ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ว่าการธปท.เผยหลังเฟดคงมาตรการคิวอี3 เงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ดันเงินบาทแข็งค่า ชี้เป็นการปรับตัวสกุลเงินทั้งภูมิภาคและเป็นแค่ระยะสั้น ระบุถึงจุดหนึ่งบาทจะกลับมามีเสถียรภาพ พร้อมเข้าดูแลหากผันผวนหนักจนกระทบเศรษฐกิจ แนะเศรษฐกิจไทยควรเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างเร่งด่วน
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงเช้าวานนี้(19 ก.ย.)แตะระดับ 31 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)คงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(คิวอี3)ไว้ระดับเดิม มองว่าเป็นการปรับตัวของตลาดในช่วงสั้นๆ ซึ่งเกิดขึ้นกับสกุลเงินทั้งภูมิภาค ทำให้ขณะนี้ประเทศเกิดใหม่เกิดภาวะนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง(risk on) เทียบช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสกุลเงินและสินทรัพย์เสี่ยงประเทศเหล่านี้ค่อนข้างมาก
"เราไม่ได้ตระหนกอะไร พวกนี้เป็นการปรับตัวของตลาดในช่วงระยะสั้นมากหน่อย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเงินบาทจะกลับมามีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม ธปท.จะติดตามภาวะตลาด หากเข้าสู่จุดผันผวนมากเกินไปจนกระทบเศรษฐกิจไทย เราพร้อมเข้าไปดูแล แต่ถ้าเป็นการปรับตัวตลาดเท่านั้นก็จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดทำงาน"
ทั้งนี้ มองว่าเฟดคงมาตรการไว้ เพราะแม้เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐยังไปในทิศทางฟื้นตัวขึ้น แต่ไม่มั่นใจว่าจะเข้มแข็งได้ต่อเนื่อง จึงได้ประคับประคองไปก่อน ส่วนการค้าขายโลกในช่วงสั้นเห็นว่ายังไม่คึกคักในทันที อีกทั้งมาตรการคิวอี 3 ต่างกับมาตรการคิวอี1-2 ที่มีตารางเวลาปฎิทินชัดเจน ขณะที่มาตราการคิวอี3 มีข้อจำกัดเงื่อนไขว่าถ้าเกิดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเข้มแข็งเมื่อไรถึงจะทยอยลดมาตรการ ทำให้ตลาดการเงินในตอนนี้มองข้ามไปดูการประชุมครั้งหน้าเดือนธ.ค.ต่อไป
โดยในช่วงระยะหลัง ในเวทีต่างๆ สหรัฐแสดงทีท่ารับฟังผลกระทบจากการดำเนินมาตรการคิวอีต่อประเทศอื่นๆมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ ซึ่งก็มีการติดตามและวัดผลกระทบต่างๆ เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไทยยังวางใจไม่ได้ เพราะสหรัฐยังคงให้ความสำคัญภายในประเทศเขาอยู่ ฉะนั้น ไทยก็ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อดูแลเสถียรภาพตัวเองด้วย
ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ในแง่เศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังมองว่าอัตราการเติบโตในช่วงไตรมาส 4 ขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสผ่านมาของปีนี้ เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล ประกอบกับช่วงไตรมาส 4 ของปีก่อนเป็นช่วงการฟื้นตัวของปัญหาน้ำท่วมและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ทำให้ฐานสูง อย่างไรก็ตาม ธปท.กำลังประเมินข้อมูลเศรษฐกิจภายในอยู่ และจะปรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้ต่ำกว่า 4.2%ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)วันที่ 16 ต.ค.นี้
สำหรับความเป็นห่วงว่าพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทจะกระทบสภาพคล่องในระบบนั้น นายประสาร กล่าวว่า สภาพคล่องในตลาดการเงินสามารถรองรับได้ไม่มีปัญหาและไม่แย่งสภาพคล่องเอกชน ขณะเดียวกันในระบบการเงินยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยุู่กับธปท.จำนวนหนึ่ง โดยหากพิจารณาตามแผนโครงการพบว่ามีการกระจายการลงทุน และช่วงปี 1-2 จะปริมาณเงินกู้ในตลาดไม่มาก อีกทั้งตลอดอายุโครงการ 7 ปี เฉลี่ยวงเงินใช้ประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงการขาดดุลงบประมาณในแต่ละปี จึงไม่น่าจะมีปัญหา
ส่วนตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศในปีนี้นั้น เชื่อว่า ยังน่าจะสมดุลหรืออาจจะขาดดุลไม่มาก และไม่ใช่ประเด็นที่จะกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ
**แนะยกเครื่องเศรษฐกิจไทย**
เมื่อวานนี้ ธปท.ได้จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี 56 ถือเป็นครั้งที่ 14 โดยผู้ว่าการธปท.กล่าวหัวข้อ "วางรากฐานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย"ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดการพัฒนายั่งยืน โดยให้ความสำคัญภาคการผลิตที่ครอบคลุมตลาดแรงงาน การศึกษา และการใช้เทคโนโลยีต่างๆพร้อมทั้งการใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพและอย่าสร้างอุปสรรคในเรื่องการแข่งขันหรือการอุ้มชูในการจัดสรรทรัพยากรไม่มีประสิทธิภาพ
"การดูแลเศรษฐกิจเปรียบเสมือนการขับเครื่องบินข้ามทวีป การทำนโยบายการเงิน การคลัง คือการพยุงเครื่องบินให้ผ่านสภาพอากาศที่แปรปรวนไปได้อย่างราบรื่น ให้ผู้โดยสารสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ สิ่งที่ต้องทำ คือ การ upgrade เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นบทบาทสำคัญ ฉะนั้น
การพัฒนาพื้นฐานเศรษฐกิจให้เข้มแข็งสามารถยกระดับศักยภาพการผลิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว พร้อมทั้งช่วยรองรับแรงกระแทกต่างๆที่รุมเร้าประเทศเป็นช่วงๆได้"
**บาทแข็งแตะ 30.93**
นักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้ปิดตลาดระดับ 30.96-30.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.19-31.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยระหว่างวันเงินบาทลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 30.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการคงมาตรการQEของเฟด
สำหรับวันนี้เงินบาทน่าจะมีทิศทางแข็งค่าต่อขึ้นอยู่กับยูโรว่าคืนนี้จะหลุด 1.36 ดอลลาร์ต่อยูโรหรือไม่ ถ้าหลุดอาจจะได้เห็นค่าเงินบาทแข็งค่าการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.80-31.10 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาด โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวค่อนข้างกว้าง
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงเช้าวานนี้(19 ก.ย.)แตะระดับ 31 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)คงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(คิวอี3)ไว้ระดับเดิม มองว่าเป็นการปรับตัวของตลาดในช่วงสั้นๆ ซึ่งเกิดขึ้นกับสกุลเงินทั้งภูมิภาค ทำให้ขณะนี้ประเทศเกิดใหม่เกิดภาวะนักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง(risk on) เทียบช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาสกุลเงินและสินทรัพย์เสี่ยงประเทศเหล่านี้ค่อนข้างมาก
"เราไม่ได้ตระหนกอะไร พวกนี้เป็นการปรับตัวของตลาดในช่วงระยะสั้นมากหน่อย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเงินบาทจะกลับมามีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม ธปท.จะติดตามภาวะตลาด หากเข้าสู่จุดผันผวนมากเกินไปจนกระทบเศรษฐกิจไทย เราพร้อมเข้าไปดูแล แต่ถ้าเป็นการปรับตัวตลาดเท่านั้นก็จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาดทำงาน"
ทั้งนี้ มองว่าเฟดคงมาตรการไว้ เพราะแม้เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐยังไปในทิศทางฟื้นตัวขึ้น แต่ไม่มั่นใจว่าจะเข้มแข็งได้ต่อเนื่อง จึงได้ประคับประคองไปก่อน ส่วนการค้าขายโลกในช่วงสั้นเห็นว่ายังไม่คึกคักในทันที อีกทั้งมาตรการคิวอี 3 ต่างกับมาตรการคิวอี1-2 ที่มีตารางเวลาปฎิทินชัดเจน ขณะที่มาตราการคิวอี3 มีข้อจำกัดเงื่อนไขว่าถ้าเกิดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเข้มแข็งเมื่อไรถึงจะทยอยลดมาตรการ ทำให้ตลาดการเงินในตอนนี้มองข้ามไปดูการประชุมครั้งหน้าเดือนธ.ค.ต่อไป
โดยในช่วงระยะหลัง ในเวทีต่างๆ สหรัฐแสดงทีท่ารับฟังผลกระทบจากการดำเนินมาตรการคิวอีต่อประเทศอื่นๆมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเกิดใหม่ ซึ่งก็มีการติดตามและวัดผลกระทบต่างๆ เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ไทยยังวางใจไม่ได้ เพราะสหรัฐยังคงให้ความสำคัญภายในประเทศเขาอยู่ ฉะนั้น ไทยก็ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อดูแลเสถียรภาพตัวเองด้วย
ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ในแง่เศรษฐกิจไทยปัจจุบันยังมองว่าอัตราการเติบโตในช่วงไตรมาส 4 ขยายตัวได้ดีกว่าไตรมาสผ่านมาของปีนี้ เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล ประกอบกับช่วงไตรมาส 4 ของปีก่อนเป็นช่วงการฟื้นตัวของปัญหาน้ำท่วมและมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ทำให้ฐานสูง อย่างไรก็ตาม ธปท.กำลังประเมินข้อมูลเศรษฐกิจภายในอยู่ และจะปรับตัวเลขเศรษฐกิจไทยปีนี้ต่ำกว่า 4.2%ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)วันที่ 16 ต.ค.นี้
สำหรับความเป็นห่วงว่าพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทจะกระทบสภาพคล่องในระบบนั้น นายประสาร กล่าวว่า สภาพคล่องในตลาดการเงินสามารถรองรับได้ไม่มีปัญหาและไม่แย่งสภาพคล่องเอกชน ขณะเดียวกันในระบบการเงินยังมีสภาพคล่องส่วนเกินอยุู่กับธปท.จำนวนหนึ่ง โดยหากพิจารณาตามแผนโครงการพบว่ามีการกระจายการลงทุน และช่วงปี 1-2 จะปริมาณเงินกู้ในตลาดไม่มาก อีกทั้งตลอดอายุโครงการ 7 ปี เฉลี่ยวงเงินใช้ประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงการขาดดุลงบประมาณในแต่ละปี จึงไม่น่าจะมีปัญหา
ส่วนตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศในปีนี้นั้น เชื่อว่า ยังน่าจะสมดุลหรืออาจจะขาดดุลไม่มาก และไม่ใช่ประเด็นที่จะกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจ
**แนะยกเครื่องเศรษฐกิจไทย**
เมื่อวานนี้ ธปท.ได้จัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี 56 ถือเป็นครั้งที่ 14 โดยผู้ว่าการธปท.กล่าวหัวข้อ "วางรากฐานสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย"ว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนาให้เกิดการพัฒนายั่งยืน โดยให้ความสำคัญภาคการผลิตที่ครอบคลุมตลาดแรงงาน การศึกษา และการใช้เทคโนโลยีต่างๆพร้อมทั้งการใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพและอย่าสร้างอุปสรรคในเรื่องการแข่งขันหรือการอุ้มชูในการจัดสรรทรัพยากรไม่มีประสิทธิภาพ
"การดูแลเศรษฐกิจเปรียบเสมือนการขับเครื่องบินข้ามทวีป การทำนโยบายการเงิน การคลัง คือการพยุงเครื่องบินให้ผ่านสภาพอากาศที่แปรปรวนไปได้อย่างราบรื่น ให้ผู้โดยสารสามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ สิ่งที่ต้องทำ คือ การ upgrade เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นบทบาทสำคัญ ฉะนั้น
การพัฒนาพื้นฐานเศรษฐกิจให้เข้มแข็งสามารถยกระดับศักยภาพการผลิตและความเป็นอยู่ของประชาชนในระยะยาว พร้อมทั้งช่วยรองรับแรงกระแทกต่างๆที่รุมเร้าประเทศเป็นช่วงๆได้"
**บาทแข็งแตะ 30.93**
นักบริหารเงินจากธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทวานนี้ปิดตลาดระดับ 30.96-30.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 31.19-31.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยระหว่างวันเงินบาทลงไปทดสอบระดับต่ำสุดที่ 30.93 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการคงมาตรการQEของเฟด
สำหรับวันนี้เงินบาทน่าจะมีทิศทางแข็งค่าต่อขึ้นอยู่กับยูโรว่าคืนนี้จะหลุด 1.36 ดอลลาร์ต่อยูโรหรือไม่ ถ้าหลุดอาจจะได้เห็นค่าเงินบาทแข็งค่าการเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 30.80-31.10 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเปิดตลาด โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวค่อนข้างกว้าง
