สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจลงกระบี่สัมมนาอนาคตไทยสู่การพัฒนายั่งยืน

กระบี่ - สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดสัมมนา “อนาคตประเทศไทย สู่การพัฒนายั่งยืนด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง”

วันนี้ (10 มี.ค.) ที่ห้องประชุมเหลืองกระบี่ โรงแรมมารีไทม์ ปาร์ค แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ นายโอภาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เป็นประธานเปิดสัมมนากลุ่มเจาะจง (Focus Group) เรื่องอนาคตประเทศไทย สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสะท้อนปัญหาด้านต่างๆ ตลอดจนเสนอแนะแนวทางในการกำหนดอนาคตประเทศไทย และแสวงหาแนวทางการพัฒนาประเทศไทยที่ยั่งยืน โดยมีนางภรณี ลีนุตพงษ์ รองประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายบุญยงค์ เวชมณีศรี สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเข้าร่วมจำนวนมาก

นายโอภาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางที่จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นแนวคิดที่เหมาะสมกับสังคมไทย เพื่อการตัดสินใจในการดำเนินชีวิตอย่างสมดุล เจริญ มั่นคง และมีความยั่งยืนในระยะยาว ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกผันผวนไปตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นหนึ่งกลไกในการขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้นำไปสู่การประยุกต์ใช้อย่างเป็นรูปธรรม และมีประสิทธิผล ในภาคส่วนขององค์กรเครือข่ายภาคประชาชน ภาครัฐ ภาคเอกชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการให้ความเห็นผ่านเวทีประชุมสัมมนา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติการจัดทำนโยบายสาธารณะภายใต้เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งหากแนวคิดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นฐานในการกำหนดนโยบายสาธารณะได้อย่างมั่นคงแล้ว ย่อมส่งผลดีต่อประเทศ ประชาชน และสังคม ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งความสุข ภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างแท้จริง และยั่งยืน ซึ่งมีประเด็นหลัก ประกอบด้วย 6 ด้าน คือ กลุ่มการเกษตรและสหกรณ์ กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มการค้าและการบริการ กลุ่มการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ กลุ่มสังคม ศาสนา และวัฒนธรรม และกลุ่มทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

โดยที่ผ่านมา ทางสภาที่ปรึกษาฯ ได้จัดสัมมนาเรื่องเดียวกันนี้ ทั้งในเวทีภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และภาคใต้ และจะนำผลที่ได้จากการระดมความคิดเห็นไปประมวลวิเคราะห์ สังเคราะห์ ร่วมกับเอกสารวิชาการจากแหล่งต่างๆเพื่อจัดทำเป็นความเห็น และข้อเสนอแนะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป