เมื่อวานนี้ (25ก.ย.) นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ รมช.มหาดไทย (มท.3) เป็นประธานการประชุมกระทรวงมหาดไทย โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง และมีการถ่ายทอดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อสั่งการให้ทำการประชาสัมพันธ์โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้าน ในลักษณะการจัดนิทรรศการและ เสวนา ภายใต้ชื่อ สร้างอนาคตประเทศไทย 2020 โดยจะจัดแบบสัญจรไปยัง 12 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ หนองคาย นครราชสีมา ชลบุรี อุบลราชธานี ขอนแก่น นครสวรรค์ ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช และสงขลา ในระหว่าง 4 ต.ค.-1 ธ.ค. 56 กำหนดจัดงานจังหวัดละ 3 วัน กลุ่มเป้าหมายได้แก่ ภาครัฐ ภาคเอกชน นักธุรกิจ นักลงทุน สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ ขอให้จังหวัดดังกล่าว อำนวยความสะดวกในการจัดงานต่างๆ เช่น สถานที่จัดงาน ผู้ที่มาเข้าร่วมงาน ดูแลด้านสาธารณูปโภค และความปลอดภัย เป็นต้น
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการทำโรดโชว์ แผนงานสร้างอนาคตประเทศไทย 2020 ว่า มอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากมีการชำนาญ โดยจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งเป็นนักปกครอง เป็นหลักในการดูแลตรง
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ด้วยการเสนอ ร่าง พ.ร.บ. เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ของประเทศนั้น ทำให้ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม เตรียมการที่จะจัดการเสวนาและนิทรรศการ รวมถึงเปิดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมใน 12 จังหวัด ทั่วประเทศ โดยงานดังกล่าวจะใช้ชื่อว่า "สร้างอนาคตไทย 2020" โดยมุ่งหวังที่จะชี้แจงทำความเข้าใจถึงรายละเอียดของโครงการ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึง โดยสถานที่จัดงาน คาดว่าประกอบไปด้วย จ.หนองคาย วันที่ 4-6 ต.ค. จ.นครราชสีมา 11-13 ต.ค. ชลบุรี 15-17 ต.ต. อุบลราชธานี 18-20 ต.ต. ขอนแก่น 25-27 ต.ค. นครสวรรค์ 1-3 พ.ย. ฉะเชิงเทรา 1-3 พ.ย. เพชรบุรี 8-10 พ.ย. พระนครศรีอยุธยา 8-11 พ.ย. เชียงใหม่ 15-17 พ.ย. นครศรีธรรมราช 22-24 พ.ย. และจ.สงขลา 29 พ.ย.-1 ธ.ค.
ส่วนเนื้อหาของนิทรรศการและการเสวนา นอกเหนือจากการเน้นการทำความเข้าใจและรายละเอียดของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมแล้ว ยังให้ความสำคัญกับผลต่อเนื่องที่จะตามมา เช่น ประโยชน์จากมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศและการเชื่อมโยงกับประเทศ เพื่อนบ้าน ทั้งการเดินทาง การขนส่ง การพัฒนาสินค้าและบริการ การพัฒนาเมืองในรูปแบบใหม่ นอกจากนี้ จะชี้แจงและเปิดรับฟังผลกระทบทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในแต่ละกลุ่มจังหวัด ที่จะร่วมพัฒนาต่อเนื่องกันไปจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
** "โต้ง"ชี้งบลงทุนปี 57 อาจล่าช้าบ้าง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง วินิจฉัย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 57 จะกระทบกับการใช้งบประมาณของรัฐบาลหรือไม่ว่า งบประมาณในส่วนของการบริหารปกติ เช่น เงินเดือน ค่าเช่าอาคาร ก็จะดำเนินต่อไป แต่ในส่วนของงบลงทุน ที่เป็นโครงการใหม่ ก็ต้องรอให้กฎหมายผ่าน ถึงจะดำเนินการได้ ซึ่งได้กำชับส่วนราชการต่างๆให้จัดเตรียมการทำ ทีโออาร์ หรือ ขั้นตอนการออกแบบให้ลงรายระเอียด ให้พร้อม สำหรับการเปิดประมูลจัดซื้อจัดจ้าง สำหรับบางโครงการที่พร้อมเปิดประมูลแล้ว ก็ยังสามารถดำเนินการได้ แต่ขอให้ใส่ในเงื่อนไขให้ชัดเจนว่า การประมูลนั้นจะมีผลเมื่อกฎหมาย มีการพิจารณาผ่าน เป็นกฎหมายเสียก่อน
“โครงการต่างๆ อาจจะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ในมุมมองการบริหารเศรษฐกิจ ก็เสียดาย ที่มีขั้นตอนมาเพิ่มเติม ทั้งๆ เราเตรียมความพร้อม ในการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ซึ่งก็คงต้องล่าช้าแน่นอน”รองนายกฯ กล่าว
**“พงศ์เทพ-วราเทพ”พบ”เติ้ง”หลังเดินสาย
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันที่ 26 ก.ย. เวลา 14.00 น. ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา ตนพร้อมด้วย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าพบ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะผู้ประสานงานสภาปฏิรูปประเทศ เพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินการของคณะทำงาน 3 ฝ่าย การเมือง สังคม และเศรษฐกิจ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นนายบรรหาร หลังจากเดินสายเทียบเชิญฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปประเทศ พร้อมนำเสนอข้อสรุปเบื้องต้น จากคณะกรรมชุดต่างๆ ในอดีตเสนอนายบรรหาร ก่อนที่จะนำแนวทางทั้งหมดเข้าหารือในคณะทำงานทั้ง 3 ฝ่าย ในช่วงต้นเดือนต.ค. จากนั้นเมื่อได้ข้อสรุปจากคณะทำงาน 3 ฝ่าย จะนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2 ในเดือนเดียวกัน
**สปน.แจกจ่ายทางออกประเทศ 108 เวที
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้นำเอกสารสรุปรายงานผลการดำเนินงาน พูดจาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ที่มีความหนา 16 หน้า จำนวน 200 เล่ม ที่จัดทำโดยคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) มาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล หลังจัดกิจกรรมเปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนทั้งประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ที่เห็นว่าเกิดมาจากการทุจริตคอร์รัปชัน การกระจายอำนาจของรัฐไม่มีประสิทธิภาพ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การมีระบบอุปถัมภ์ และความไม่เท่าเทียมกันทางการศึกษา
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้มีการจัดพิมพ์ทั้งหมด 5 หมื่นเล่ม โดยจะมีการแจกจ่ายให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนประชาชนที่สนใจก็สามารถเข้ารับหนังสือดังกล่าวได้ที่ สปน.
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการทำโรดโชว์ แผนงานสร้างอนาคตประเทศไทย 2020 ว่า มอบหมายให้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากมีการชำนาญ โดยจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอ ซึ่งเป็นนักปกครอง เป็นหลักในการดูแลตรง
นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ด้วยการเสนอ ร่าง พ.ร.บ. เพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ของประเทศนั้น ทำให้ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม เตรียมการที่จะจัดการเสวนาและนิทรรศการ รวมถึงเปิดการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมใน 12 จังหวัด ทั่วประเทศ โดยงานดังกล่าวจะใช้ชื่อว่า "สร้างอนาคตไทย 2020" โดยมุ่งหวังที่จะชี้แจงทำความเข้าใจถึงรายละเอียดของโครงการ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอย่างทั่วถึง โดยสถานที่จัดงาน คาดว่าประกอบไปด้วย จ.หนองคาย วันที่ 4-6 ต.ค. จ.นครราชสีมา 11-13 ต.ค. ชลบุรี 15-17 ต.ต. อุบลราชธานี 18-20 ต.ต. ขอนแก่น 25-27 ต.ค. นครสวรรค์ 1-3 พ.ย. ฉะเชิงเทรา 1-3 พ.ย. เพชรบุรี 8-10 พ.ย. พระนครศรีอยุธยา 8-11 พ.ย. เชียงใหม่ 15-17 พ.ย. นครศรีธรรมราช 22-24 พ.ย. และจ.สงขลา 29 พ.ย.-1 ธ.ค.
ส่วนเนื้อหาของนิทรรศการและการเสวนา นอกเหนือจากการเน้นการทำความเข้าใจและรายละเอียดของโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมแล้ว ยังให้ความสำคัญกับผลต่อเนื่องที่จะตามมา เช่น ประโยชน์จากมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ทั้งในประเทศและการเชื่อมโยงกับประเทศ เพื่อนบ้าน ทั้งการเดินทาง การขนส่ง การพัฒนาสินค้าและบริการ การพัฒนาเมืองในรูปแบบใหม่ นอกจากนี้ จะชี้แจงและเปิดรับฟังผลกระทบทางสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในแต่ละกลุ่มจังหวัด ที่จะร่วมพัฒนาต่อเนื่องกันไปจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
** "โต้ง"ชี้งบลงทุนปี 57 อาจล่าช้าบ้าง
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง วินิจฉัย ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 57 จะกระทบกับการใช้งบประมาณของรัฐบาลหรือไม่ว่า งบประมาณในส่วนของการบริหารปกติ เช่น เงินเดือน ค่าเช่าอาคาร ก็จะดำเนินต่อไป แต่ในส่วนของงบลงทุน ที่เป็นโครงการใหม่ ก็ต้องรอให้กฎหมายผ่าน ถึงจะดำเนินการได้ ซึ่งได้กำชับส่วนราชการต่างๆให้จัดเตรียมการทำ ทีโออาร์ หรือ ขั้นตอนการออกแบบให้ลงรายระเอียด ให้พร้อม สำหรับการเปิดประมูลจัดซื้อจัดจ้าง สำหรับบางโครงการที่พร้อมเปิดประมูลแล้ว ก็ยังสามารถดำเนินการได้ แต่ขอให้ใส่ในเงื่อนไขให้ชัดเจนว่า การประมูลนั้นจะมีผลเมื่อกฎหมาย มีการพิจารณาผ่าน เป็นกฎหมายเสียก่อน
“โครงการต่างๆ อาจจะมีความล่าช้าไปบ้าง แต่ก็ต้องให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ในมุมมองการบริหารเศรษฐกิจ ก็เสียดาย ที่มีขั้นตอนมาเพิ่มเติม ทั้งๆ เราเตรียมความพร้อม ในการใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ซึ่งก็คงต้องล่าช้าแน่นอน”รองนายกฯ กล่าว
**“พงศ์เทพ-วราเทพ”พบ”เติ้ง”หลังเดินสาย
นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า วันที่ 26 ก.ย. เวลา 14.00 น. ที่ทำการพรรคชาติไทยพัฒนา ตนพร้อมด้วย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าพบ นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะผู้ประสานงานสภาปฏิรูปประเทศ เพื่อขอคำแนะนำในการดำเนินการของคณะทำงาน 3 ฝ่าย การเมือง สังคม และเศรษฐกิจ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นนายบรรหาร หลังจากเดินสายเทียบเชิญฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมเวทีสภาปฏิรูปประเทศ พร้อมนำเสนอข้อสรุปเบื้องต้น จากคณะกรรมชุดต่างๆ ในอดีตเสนอนายบรรหาร ก่อนที่จะนำแนวทางทั้งหมดเข้าหารือในคณะทำงานทั้ง 3 ฝ่าย ในช่วงต้นเดือนต.ค. จากนั้นเมื่อได้ข้อสรุปจากคณะทำงาน 3 ฝ่าย จะนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 2 ในเดือนเดียวกัน
**สปน.แจกจ่ายทางออกประเทศ 108 เวที
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ได้นำเอกสารสรุปรายงานผลการดำเนินงาน พูดจาหาทางออกประเทศไทย 108 เวที ที่มีความหนา 16 หน้า จำนวน 200 เล่ม ที่จัดทำโดยคณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) มาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล หลังจัดกิจกรรมเปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นประชาชนทั้งประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ที่เห็นว่าเกิดมาจากการทุจริตคอร์รัปชัน การกระจายอำนาจของรัฐไม่มีประสิทธิภาพ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม การมีระบบอุปถัมภ์ และความไม่เท่าเทียมกันทางการศึกษา
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวได้มีการจัดพิมพ์ทั้งหมด 5 หมื่นเล่ม โดยจะมีการแจกจ่ายให้กับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนประชาชนที่สนใจก็สามารถเข้ารับหนังสือดังกล่าวได้ที่ สปน.
