบาท
ด้านหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์แรก ได้แก่ TRUE มูลค่าการซื้อขาย 2,631.51 ล้านบาท ปิดที่ 8.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท JAS มูลค่าการซื้อขาย 2,291.07 ล้านบาท ปิดที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,121.77 ล้านบาท ปิดที่ 188.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท BLAND มูลค่าการซื้อขาย 2,099.70 ล้านบาท ปิดที่ 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท และ SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,396.16 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.50 บาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์ การลงทุน บล.เคทีบี(ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ในระยะสั้นกำลังพุ่งเป้าไปที่ 2 ปัจจัยสำคัญ โดยปัจจัยในประเทศ คือ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 57วันนี้ (4 ต.ค.) ซึ่งเชื่อว่าน่าจะผ่านพ้นไปได้ ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สหรัฐฯมีการปิดทำการชั่วคราวหน่วยงานรัฐบาลนั้น กลับนำมาสู่ความคาดหวังเรื่อง QE ว่าในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รอบใกล้ๆ คงจะไม่ลดขนาด QE ลง เพราะจะยิ่งเป็นตัวบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อ เป็นเรื่องการเมืองในประเทศ ในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.นี้ ศาลฯ จะแถลงชี้ขาดเรื่อง พ.ร.บ.งบฯ ปี 57 น่าจะผ่านไปได้ และเรื่องที่ศาลฯ ไม่รับคำร้องที่จะให้มีการระงับชั่วคราวไม่ให้นายกรัฐมนตรียื่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว.คงจะทำให้การดำเนินกระบวนการนำกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ สามารถเดินหน้าได้ต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเมืองในประเทศก็ยังมีอยู่
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ลฃ.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เพราะมีปัจจัยบวกหนุนจาการที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องที่ขอให้มีคำสั่งระงับการทูลเกล้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับที่มาของสมาชิกวุฒิสภา และคาดว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2557 จะผ่านการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จึงส่งผลเชิงบวกในระยะสั้นต่อตลาดหุ้นไทย
สำหรับภาวะ Government Shutdown ของสหรัฐฯ แม้ว่าจะส่งผลต่อการพิจารณาขยายเพดานหนี้สาธารณะในกลางเดือนต.ค.นี้ แต่มุมมองของนักลงทุนยังเป็นบวก เนื่องจากเชื่อว่าการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปลายเดือนต.ค.จะยังไม่ลดขนาดมาตรการ QE ส่งผลให้มีเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลเข้ามาในตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น ทำให้ Fund Flow กลับเข้ามาใน Emerging market
ทำให้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้(4ต.ค.) คาดว่ายังคงทรงตัว หากปรับขึ้นคงไม่มาก โดยยังต้องติดตามสถานการณ์ในสหรัฐฯที่ยังไม่มีข้อสรุปแน่นอน และการแถลงผลวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมให้แนวต้าน 1,450 จุด แนวรับ 1,400 จุด
