xs
xsm
sm
md
lg

ได้เวลาโค่น “ฮุนเซน” ใกล้เวลาไล่ “ยิ่งลักษณ์”

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา

การเลือกตั้งกัมพูชาเมื่อวันที่ 28 เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถูกประชาชนต่อต้านตั้งแต่วันแรกที่รู้ผล และลุกลามไปสู่การประท้วงครั้งใหญ่ จนมีผู้เสียชีวิต 1 คน

พรรคประชาชนกัมพูชาชนะการเลือกตั้ง ได้ที่นั่ง 68 เสียง โดยมีผู้ลงคะแนนสนับสนุนประมาณ 3.2 ล้านคน ขณะที่พรรคกู้ชาติของนายสม รังสีได้ที่นั่ง 55 เสียง มีผู้ลงคะแนนสนับสนุนประมาณ 2.9 ล้านคน

ผลการเลือกตั้งที่ออกมา จะทำให้นายฮุนเซนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องอีก 5 ปี หลังจากที่ปกครองประเทศมาแล้ว 28 ปี

แต่พรรคฝ่ายค้านไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง โดยกล่าวหาว่ามีการทุจริต และเคลื่อนไหวประท้วงอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองในกัมพูชา ถูกนายฮุนเซนออกกฎหมายกดหัว ห้ามชุมนุมเกิน 10,000 คน แต่ประชาชนกลับลุกฮือขึ้นมารวมตัวต่อต้านการเลือกตั้งถึง 20,000 คน

นายฮุนเซนประกาศหลังชนะการเลือกตั้งว่า จะบริหารประเทศไปอีก 30 ปี ซึ่งเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ เพราะชัยชนะครั้งล่าสุดเต็มไปด้วยข้อกล่าวหาการโกงสารพัดรูปแบบ นอกจากนั้นประชาชนก็หันมาสนับสนุนนายสม รังสีเพิ่มขึ้นมาก

ถ้าไม่ตัดสิทธิ์ประชาชนที่มีอายุครบ 18 ปี สามารถลงคะแนนเสียงได้ นายฮุนเซนคงโกงการเลือกตั้งยากขึ้น เพราะคนรุ่นใหม่ ไม่เอานายฮุนเซน

และการเลือกตั้งครั้งต่อไปในอีก 5 ปีข้างหน้า ก็คาดกันอยู่แล้วว่า พรรคประชาชนกัมพูชาของนายฮุนเซน จะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

นายฮุนเซนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศ ในยามที่กัมพูชาอยู่ในภาวะบ้านแตกสาแหรกขาด และถูกตราหน้าว่าเป็นหุ่นเชิดของเวียดนามที่เข้ามายึดครอง หลังจากขับไล่เขมรแดงออกไป

แม้จะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่า นายฮุนเซนกุมอำนาจในเขมรอย่างเบ็ดเสร็จ บริหารประเทศด้วยระบบเผด็จการ แต่งตั้งคนในตระกูลและพวกพ้องขึ้นมาเป็นใหญ่ และคอร์รัปชันหั่นแหลก

พรรคฝ่ายค้านและประชาชนที่ไม่สนับสนุนนายฮุนเซน จะถูกจำกัดสิทธิการเคลื่อนไหว ถูกจ้องทำลายล้าง จนผู้นำฝ่ายค้าน นายสม รังสีต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ 4 ปี ก่อนได้รับการอภัยโทษกลับมาลงเลือกตั้ง

อนาคตการเมืองกัมพูชากำลังก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ประชาชนลุกฮือขึ้นมาปลดแอกระบบเผด็จการในคราบพลเรือนแล้ว การครองอำนาจ 5 ปีข้างหน้าของนายฮุนเซนเต็มไปด้วยขวากหนาม และอาจจะอยู่ไม่ครบวาระ หรือถ้าดันทุรังจนครบ

การเลือกตั้งครั้งต่อไป ระบบ “ฮุนเซน” จะสาบสูญ เพราะประชาชนชาวกัมพูชาเหลืออดกับการถูกกดขี่ ทนไม่ได้ที่ตระกูลนายฮุนเซนและพวกพ้องร่ำรวย ขณะที่ชาวบ้านยากจน

การเมืองในเขมรไม่แตกต่างจากการเมืองไทยเท่าไหร่นัก โดยระบบประชาธิปไตยเป็นเพียงสัญลักษณ์ของการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น อำนาจการบริหารประเทศไม่ได้ถูกกำกับด้วยประชาชนส่วนใหญ่ แต่ถูกบงการด้วยคนเพียงคนเดียว

กัมพูชาถูกฮุนเซนกุมอำนาจในเขมรอย่างเบ็ดเสร็จ ประเทศไทยถูกพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรบงการ

แต่ทั้งกัมพูชาและประเทศไทย ใกล้เวลาการเปลี่ยนไป และไม่อาจทำนายได้ว่า ระหว่างระบอบ “ฮุนเซน” กับระบอบ “ทักษิณ” ใครจะไปก่อนกัน

“ฮุนเซน” กุมอำนาจในเขมรมา 28 ปี ครอบงำกลไกรัฐไว้อย่างแน่นหนา แต่งตั้งคนในตระกูลและพวกพ้องคุมตำแหน่งสำคัญไว้ และกดขี่ประชาชนไม่ให้โงหัว

ระบอบ “ทักษิณ” ปกคลุมประเทศไทยมา 12 ปี และพยายามวางรากฐานสืบทอดอำนาจอย่างต่อเนื่อง แต่งตั้งญาติพี่น้องขึ้นมาเป็นใหญ่ ส่งพวกพ้องเข้ามายึดตำแหน่งสำคัญในหน่วยงานราชการ โดยสถาปนาระบบ “ขี้ข้า” ขึ้นมาในสังคมไทย

ใครรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมทำตามคำบงการอย่างไม่มีข้อแม้ จะได้เป็นใหญ่เป็นโต ทั้งทางการเมืองและระบบราชการ

ขี้ข้า “ทักษิณ” จึงลอยหน้าลอยตาอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง

แต่ประชาชนก็กำลังเคลื่อนไหวเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ เพียงแต่รอวันสุกงอมเพื่อลุกฮือขึ้นพร้อมกันเท่านั้น

พ.ต.ท.ทักษิณกับนายฮุนเซน สนิทสนมกันถึงขั้นนับถือเป็นพี่เป็นน้อง แต่ชะตากรรมของผู้นำทั้งสองประเทศกำลังเดินเข้าสู่วาระสุดท้าย โดยที่ไม่รู้ว่า ใครจะไปก่อนกัน และใครเป็นตัวซวยที่ฉุดให้อีกฝ่ายลงนรก หรือต้องลงนรกไปด้วยกัน

ทั้งคู่มีพฤติกรรมเหมือนกัน ต้องการกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ตักตวงผลประโยชน์จากทรัพยากรของประเทศ คอร์รัปชันจนร่ำรวยทั้งตระกูล พยายามกดหัวประชาชนไม่ให้ลุกฮือ รอวันเวลาที่จะพบจุดจบเดียวกัน รอถูกประชาชนลุกฮือโค่นล้มเหมือนกัน

อย่าคิดว่า ระบอบทักษิณจะครอบประเทศไทยอยู่ชั่วนิรันดร์ อย่าคิดว่า ใครจะไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไม่ได้ อย่าคิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณกุมอำนาจไว้เบ็ดเสร็จแล้ว

เพราะนายฮุนเซนผูกขาดการบริหารประเทศยาวนานกว่า กุมอำนาจเบ็ดเสร็จมาเกือบ 30 ปีเต็ม แต่สุดท้ายก็ต้านพลังประชาชนไม่อยู่ อำนาจถูกสั่นคลอน และเริ่มนับถอยหลังการถูกโค่นล้ม

ระบอบทักษิณก็ไม่แตกต่างกัน ดูเหมือนแข็งแกร่งจนทำลายไม่ได้ แต่วันนี้เปราะบาง ประชาชนลุกฮือต่อต้านเป็นจุดๆ แค่ม็อบสวนยางก็ทำท่าจะรับมือไม่อยู่

และเริ่มนับถอยหลังเหมือนกัน ถ้าประชาชนกลุ่มต่างๆ ที่ต่อต้านรวมตัวกันเป็นหนึ่งเมื่อไหร่ ประเทศไทยอาจได้ปลดแอกระบอบทักษิณก่อนกัมพูชา

จุดเริ่มต้นการปลดแอก อาจเริ่มต้นจากชนวนม็อบสวนยางก็ได้
‘การเมืองกัมพูชา’มาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ (ตอนแรก)
การประท้วงกำลังปะทุตัวขึ้นในกรุงพนมเปญ ภายหลังที่มีการประกาศรับรองอย่างเป็นทางการว่า นายกรัฐมนตรีฮุนเซน และพรรคของเขาเป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งก็เท่ากับเป็นการโยนทิ้งข้ออ้างอันหนักแน่นของ สม รังสี ผู้นำพรรคฝ่ายค้านที่ว่าพวกเขาต่างหากเป็นฝ่ายมีชัย อย่างไรก็ตาม เป็นที่วาดหวังกันว่าการที่สมเด็จพระราชาธิบดีนโรดมสีหมุนี ทรงเข้า “แทรกแซง” อาจจะส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายมีการประนีประนอมกันได้ ก่อนที่ความตึงเครียดจะยิ่งเขม็งเกลียวจนไปถึงจุดแห่งการแตกหักอย่างรุนแรง
กำลังโหลดความคิดเห็น