**หวาดผวากันอีกหน ขนหัวลุกกันอีกแล้ว สถานการณ์น้ำท่วมส่อเค้าวิกฤติในหลายจังหวัด
กระทรวงมหาดไทยรายงานสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 24 ก.ย. มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวมทั้งสิ้น 23 จังหวัด 136 อำเภอ 709 ตำบล 5,470 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 422,518 ครัวเรือน 1,526,152 คน มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน 9 ศพ
แค่ฝนตก พายุเข้านิดหน่อย ก็ทำท่าจะซ้ำรอยเดิม มหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 ฤาเวลาที่ผ่านพ้นมาเกือบ 2 ปี รัฐบาลชุดนี้ที่ประกาศตอนหาเสียง "น้ำท่วม น้ำแล้ง จะหมดไป" จะดีแต่พูดดีแต่เห่าหอน !!
เหตุการณ์ในอดีตเมื่อปี 2554 ยังติดตาหลอกหลอนคนไทยอยู่ทุกค่ำเช้า ฝนตกฟ้ารั่วทีไหลยังนอนสะดุ้งจนเรือนไหว กลัวว่าบ้านเรือนทรัพย์สินจะสูญหายลอยละลิ่วปลิวละล่องไปกับสายน้ำเหมือนที่เคยเจอะเจอมา
แล้ว 2 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลที่บอกว่าจะเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ ระดมสมองผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีประสบการณ์ มาประชุมเวิร์กช็อปตั้งคณะกรรมการชุดแล้วชุดเล่าเพื่อเฝ้าระวังและแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นระบบครบวงจร มันไม่ได้สร้างความมั่นใจอะไรให้ประชาชนอบอุ่นหัวใจวางใจจากอุทกภัยได้เลยกระนั้นหรือ
หลายคนเชื่อเช่นนั้น เพราะแค่ฝนตกนิดหน่อย น้ำก็เจิ่งนอง แล้วจะไปเชื่อใจใครอีกเล่า ต้องเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากกว่า...
ก่อนหน้านี้เมื่ออุทกภัย 2554 รัฐบาลโดย "ปูกรรเชียง" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แต่ร้องโอดโอย ทำหน้าเหยเกปากเบี้ยวปากเจ่อ ร้องขอความเห็นใจว่ารัฐบาลเพิ่งเข้ามาก็เจอน้ำถล่ม แล้วปัดสวะให้พ้นตัว ซึ่งก็ไม่มีใครต่อว่าอะไรมากมายนัก ยังให้โอกาสทำงาน
มาตอนนี้รัฐบาลมีเวลาสะสางปัญหามา 2 ปี น่าจะทำอะไรให้เห็นทิศทางแก้ไขในเชิงบวกบ้าง แต่เปล่าเลยวันนี้ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากวาทกรรมกลวงโบ๋สวยหรูแต่ดูขาดความรู้
**"บูรณาการต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ" พูดให้ฟังจนเอียน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้พูดเข้าใจถึงความหมาย และการปฏิบัติมากน้อยแค่ไหน หรือพูดเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง พุดโธ่...ถุย !!
วันนี้ถ้าน้ำท่วมซ้ำรอยมหาอุทกภัย 2554 หรือท่วมแค่ครึ่งเดียวของคราวนั้น รัฐบาลมีหวังอยู่ไม่ได้ ต้องพินาศไปพร้อมกับสายน้ำแน่นอน เพราะวันนี้ไม่มีสัญญาณอะไรที่เป็นปัญหาหนักอก แน่นง่ามขา น้ำเหนือไม่ได้มากมายเหมือนคราวก่อน
เพียงแต่จะบริหารจัดการน้ำฝน พายุฝนอย่างไร หากทำไม่ได้ก็จบเห่ ต้องไปประเมินตนเองว่าที่ผ่านมาเหมือนไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ชาวบ้านจะด่าคราวนี้ก็ต้องรับไปเต็มๆ หมดสิทธิ์แถแหลหลบเลี่ยง
ปัญหาน้ำท่วมน้ำขัง เจิ่งนอง หลังจากฝนตกไม่ทันไร ยิ่งตกหนักยิ่งผวา สาเหตุหลักๆไม่ใช่อะไรเลย มันสืบเนื่องมาจากการวางผังเมืองที่ผิดพลาด สร้างบ้านสร้างเรือนโดยไม่ดูทำเลที่ตั้งว่ามันเป็นที่ลุ่มที่ดอน เป็นทางน้ำไหลผ่านหรือไม่ แค่เห็นรกร้างว่างเปล่าทำเลดี เหมาะแก่การสร้างบ้าน สร้างโรงงาน สร้างนิคมอุตสาหกรรม ก็ลุยแหลกลาญสร้างผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
ไม่ได้มีการประเมินทางภูมิศาสตร์ว่าไปแย่งพื้นที่น้ำ แย่งทางน้ำผ่าน ไปขวางทางน้ำลงคลอง ลงแม่น้ำหรือไม่ พอน้ำท่วมน้ำขังมาที ก็พินาศย่อยยับ แล้วก็ไปร้องแรกแหกกระเชอขอชดเชยความเสียหาย ตอนสร้างไม่คิด พอฉิบหาย แล้วก็มาโอดครวญ...มันทุเรศมั้ย
** ความจริงการแก้ปัญหาไม่ต้องใช้อะไรมาก แก้ง่ายๆ ใช้ความคิดนิดเดียว ปรับแผนวางผังเมือง สำรวจทิศทางน้ำไหลผ่าน แล้วก็ปล่อยให้มันเดินทางไปตามธรรมชาติ ปลดล็อกสิ่งกีดขวาง ที่มันท่วมเพราะไปอุดไปตัน ไปขวางมัน หลักๆ มันก็เท่านี้ แต่ไม่คิดกันง่ายๆ เอาความคิดไปจมปลักวนเวียนแค่การสร้างเขื่อน ทำเหมือนอวดรู้สู่ฉลาด แต่ความจริงโง่งมงาย !!
วันนี้ “เขื่อนแม่วงก์”ถูกปลุกกระแสขึ้นมา รัฐบาลจะสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เข้าอีหรอบเดิม น้ำท่วมทีก็ “ปลุกผี”สร้างเขื่อนกันที เพื่อให้ดูว่ารัฐบาลมีความจริงจัง จริงใจ เอาใจใส่แก้ไขปัญหา แต่คนข้องใจว่าเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือไม่ ก่อนหน้านี้ 20 กว่าปีก่อน ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ วันนี้ เคยปฏิเสธการสร้างเขื่อนแม่วงก์ อ้างว่าต้องการรักษาผืนป่าไว้ มาวันนี้พลิกลิ้น บอกควรสร้าง
เวลานั้นคงพูดเพื่อสร้างภาพ ตอนนี้มีอำนาจใหญ่คับประเทศ ความคิดและตัวตนที่แท้จริงเลยโผล่ออกมา
“เขื่อนแม่วงก์”ไม่ผ่านการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยังดันทุรังฝืนจะสร้างกันให้ได้ ผลวิเคราะห์วิจัยล้วนฟันธงว่าสร้างแล้วแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไม่ได้ แก้ได้อย่างมากแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แล้วจะสร้างไปทำไม ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องสูญเสียไป และน่าจะมีแนวทางอื่นที่แก้ปัญหาได้ดีกว่าหรือไม่
2 ปีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เหมือนนั่งทำงานกันในห้องแอร์ ลงไปในพื้นที่เป็นครั้งคราวพอเป็นพิธีแล้วก็เงียบฉี่ไป ศึกษากันไปกันมา แล้วก็ขัดแย้งวงแตกกันเองอีก ที่บอกว่าบูรณาการ แต่ภาพที่ออกมาดูสะเปะสะปะ ไม่มีแบบแผนแจ่มชัด คิดกันยาวนานเป็นปีๆ เหมือนจะรอให้โดนอีกทีก่อนเพื่อหาเหตุสร้างเขื่อนหาเงินเข้ากระเป๋า
สุดท้ายก็ร่างแผนงานออกมา ประมูลกันเป็นโมดูลๆ จะสร้างกันอย่างนั้น อย่างนี้ ทำไมช่างช้าเหลือเกิน คนนินทาหมาดูถูกว่าการประมูลต่างๆ เหมือนรอพรรคพวก คนกันเองเข้ามาเทกโอเวอร์ ทำงานไปสวาปามไป เชื่องช้าเหมือนเต่าป่วย งบประมาณไม่มีงานไม่เดินหน้า
ตอนนี้ไม่ทำอะไรกันแล้ว รอแต่งบก้อนโต 3.5 แสนล้านบาท พอใครขัดใครขวาง ใครตำหนิ ก็กล่าวหาว่าร้ายเขาเป็นพวกขวางโลก ขวางชาติถ่วงการพัฒนา เอ็นจีโอออกมาคัดค้าน ก็ด่ากราดแบบไม่ไว้เชิงอำมาตย์
ไม่รู้ว่าเพราะเห็นแก่ชาติ หรือเห็นแก่งบประมาณที่จะฟาดหัวคิวแบ่งกันฉัน ปันกันแดกกันแน่ !!
**ปัญหาเรื่องน้ำๆ ยังเป็นปัญหาแน่นอกของรัฐบาล วันนี้ฝนตกน้ำท่วมไม่เท่าไหร่ ก็ต้องรีบกุลีกุจอไปดูประตูน้ำ ดูเขื่อนกันจ้าละหวั่น เหมือนเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากลัวน้ำจนหางตั้ง เพราะถ้าเกิดน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งรับประกันซ่อมฟรีรัฐบาลอยู่ไม่ไหวแน่ เรื่องนี้ไม่ต้องไปโทษใคร ต้องโทษตัวเอง มีเวลาแก้ไขแล้วไม่ทำ
กระทรวงมหาดไทยรายงานสถานการณ์อุทกภัย ณ วันที่ 24 ก.ย. มีพื้นที่ประสบอุทกภัยรวมทั้งสิ้น 23 จังหวัด 136 อำเภอ 709 ตำบล 5,470 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 422,518 ครัวเรือน 1,526,152 คน มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน 9 ศพ
แค่ฝนตก พายุเข้านิดหน่อย ก็ทำท่าจะซ้ำรอยเดิม มหาอุทกภัยเมื่อปี 2554 ฤาเวลาที่ผ่านพ้นมาเกือบ 2 ปี รัฐบาลชุดนี้ที่ประกาศตอนหาเสียง "น้ำท่วม น้ำแล้ง จะหมดไป" จะดีแต่พูดดีแต่เห่าหอน !!
เหตุการณ์ในอดีตเมื่อปี 2554 ยังติดตาหลอกหลอนคนไทยอยู่ทุกค่ำเช้า ฝนตกฟ้ารั่วทีไหลยังนอนสะดุ้งจนเรือนไหว กลัวว่าบ้านเรือนทรัพย์สินจะสูญหายลอยละลิ่วปลิวละล่องไปกับสายน้ำเหมือนที่เคยเจอะเจอมา
แล้ว 2 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลที่บอกว่าจะเร่งแก้ปัญหาเหล่านี้ ระดมสมองผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีประสบการณ์ มาประชุมเวิร์กช็อปตั้งคณะกรรมการชุดแล้วชุดเล่าเพื่อเฝ้าระวังและแก้ปัญหาอุทกภัยอย่างเป็นระบบครบวงจร มันไม่ได้สร้างความมั่นใจอะไรให้ประชาชนอบอุ่นหัวใจวางใจจากอุทกภัยได้เลยกระนั้นหรือ
หลายคนเชื่อเช่นนั้น เพราะแค่ฝนตกนิดหน่อย น้ำก็เจิ่งนอง แล้วจะไปเชื่อใจใครอีกเล่า ต้องเชื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ามากกว่า...
ก่อนหน้านี้เมื่ออุทกภัย 2554 รัฐบาลโดย "ปูกรรเชียง" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้แต่ร้องโอดโอย ทำหน้าเหยเกปากเบี้ยวปากเจ่อ ร้องขอความเห็นใจว่ารัฐบาลเพิ่งเข้ามาก็เจอน้ำถล่ม แล้วปัดสวะให้พ้นตัว ซึ่งก็ไม่มีใครต่อว่าอะไรมากมายนัก ยังให้โอกาสทำงาน
มาตอนนี้รัฐบาลมีเวลาสะสางปัญหามา 2 ปี น่าจะทำอะไรให้เห็นทิศทางแก้ไขในเชิงบวกบ้าง แต่เปล่าเลยวันนี้ยังไม่เห็นอะไรเป็นรูปธรรม เป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากวาทกรรมกลวงโบ๋สวยหรูแต่ดูขาดความรู้
**"บูรณาการต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ" พูดให้ฟังจนเอียน จนอดสงสัยไม่ได้ว่าผู้พูดเข้าใจถึงความหมาย และการปฏิบัติมากน้อยแค่ไหน หรือพูดเจื้อยแจ้วเป็นนกแก้วนกขุนทอง พุดโธ่...ถุย !!
วันนี้ถ้าน้ำท่วมซ้ำรอยมหาอุทกภัย 2554 หรือท่วมแค่ครึ่งเดียวของคราวนั้น รัฐบาลมีหวังอยู่ไม่ได้ ต้องพินาศไปพร้อมกับสายน้ำแน่นอน เพราะวันนี้ไม่มีสัญญาณอะไรที่เป็นปัญหาหนักอก แน่นง่ามขา น้ำเหนือไม่ได้มากมายเหมือนคราวก่อน
เพียงแต่จะบริหารจัดการน้ำฝน พายุฝนอย่างไร หากทำไม่ได้ก็จบเห่ ต้องไปประเมินตนเองว่าที่ผ่านมาเหมือนไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย ชาวบ้านจะด่าคราวนี้ก็ต้องรับไปเต็มๆ หมดสิทธิ์แถแหลหลบเลี่ยง
ปัญหาน้ำท่วมน้ำขัง เจิ่งนอง หลังจากฝนตกไม่ทันไร ยิ่งตกหนักยิ่งผวา สาเหตุหลักๆไม่ใช่อะไรเลย มันสืบเนื่องมาจากการวางผังเมืองที่ผิดพลาด สร้างบ้านสร้างเรือนโดยไม่ดูทำเลที่ตั้งว่ามันเป็นที่ลุ่มที่ดอน เป็นทางน้ำไหลผ่านหรือไม่ แค่เห็นรกร้างว่างเปล่าทำเลดี เหมาะแก่การสร้างบ้าน สร้างโรงงาน สร้างนิคมอุตสาหกรรม ก็ลุยแหลกลาญสร้างผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
ไม่ได้มีการประเมินทางภูมิศาสตร์ว่าไปแย่งพื้นที่น้ำ แย่งทางน้ำผ่าน ไปขวางทางน้ำลงคลอง ลงแม่น้ำหรือไม่ พอน้ำท่วมน้ำขังมาที ก็พินาศย่อยยับ แล้วก็ไปร้องแรกแหกกระเชอขอชดเชยความเสียหาย ตอนสร้างไม่คิด พอฉิบหาย แล้วก็มาโอดครวญ...มันทุเรศมั้ย
** ความจริงการแก้ปัญหาไม่ต้องใช้อะไรมาก แก้ง่ายๆ ใช้ความคิดนิดเดียว ปรับแผนวางผังเมือง สำรวจทิศทางน้ำไหลผ่าน แล้วก็ปล่อยให้มันเดินทางไปตามธรรมชาติ ปลดล็อกสิ่งกีดขวาง ที่มันท่วมเพราะไปอุดไปตัน ไปขวางมัน หลักๆ มันก็เท่านี้ แต่ไม่คิดกันง่ายๆ เอาความคิดไปจมปลักวนเวียนแค่การสร้างเขื่อน ทำเหมือนอวดรู้สู่ฉลาด แต่ความจริงโง่งมงาย !!
วันนี้ “เขื่อนแม่วงก์”ถูกปลุกกระแสขึ้นมา รัฐบาลจะสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เข้าอีหรอบเดิม น้ำท่วมทีก็ “ปลุกผี”สร้างเขื่อนกันที เพื่อให้ดูว่ารัฐบาลมีความจริงจัง จริงใจ เอาใจใส่แก้ไขปัญหา แต่คนข้องใจว่าเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่ถูกต้องหรือไม่ ก่อนหน้านี้ 20 กว่าปีก่อน ปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ วันนี้ เคยปฏิเสธการสร้างเขื่อนแม่วงก์ อ้างว่าต้องการรักษาผืนป่าไว้ มาวันนี้พลิกลิ้น บอกควรสร้าง
เวลานั้นคงพูดเพื่อสร้างภาพ ตอนนี้มีอำนาจใหญ่คับประเทศ ความคิดและตัวตนที่แท้จริงเลยโผล่ออกมา
“เขื่อนแม่วงก์”ไม่ผ่านการศึกษาผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ก็ยังดันทุรังฝืนจะสร้างกันให้ได้ ผลวิเคราะห์วิจัยล้วนฟันธงว่าสร้างแล้วแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไม่ได้ แก้ได้อย่างมากแค่ 1 เปอร์เซ็นต์ แล้วจะสร้างไปทำไม ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องสูญเสียไป และน่าจะมีแนวทางอื่นที่แก้ปัญหาได้ดีกว่าหรือไม่
2 ปีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เหมือนนั่งทำงานกันในห้องแอร์ ลงไปในพื้นที่เป็นครั้งคราวพอเป็นพิธีแล้วก็เงียบฉี่ไป ศึกษากันไปกันมา แล้วก็ขัดแย้งวงแตกกันเองอีก ที่บอกว่าบูรณาการ แต่ภาพที่ออกมาดูสะเปะสะปะ ไม่มีแบบแผนแจ่มชัด คิดกันยาวนานเป็นปีๆ เหมือนจะรอให้โดนอีกทีก่อนเพื่อหาเหตุสร้างเขื่อนหาเงินเข้ากระเป๋า
สุดท้ายก็ร่างแผนงานออกมา ประมูลกันเป็นโมดูลๆ จะสร้างกันอย่างนั้น อย่างนี้ ทำไมช่างช้าเหลือเกิน คนนินทาหมาดูถูกว่าการประมูลต่างๆ เหมือนรอพรรคพวก คนกันเองเข้ามาเทกโอเวอร์ ทำงานไปสวาปามไป เชื่องช้าเหมือนเต่าป่วย งบประมาณไม่มีงานไม่เดินหน้า
ตอนนี้ไม่ทำอะไรกันแล้ว รอแต่งบก้อนโต 3.5 แสนล้านบาท พอใครขัดใครขวาง ใครตำหนิ ก็กล่าวหาว่าร้ายเขาเป็นพวกขวางโลก ขวางชาติถ่วงการพัฒนา เอ็นจีโอออกมาคัดค้าน ก็ด่ากราดแบบไม่ไว้เชิงอำมาตย์
ไม่รู้ว่าเพราะเห็นแก่ชาติ หรือเห็นแก่งบประมาณที่จะฟาดหัวคิวแบ่งกันฉัน ปันกันแดกกันแน่ !!
**ปัญหาเรื่องน้ำๆ ยังเป็นปัญหาแน่นอกของรัฐบาล วันนี้ฝนตกน้ำท่วมไม่เท่าไหร่ ก็ต้องรีบกุลีกุจอไปดูประตูน้ำ ดูเขื่อนกันจ้าละหวั่น เหมือนเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากลัวน้ำจนหางตั้ง เพราะถ้าเกิดน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งรับประกันซ่อมฟรีรัฐบาลอยู่ไม่ไหวแน่ เรื่องนี้ไม่ต้องไปโทษใคร ต้องโทษตัวเอง มีเวลาแก้ไขแล้วไม่ทำ