ASTVผู้จัดการรายวัน - แก๊งทวงหนี้โหดระบาดหนัก กองปราบรวบแก๊งเงินกู้โหด ยืมเงิน 6 แสนไปปล่อยกู้ นัดเคลียร์ไม่ให้จ่อยิงเจ้าหนี้ดับ อีกราย “เจ้าแม่หวยใต้ดินย่านคลองหลวง” สุดเหี้ยม ส่งลูกชายพร้อมพวกขับกระบะพุ่งชนสาวใหญ่เบี้ยวจ่ายดอกเบี้ย หลังกู้เงินมาแค่สองหมื่นห้าดับอนาถ
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (19 ก.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผกก.3 บก.ป.แถลงจับกุมนายศักดิ์ดา หรือตี๋ สวนสกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/3 หมู่ 7 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุมได้ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2553 ผู้ต้องหาร่วมกับ นายวิโรจน์ หรือเปีย ขำหนองเต่า อายุ 41 ปี ซึ่งมีอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ย่านหนองแขม กทม.ได้ยืมเงินจากนายชลชัย ดิถีเพ็ง อายุ 39 ปี ซึ่งประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว 600,000 บาท เพื่อนำเงินใช้เป็นทุนในการปล่อยเงินกู้อีกทอดหนึ่ง โดยจะคิดดอกเบี้ยจากลูกหนี้เงินกู้ ร้อยละ 20 บาทต่อวัน แต่หลังจากปล่อยเงินกู้ไปแล้ว ทางผู้ต้องหากับนายวิโรจน์ กลับไม่ยอมคืนเงินที่ยืมมาคืนให้นายชลชัย
ต่อมาทางนายเอกรัฐ ขำหนองเต่า อาของนายวิโรจน์ เป็นคนกลางนัดหมายทั้งสองฝ่ายเพื่อมาเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สินต่อกัน แต่การเจรจาไม่เป็นผล ซึ่งผู้ต้องหาได้ก่อเหตุใช้ปืนลูกซองสั้นยิงนายชลชัย จนเสียชีวิต ก่อนจะพากันหลบหนี กระทั่งทางตำรวจ สน.หนองแขม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเอาไว้ โดยที่ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปทำงานรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ก่อนจะถูกชุดสืบสวน กก.3 บก.ป.ติดตามจับกุมตัวไว้ได้ ขณะที่ นายวิโรจน์ ยังอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมอยู่
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนยอมรับว่าเป็นหนี้ผู้เสียชีวิตอยู่ 600,000 บาท ซึ่งได้นัดเจรจาเพื่อขอทยอยผ่อนชำระคืนให้ แต่ผู้เสียชีวิตไม่ยินยอมและยังได้ด่าทอต่อว่าอย่างรุนแรงถึงบุพการี ทำให้ตนเกิดบันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาด้วยยิงผู้เสียชีวิต แล้วได้หลบหนีไป กระทั่งมาถูกตำรวจติดตามจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ พบว่าเคยถูกศาลตัดสินจำคุกเมื่อปี 2544 ในคดีฆ่าผู้อื่น หลังจากก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงคู่อริจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ จ.นครสวรรค์ โดยพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2549 จากนั้นจึงมาก่อเหตุยิงนายชลชัย
โดยนายวิโรจน์ นั้น พบประวัติเคยก่อคดีฆ่าผู้อื่นเช่นเดียวกัน โดยก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2552 และคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล ก่อนจะมาร่วมกับผู้ต้องหาปล่อยเงินกู้นอกระบบ และก่อคดีอีกครั้ง ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองแขม รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
วันเดียวกัน ร.ต.ท.เจษฏา พัวบัณฑิตกุล ร้อยเวรสภ.คลองหลวง จ. ปทุมธานี รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะชนรถจักรยานยนต์ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนพหลโยธินขาออก ช่องทางคู่ขนานหลักกม.ที่ 43+200 ต.คลองหนึ่ง ก่อนถึงจุดกลับรถมิตซูบิชิเล็กน้อย ที่เกิดเหตุพบรถกระบะมาสด้าสีดำ เลขทะเบียน ณอ 8182 กรุงเทพมหานคร เสียหลักตกคูน้ำริมทางด้านหน้ารถพังยับเยิน ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดง-ดำ เลขทะเบียน ขรฉ 502 สุพรรณบุรี ล้มอยู่ด้านหน้ารถพัง ใต้ท้องรถกระบะพบศพน.ส.น้ำเพชร กันยา อายุ 38 ปี ผู้ขับขี่ ส่วนอีก1รายเป็นคนซ้อนท้ายบาดเจ็บสาหัสขาหักและแผลถลอกตามร่างกาย ทราบชื่อน.ส.วัลลี ริดพิรัติ อายุ 27ปี ส่วนคนขับรถกระบะมาสด้า หลบหนีไป
ต่อมานายขวัญ กันยา อายุ31ปี น้องชายผู้เสียชีวิต ระบุว่า พี่สาวเคยยืมเงินเพื่อนร่วมงานชื่อนางสมพร ไม่ทราบนามสกุลมา 25,000 บาท เมื่อวันที่ 16 ก.ย. พี่สาวถูกหวยใต้ดิน 25,000 บาท จากนางสมพรเจ้ามือและเจ้าหนี้ พี่สาวจึงยกเงินที่ถูกหวยใช้หนี้ให้ และที่ไม่จ่ายดอกเพราะเห็นว่าเพิ่งยืมมาไม่นาน แต่นางสมพร ไม่ยอมเพราะไม่ได้ดอกเบี้ยตามที่ตกลงคือร้อยละ 20 จึงเกิดปากเสียงกันขึ้นถึงขั้นลงไม้ลงมือก่อนที่จะเรียกตำรวจสภ.คลองหลวงมาเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วเลิกรากันไป
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายคู่กรณีข่มขู่จะทำร้าย จนช่วงเช้าที่ผ่านมา พี่สาวกำลังจะเดินทางไปทำงานกับญาติที่ได้รับบาดเจ็บ มาประสบอุบัติเหตุขณะขี่ย้อนศร ซึ่งญาติยืนยันกับตนว่าผู้ขับรถกระบะคือบุตรชายของเจ้าหนี้
ด้านนางจันทนา กันยา อายุ 35 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต ร่ำไห้โฮ บอกว่า จากการสอบถามน.ส.วัลลี ซึ่งเป็นน้องสะใภ้ ที่พอให้การได้เปิดเผยว่า ขณะกำลังขี่ย้อนศรเพื่อเข้าบริษัทเห็นรถคู่กรณีจอดรถอยู่ริมทาง ก่อนที่จะออกตัวอย่างแรงแล้วพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ทั้งคู่ขับขี่มา อีกทั้งหลังเกิดเหตุ น้องสะใภ้ยังพบชายฉกรรจ์ 3 คน เดินลงมาจากรถก่อนที่จะขึ้นรถกระบะอีกคันจำสีและหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ที่มาจอดเทียบข้างก่อนขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยทั้งหมดสวมชุดยูนิฟอร์มของบริษัทแห่งหนึ่งที่น้องสะใภ้ทำงานอยู่และจดจำใบหน้าได้หมดทุกคน
ส่วนพ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ร.ต.ท.เจษฏา เรียกผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีทางกฎหมาย พร้อมทั้งได้ให้เช็กชื่อผู้ครอบครองรถยนต์คู่กรณี.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ที่จ.บุรีรัมย์ แก๊งทวงหนี้โหด ก็ออกอาละวาดถึงขั้นเปิดหน้าต่างบ้านยิงผู้หญิง 3 นัดซ้อนอาการสาหัส ต่อหน้าลูกสาววัย 5 ขวบ
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (19 ก.ย.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณะเกษม ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผกก.3 บก.ป.แถลงจับกุมนายศักดิ์ดา หรือตี๋ สวนสกุล อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/3 หมู่ 7 ต.ย่านมัทรี อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จับกุมได้ในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
พ.ต.อ.ประสพโชค กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อปี 2553 ผู้ต้องหาร่วมกับ นายวิโรจน์ หรือเปีย ขำหนองเต่า อายุ 41 ปี ซึ่งมีอาชีพปล่อยเงินกู้นอกระบบในพื้นที่ย่านหนองแขม กทม.ได้ยืมเงินจากนายชลชัย ดิถีเพ็ง อายุ 39 ปี ซึ่งประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว 600,000 บาท เพื่อนำเงินใช้เป็นทุนในการปล่อยเงินกู้อีกทอดหนึ่ง โดยจะคิดดอกเบี้ยจากลูกหนี้เงินกู้ ร้อยละ 20 บาทต่อวัน แต่หลังจากปล่อยเงินกู้ไปแล้ว ทางผู้ต้องหากับนายวิโรจน์ กลับไม่ยอมคืนเงินที่ยืมมาคืนให้นายชลชัย
ต่อมาทางนายเอกรัฐ ขำหนองเต่า อาของนายวิโรจน์ เป็นคนกลางนัดหมายทั้งสองฝ่ายเพื่อมาเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สินต่อกัน แต่การเจรจาไม่เป็นผล ซึ่งผู้ต้องหาได้ก่อเหตุใช้ปืนลูกซองสั้นยิงนายชลชัย จนเสียชีวิต ก่อนจะพากันหลบหนี กระทั่งทางตำรวจ สน.หนองแขม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาเอาไว้ โดยที่ผู้ต้องหาได้หลบหนีไปทำงานรับเหมาก่อสร้างในพื้นที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ก่อนจะถูกชุดสืบสวน กก.3 บก.ป.ติดตามจับกุมตัวไว้ได้ ขณะที่ นายวิโรจน์ ยังอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมอยู่
สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนยอมรับว่าเป็นหนี้ผู้เสียชีวิตอยู่ 600,000 บาท ซึ่งได้นัดเจรจาเพื่อขอทยอยผ่อนชำระคืนให้ แต่ผู้เสียชีวิตไม่ยินยอมและยังได้ด่าทอต่อว่าอย่างรุนแรงถึงบุพการี ทำให้ตนเกิดบันดาลโทสะ ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวมาด้วยยิงผู้เสียชีวิต แล้วได้หลบหนีไป กระทั่งมาถูกตำรวจติดตามจับกุมดังกล่าว อย่างไรก็ดี จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหารายนี้ พบว่าเคยถูกศาลตัดสินจำคุกเมื่อปี 2544 ในคดีฆ่าผู้อื่น หลังจากก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงคู่อริจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ จ.นครสวรรค์ โดยพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2549 จากนั้นจึงมาก่อเหตุยิงนายชลชัย
โดยนายวิโรจน์ นั้น พบประวัติเคยก่อคดีฆ่าผู้อื่นเช่นเดียวกัน โดยก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงวัยรุ่นที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันจนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2552 และคดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล ก่อนจะมาร่วมกับผู้ต้องหาปล่อยเงินกู้นอกระบบ และก่อคดีอีกครั้ง ทั้งนี้ ชุดจับกุมได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.หนองแขม รับไว้ดำเนินคดีต่อไป
วันเดียวกัน ร.ต.ท.เจษฏา พัวบัณฑิตกุล ร้อยเวรสภ.คลองหลวง จ. ปทุมธานี รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะชนรถจักรยานยนต์ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนถนนพหลโยธินขาออก ช่องทางคู่ขนานหลักกม.ที่ 43+200 ต.คลองหนึ่ง ก่อนถึงจุดกลับรถมิตซูบิชิเล็กน้อย ที่เกิดเหตุพบรถกระบะมาสด้าสีดำ เลขทะเบียน ณอ 8182 กรุงเทพมหานคร เสียหลักตกคูน้ำริมทางด้านหน้ารถพังยับเยิน ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีแดง-ดำ เลขทะเบียน ขรฉ 502 สุพรรณบุรี ล้มอยู่ด้านหน้ารถพัง ใต้ท้องรถกระบะพบศพน.ส.น้ำเพชร กันยา อายุ 38 ปี ผู้ขับขี่ ส่วนอีก1รายเป็นคนซ้อนท้ายบาดเจ็บสาหัสขาหักและแผลถลอกตามร่างกาย ทราบชื่อน.ส.วัลลี ริดพิรัติ อายุ 27ปี ส่วนคนขับรถกระบะมาสด้า หลบหนีไป
ต่อมานายขวัญ กันยา อายุ31ปี น้องชายผู้เสียชีวิต ระบุว่า พี่สาวเคยยืมเงินเพื่อนร่วมงานชื่อนางสมพร ไม่ทราบนามสกุลมา 25,000 บาท เมื่อวันที่ 16 ก.ย. พี่สาวถูกหวยใต้ดิน 25,000 บาท จากนางสมพรเจ้ามือและเจ้าหนี้ พี่สาวจึงยกเงินที่ถูกหวยใช้หนี้ให้ และที่ไม่จ่ายดอกเพราะเห็นว่าเพิ่งยืมมาไม่นาน แต่นางสมพร ไม่ยอมเพราะไม่ได้ดอกเบี้ยตามที่ตกลงคือร้อยละ 20 จึงเกิดปากเสียงกันขึ้นถึงขั้นลงไม้ลงมือก่อนที่จะเรียกตำรวจสภ.คลองหลวงมาเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วเลิกรากันไป
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายคู่กรณีข่มขู่จะทำร้าย จนช่วงเช้าที่ผ่านมา พี่สาวกำลังจะเดินทางไปทำงานกับญาติที่ได้รับบาดเจ็บ มาประสบอุบัติเหตุขณะขี่ย้อนศร ซึ่งญาติยืนยันกับตนว่าผู้ขับรถกระบะคือบุตรชายของเจ้าหนี้
ด้านนางจันทนา กันยา อายุ 35 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต ร่ำไห้โฮ บอกว่า จากการสอบถามน.ส.วัลลี ซึ่งเป็นน้องสะใภ้ ที่พอให้การได้เปิดเผยว่า ขณะกำลังขี่ย้อนศรเพื่อเข้าบริษัทเห็นรถคู่กรณีจอดรถอยู่ริมทาง ก่อนที่จะออกตัวอย่างแรงแล้วพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ทั้งคู่ขับขี่มา อีกทั้งหลังเกิดเหตุ น้องสะใภ้ยังพบชายฉกรรจ์ 3 คน เดินลงมาจากรถก่อนที่จะขึ้นรถกระบะอีกคันจำสีและหมายเลขทะเบียนไม่ได้ ที่มาจอดเทียบข้างก่อนขับรถหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว โดยทั้งหมดสวมชุดยูนิฟอร์มของบริษัทแห่งหนึ่งที่น้องสะใภ้ทำงานอยู่และจดจำใบหน้าได้หมดทุกคน
ส่วนพ.ต.อ.เพิ่มเกียรติ สุริยวงศ์ ผกก.สภ.คลองหลวง กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้ร.ต.ท.เจษฏา เรียกผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีทางกฎหมาย พร้อมทั้งได้ให้เช็กชื่อผู้ครอบครองรถยนต์คู่กรณี.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ที่จ.บุรีรัมย์ แก๊งทวงหนี้โหด ก็ออกอาละวาดถึงขั้นเปิดหน้าต่างบ้านยิงผู้หญิง 3 นัดซ้อนอาการสาหัส ต่อหน้าลูกสาววัย 5 ขวบ