หุ้นภาคเช้าเด้งแรงกว่า 23 จุด ตลาดเริ่มมีความหวังว่าปัญหาการคลังของสหรัฐฯ จะสามารถคลี่คลายลงได้ในที่สุด ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาในตลาดฯ
ภาวะตลาดหุ้นภาคเช้า (3 ต.ค.) ดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นแรงกว่า 23 จุด ในระหว่งชั่วโมงการซื้อขาย โดยเมื่อเวลา 11.30 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,430.08 จุด เพิ่มขึ้น 21.09 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.50% มูลค่าการซื้อขาย 14,365.01 ล้านบาท นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ตลาดเริ่มมีความหวังว่า ปัญหาการคลังของสหรัฐฯ จะสามารถคลี่คลายลงได้ในที่สุด ทำให้มีแรงซื้อเก็งกำไรกลับเข้ามาในตลาดฯ
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์ การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ในระยะสั้นตลาดกำลังพุ่งเป้าไปที่ 2 ปัจจัยสำคัญ โดยปัจจัยในประเทศ คือ ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี 57 พรุ่งนี้ (4 ต.ค.) เชื่อว่าน่าจะผ่านพ้นไปได้
ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สหรัฐฯ มีการปิดทำการชั่วคราวหน่วยงานรัฐบาลนั้น กลับนำมาสู่ความคาดหวังเรื่อง QE ว่า ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รอบใกล้ๆ คงจะไม่ลดขนาด QE ลง เพราะจะยิ่งเป็นตัวบั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยให้น้ำหนักดัชนีในระยะสั้นๆ ที่ 1,430 จุด
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นต่อ เป็นเรื่องการเมืองในประเทศ ในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.นี้ ศาลฯ จะแถลงชี้ขาดเรื่อง พ.ร.บ.งบฯ ปี 57 น่าจะผ่านไปได้ และเรื่องที่ศาลฯ ไม่รับคำร้องที่จะให้มีการระงับชั่วคราวไม่ให้นายกรัฐมนตรียื่นการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาของ ส.ว. คงจะทำให้การดำเนินกระบวนการนำกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ สามารถเดินหน้าได้ต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นการเมืองในประเทศก็ยังมีอยู่
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 11.58 น. ดัชนีปรับไปที่ระดับ 1,431.40 จุด เพิ่มขึ้น 22.41 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.59% มูลค่าการซื้อขาย 16,875.89 ล้านบาท
ล่าสุด ดัชนีปิดตลาดครึ่งวันเช้าที่ระดับ 1,431.07 จุด เพิ่มขึ้น 22.08 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.57% มูลค่าการซื้อขาย 20,630.61 ล้านบาท