กรองทอง - โอ้โห เยิน ยับยู่ยี่
สนธิ - ถ้าคุณเลิกเล่นการเมือง ไม่สนใจ คุณกลับมาสิ แล้วคุณจะเห็นว่าผมยุติบทบาทจริงหรือเปล่า ผมอยากให้คุณกลับมา ผมจะทำให้คุณดู ผมจะเหมือนนกฟีนิกซ์ ซึ่งเกิดใหม่อีกครั้ง ผมอยากให้คุณกลับมา นิรโทษกรรมเลย แล้วกลับมา วันไหนคุณกลับมาวันนั้นคุณเจอผมแน่นอน ใครจะมากับผมไม่สนใจ ผมไปคนเดียวก็ได้ ถ้าอยากรู้คำตอบคุณกลับมา ทักษิณ ชินวัตร มาหาคำตอบด้วยตัวเอง
กรองทอง - อย่ามัวแต่ไปฝากใครมาถาม
สนธิ - และคุณก็รู้แก่ตัวคุณเองว่าดวงคุณแพ้ทางผมตลอดชีวิต
จินดารัตน์ - พระจันทร์จะสู้อาทิตย์ได้อย่างไรถูกไหมคะ
สนธิ - บ้านจันทร์ส่องหล้ามันจะสู้บ้านพระอาทิตย์ได้อย่างไร
จินดารัตน์ - และเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทักษิณจะทำค่ะ
สนธิ - แน่จริงกลับมาสิ คิดถึงมากกลับมาเลย รีบให้สภาขี้ข้าคุณนิรโทษกรรมคุณซะ และเตรียมตัวกลับมา ผมรออยู่ และผมเชื่อว่าคนไทยก็รออยู่เยอะ อัลกออิดะห์ก็รออยู่ด้วย
จินดารัตน์ - แล้วตอนนี้เราให้อัลกออิดะห์แซงไปเรียบร้อยแล้ว แซงคิวไปแล้ว
กรองทอง - ไม่เป็นไร เป้าหมายเดียวกัน พี่ไปก่อนก็ได้
จินดารัตน์ - เขาก็เดากันนะคะว่ายังไงทักษิณก็ไม่กลับมา เพราะจริงๆ อยากกลับก็กลับได้
กรองทอง - อยากกลับก็กลับได้ น้องใบเตยบอกว่าอยากฟังเพลงไทย ก็กลับมาฟังที่นี่ก็ได้
จินดารัตน์ - จะได้ไม่ต้องเสียตังค์หลายๆ แสนไปจ้าง อัพค่าตัวถัดไปอาจจะเป็นล้านก็ได้ แต่น้องใบเตยบอกว่า ถ้าท่านซื้อกระเป๋าให้จริงนะคะ หนูจะไปร้องให้ฟรี 3 รอบ
กรองทอง - เออๆ ใช่
จินดารัตน์ - น้องซื่อ
สนธิ - ร้องให้ 3 รอบ หรืออะไร 3 รอบ
กรองทอง - ร้อง แต่ไม่รู้ร้องยังไงเหมือนกันนะคะ จะออกมาเป็นแบบไหน
สนธิ - "ไปจุดเทียนเวียนวน เรามาสองคน วนเอ๊ย วนเวียน" เคยได้ยินใช่มั้ย เคยได้ยินหรือเปล่า เพลงของมานี มณีวรรณ "หมุนสับ สลับเปลี่ยน เรามาจุดเทียน เวียนเอ๊ยเวียนวน"
กรองทอง - เดี๋ยวเราจะเอาไว้เป็นเพลงจบตอน End Credit รายการ
จินดารัตน์ - งั้นเราพักกันก่อนนะคะ ช่วงหน้ากลับมามีเรื่องการเมืองกัมพูชาที่น่าสนใจ เรื่องของม็อบยางภาคใต้ และปฏิรูปการเมืองฉบับบรรหาร พันกันก่อนสักครู่ค่ะ
ช่วงที่ 2
จินดารัตน์ - กลับมาช่วงที่ 2 คุยทุกเรื่องกับสนธินะคะ ก่อนที่จะไปถึงเรื่องการเมืองของกัมพูชา มีจุดสังเกตหลายจุดที่คุณสนธิตั้งข้อสังเกตให้ฟังกันในค่ำคืนวันนี้ เรามีทั้งข่าวร้ายและข่าวดี ข่าวร้ายคือเครื่องทำน้ำด่าง 150 เครื่องหมดไปหลายวันแล้ว
กรองทอง - เราบอกคุณแล้วว่าให้รีบ เราเตือนคุณแล้ว
จินดารัตน์ - แต่ไม่ตอ้งเสียใจนะคะ เครื่องใหม่ 480 เครื่อง จะมาเดือนหน้าวันที่ 18 ตุลาคม ฉะนั้นโทรมาที่คอลเซ็นเตอร์ จองไว้ก่อนได้ หรือไม่ก็หลังวันที่ 18 ไปที่เอเอสทีวีช็อป มีตังค์วางเลยหยิบเครื่องกลับบ้านไปติดตั้งได้เลย
กรองทอง - จำนวน 480 เครื่อง ได้ล็อตใหม่วันที่ 18 ตุลาคม ต้องย้ำอีกทีว่า ตอนนี้เรื่องการล้างพิษในผัก ใช้เครื่องทำน้ำด่างเบอร์ 3 สามารถที่จะล้างสารพิษในผัก 2 ครั้ง
สนธิ - แช่ครั้ง 15 นาที แช่ไว้เทน้ำทิ้ง ผักกรอบมากอร่อย
จินดารัตน์ - สารพิษตกค้างที่ออกไป ผลจากห้องแล็บ มันออกไปมากกว่า 90% ดีที่สุดในวิธีการล้างผักตอนนี้แล้ว
สนธิ - ทุกเครื่องมือ ทุกวิธีการล้างผักจะสู้น้ำด่างหมายเลข 3 ไม่ได้
จินดารัตน์ - ที่สำคัญคือใช้ดีท็อกซ์ได้ด้วย
กรองทอง - กิน ดื่ม ด่าง ล้างพิษตับ และล้างผักได้ด้วย
จินดารัตน์ - เรามาการเมืองภายนอกบ้างนะคะ การเมืองกัมพูชา เขาบอกว่ามองเผินๆอาจไม่มีอะไร แต่ถ้าดูลึกๆ มันมีนัยอะไรบางอย่าง หรือมันมีควาเมหมือน
สนธิ - สม รังสี เป็นหัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน แล้วก็พรรคตัวเองได้รับเลือกมาน้อยกว่าฮุน เซน สม รังสีก็ระดมคนมาประท้วง แล้ว ส.ส.ที่ได้รับเลือกก็ไม่ยอมเข้าสภา ร่วมประท้วงกับสม รังสี สภาก็เปิดไม่ได้ มันก็เลยทำให้ฮุนเซนไม่มีทางเลือก ฮุนเซนต้องไปนั่งโต๊ะเจรจากับสม รังสี ว่าจะเอาอย่างไร กติกาเป็นอย่างไรบ้าง ก็คุยกันหลายชั่วโมงเหมือนกับจะตกลงกันได้ แต่ปรากฏว่าพอเปิดมาใหม่ พรรคสม รังสี ก็ยังไม่เข้าไปในสภา สภาก็ยังเกิดไม่ได้ ก็เลยต้องเข้ามานั่งคุยกันต่อ ทั้งฮุนเซน สม รังสี นั่งคุยเจรจากัน มันมีอะไรที่คล้ายเมืองไทย คล้ายตรงที่ว่า ถ้าเรามองว่า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แล้วเข้าสภาฯ วันนั้น แล้วรัฐสภาไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลชุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่พิจารณาด้วยเหตุด้วยผล แต่ใช้เสียงข้างมากเป็นตัววัด เมื่อใช้เสียงข้างมากเป็นตัววัดแล้ว ถ้าวันนั้นประชาธิปัตย์เดินออกหมดเลย ไม่เข้าร่วมประชุมสภาฯ มันไม่ได้ต่างอะไรกับสิ่งซึ่ง ฮุน เซนเจอเลยวันนี้ ผมถึงบอกว่า ชุดภาษาที่บอกว่า ไม่ควรออกให้ควรอยู่ในสภาฯ ต่อไป เป็นชุดภาษาที่ไม่สมเหตุสมผล ผิดหลักยุทธวิธี หลักยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ การต่อสู้ทางการเมือง ก็ไหนประชาธิปัตย์เก่งเรื่องยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ ก็ไปสู้ในสภาฯ ก็แพ้เขาตลอดเวลา มันต้องหักดิบแบบนี้ พอออกมาแล้ว ในสภาฯ ก็มีแต่พรรครัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลจบ ไม่มีฝ่ายค้าน แล้วสภาฯ มันจะประชุมได้อย่างไร มันก็เหมือนกับที่ฮุน เซน มันประชุมไม่ได้ ในที่สุดแล้วเพื่อไทย หรือคนที่ดูไบก็จะโทรศัพท์มาบอกนั่งคุยกันดีกว่า ถ้าไม่งั้นแล้ว คุณจะผ่านอะไรก็ผ่านไม่ได้ คุณยกมือผ่านได้เท่ากับ 319 เสียงต่อ 0 ไม่มีฝ่ายค้านเลยแม้แต่คนเดียว ความชอบธรรม
กรองทอง - มันก็ไม่เกิด
สนธิ - ไม่เกิดขึ้นเลย ในโลกนี้เขาก็ไม่ยอมรับกัน แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เก็ท มันถึงบอกดูสม รังสี สม รังสีมันฉลาด พรรคประชาธิปัตย์มันต้องเรียนรู้วิธีการแบบสม รังสี เพราะสม รังสี มันไม่กะตีกิน มันกะจะได้ในสิ่งที่มันต้องการจะได้ และผมเชื่อว่าในที่สุดฮุน เซนต้องยอม ก็ต้องมาถึงจุดๆ นึง ซึ่งมันจะเอื้อทั้งคู่ แต่มันก็เป็นเรื่องการเมือง ประชาชนไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ยุทธศาสตร์นี้ ยุทธศาสตร์ที่สม รังสีมันใช้ เป็นยุทธศาสตร์เดียวกับที่ผมเคยเสนอให้พรรคประชาธิปัตย์ใช้ก่อนที่ สม รังสี มันใช้เสียด้วยซ้ำ แล้ววันนี้ถ้าประชาธิปัตย์ลาออกมาอย่างที่ผมบอกนะ บวกกับม็อบยางอีกนะ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ชินวัตร ไม่รีบโทรศัพท์มาสั่ง เผลอๆ อาจจะเลิกกับดูไบ เผลอๆ จะเลิกฟังคาราโอเกะกับใบเตยก็ได้ บอกใบเตยหนูอย่าเพิ่งมาตอนนี้ มีเรื่องด่วน
จินดารัตน์ - พี่เจอใบหนาดเข้าแล้ว
สนธิ - พี่เจอใบหนาดเข้าแล้ว นี่ไง
จินดารัตน์ - สถานการณ์มันจะไม่เป็นเหมือนทุกวันนี้
สนธิ - ไม่เป็นอย่างนี้ แล้วพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเล่นการเมืองแบบโง่ๆ แบบเห็นแก่ตัว แบบตีกิน วันนี้ผมดูม็อบยางแล้วผมหงุดหงิดแทน ผมไม่หงุดหงิดได้ยังไง คุณเป็น ส.ส.16 จังหวัดภาคใต้ 14 จังหวัดภาคใต้ คุณทั้งนั้น แล้วม็อบยางมันรวม 14 จังหวัดภาคใต้ บวกอีก 2 จังหวัดภาคกลาง นั่นคือประชาชนของคุณนะ ทำไมคุณต้องหลีกเลี่ยงว่าคุณไม่เกี่ยว คุณกระโดดไปเลย คุณต้องบอกว่าคุณเกี่ยว เพราะนี่คือประชาชนของคุณ วันนี้คุณอ้างว่าคุณไม่เกี่ยว ฝ่ายรัฐบาลมันก็บอกคุณอยู่เบื้องหลัง คุณกลัวอะไรล่ะ คุณคือประเภทหน้าบาง อยากได้ อยากมี แต่ไม่กล้าเสนอหน้า
จินดารัตน์ - ไม่กล้าลงทุน
สนธิ - ไม่กล้าลงทุน ชอบกินแรงเพื่อน สันดานนี้มันเริ่มสะท้อนออกมาให้เห็นอีกแล้ว ในกรณีม็อบยาง แอบไปกระซิบบอกให้เอียด เส้งเอียด ซึ่งเป็นพวกโจรลักค่าไถ่ทางใต้ ออกมานำหน่อย แล้วจะสนับสนุน จะให้เงิน จะให้อาหาร จะเอาคนมาร่วม ปรากฏว่าไม่เกี่ยว ถอย ถอยหมดเลย จนกระทั่งมันทนไม่ไหว เอียด เส้งเอียด มันโดนทั้งประชา พรหมนอก ขู่ มันโดนโน่นโดนนี่ มันก็เลยต้องไปบวช กลายเป็นพระไปแล้ว ม็อบสวนยางเลยต้องออกมาเพื่อที่จะมาสู้ต่อ
กรองทอง - คือเขาต้องมาเรียกร้อง มาสู้ สู้เอง
สนธิ - สู้ต่อ เลือกผู้นำคนใหม่ ม็อบสวนยางมันมี 2 ม็อบ กลุ่มแรกคือเจ้าของที่ดิน เจ้าของที่ดินนี่รัฐบาลให้ 2 พันต่อไร่ แต่ไอ้คนที่ไม่ได้ก็คือคนกรีดยาง เพราะคนกรีดยางมันต้องพึ่งราคายาง ถึงจะแบ่งกันได้
เพราะฉะนั้นแล้วมันไม่ยอม ทำไมประชาธิปัตย์ถึงไม่กล้าที่จะมายืนให้ประชาชนเห็น ว่าเวลาเขาเดือดร้อนคุณยืนข้างเขา กลับไปรับงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์มาเจรจาให้ม็อบยอม ให้ม็อบสลายตัว นี่มันพรรคการเมืองของคนใต้เหรอ คนใต้ก็ยังจะโง่ เลือกประชาธิปัตย์ต่อ ก็เชิญไปตามสบายเลย จนวันนี้ยังไม่รู้เช่นเห็นชาติอีกเหรอ ผมนี่หงุดหงิดกับมันเป็นบ้าเลย ผมดูข่าวแล้ว ไอ้ห่า! มึงเป็นอะไรของมึงวะ นี่ประชาชนมึงแท้ๆ เลยนะ ทำไมมึงไม่ออกมา เอาหน้าเข้าไปเสนอ ขึ้นเวทีเลย ไม่เห็นเสียหายอะไร
กรองทอง - สุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาปฏิเสธ ทันทีที่รัฐบาลบอกว่ารู้แล้วว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง นักข่าวก็ต้องไปถามประชาธิปัตย์ สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์แบบ ให้สัมภาษณ์แต่มือทำเป็นควานหานกหวีด นึกออกมั้ย ให้สัมภาษณ์บอก ผมไม่ได้อยู่เบื้องหลังหรอก ถ้าผมอยู่นะ ผมจะอยู่เบื้องหน้า อารมณ์อย่างเนี้ย เหมือนทำท่าควานหานกหวีด
สนธิ - หลังหรือหน้านี่ไม่ใช่ประเด็นแล้ว ประเด็นคือคุณต้องนำประชาชน คุณต้องนำเลย คุณต้องพาประชาชนมากรุงเทพฯ ด้วย คุณต้องนำเขามาเลย มาเรียกร้องเจรจากับรัฐบาล ถ้าไม่ได้ก็ปักหลักกรุงเทพฯ ด้วย ปักหลักทางใต้ด้วย เอาให้มันชัดเจน ก็คุณผ่าความจริงมาทั้งหมดกี่ผ่าแล้วล่ะ
จินดารัตน์ - หลายผ่าแล้วค่ะ
สนธิ - ตั้งไม่รู้กี่ผ่า
กรองทอง - ผ่าทุกอาทิตย์ค่ะ
สนธิ - ผ่าทุกอาทิตย์ แล้วคุณผ่าไปทำไม คุณบ้าหรือเปล่า ผมถึงบอกว่าพรรคนี้มันจะมีแต่วันตกต่ำไปเรื่อยๆ จะไม่มีวันเจริญ จะไม่มีวันเจริญเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะทำไมรู้มั้ย เพราะข้อที่ 1. มันขี้ขลาดตาขาว 2.ประชาชนของมันเองนะ ไม่ใช่ผมนะ ของเขาเองเลยนะ ภาคใต้คือฐานเขา เขายังไม่รับผิดชอบ เขายังไม่กล้าพอที่จะยืนข้างหน้าประชาชน แล้วตัวเองชอบใช้วาทกรรม พี่น้องตายเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเกิดเรื่องคือ ขี้โม้ ขี้คุย ขี้ขลาด หมดทุกอย่าง รออยู่อย่างเดียวคือ ตีกินชาวบ้านเขา แล้วมาถึงวันนี้ ผมดีใจ ผมตัดสินใจไม่ผิด ว่าคุณต้องลาออกมาก่อน แล้วผมจะยอมเป็นลูกน้องคุณ คุณจะมาตีกินเหมือนเดิมไม่ได้ คุณจะมาในวาทกรรม สู้ในสภาไปด้วย สู้นอกสภาฯ ไปด้วย มึงสู้ไปเองดีกว่า
กรองทอง - ก็นี่ไง สู้กันจนเขี่ย ส.ว.สรรหา ออกจากสภาฯ แล้ว
สนธิ - ก็นี่ไง สู้กันแล้วยังไง จำได้มั้ย คำวาทกรรมของผม ชุดภาษาของผมศักดิ์สิทธิ์ที่สุด "แล้วยังไง" สุเทพ เทือกสุบรรณ บอกผมหน่อยซิ แล้วยังไง อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกผมหน่อยซิ แล้วยังไง บัญญัติ บรรทัดฐาน บอกผมหน่อยซิ แล้วยังไง ชวน หลีกภัย บอกผมหน่อยซิ แล้วยังไง มีอยู่แค่นี้
จินดารัตน์ - ตอนนี้พระเอียดคงได้อ่านหนังสือแหลเพื่อพี่แล้ว อาตมาว่าแล้ว
กรองทอง - อาจจะสึกออกมานะคะ สึกแล้วคงจะได้อ่านเต็มเล่มค่ะ
จินดารัตน์ - งั้นก็ต้องเปลี่ยนว่ากูว่าแล้ว
สนธิ - เปล่าไม่ใช่ คือคนเราถ้าเป็นนักการเมือง ถ้าเป็นนักสู้ เพื่อประชาชน เป็นตัวแทนประชาชน ใครจะว่าอยู่เบื้องหลังเบื้องหน้าไม่สำคัญ ต้องเข้ามาเมื่อยามเขามีทุกข์ ถามว่าเขามีทุกข์ไหม เขามีทุกข์ เมื่อเขามีทุกข์ทำไมคุณไม่เสนอหน้ามา แค่นี้เองพอแล้ว ตอบปัญหาที่ซิมเปิ้ล เบสิก ปัญหาที่ธรรมดาสามัญตอบให้ได้ตรงนี้ก่อน ประชาชนที่คุณอยู่ตรงนั้น เขาสนับสนุนคุณมาตลอด และประชาธิปัตย์ไม่ใช่ครองภาคใต้มาแค่ปีนี้นะ 60 ปีแล้วนะ คนใต้ เมื่อไหร่จะตื่นเสียที
กรองทอง - ใช่ มันเจ็บปวดตรงนี้เนอะ
สนธิ - แล้วยังเสือกไปหลงใหลกับพวกมันอีก ไปหลงใหล
มันทำไม ไปให้มันหลอกแล้วหลอกอีก ช้ำแล้วช้ำอีก ผมไม่เอาคนนึงแล้ว
กรองทอง - นี่โดนทุบ โดนตี โดนแก๊สน้ำตาอะไรก็โดนไปแล้วนะ
สนธิ - โดนไปหมดแล้วทุกอย่าง โดนแจ้งข้อกล่าวหาตั้งไม่รู้เท่าไหร่
จินดารัตน์ - เหมือนโดนรอยแค้น
สนธิ - มันต้องลงไปนำเขา โดยแก๊สน้ำตาตำรวจแจ้งข้อหา ส.ส.เองจะต้องนำคน และถ้า ส.ส.แจ้งข้อหาก็ต้องยืดอกขึ้นโรงพักกับประชาชน เสร็จแล้ว ส.ส.ต้องบอกว่า พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนเรื่องทนายความสู้ให้ ทุกคน
กรองทอง - กลายเป็นคนที่ไปช่วยคือ คุณนิติธร ล้ำเหลือ ทนายที่ลงไป
สนธิ - ก็ใช่ไง นี่ไง และพรรคประชาธิปัตย์คุณทำอะไรกันอยู่ วันดีคืนดีคุณส่งนิพิฏฐ์บ้าง วิทยาบ้าง ไปขึ้นเวที ขึ้นทำไมเขาไม่อยากเห็นหน้าพวกคุณหรอก ใช่ไหม
กรองทอง - นี่ไงเหมือนการ์ตูน
สนธิ - คุณอย่าหลงตัวเองได้ไหม
กรองทอง - เหมือนการ์ตูน บัญชา คามินเรา ว่าประชาธิปัตย์พึ่งรู้ว่า การเมืองนอกสภาฯ ก็สนุกเหมือนกันนะ เหมือนแค่เล่นเป็นของสนุก จัดเวทีผ่ากันไปทุกอาทิตย์ และก็แค่นั้น เหมือนกับสนุกดีอะไรอย่างนี้
จินดารัตน์ - แล้วทีนี้พอพรรคเพื่อไทยเขาออกมาบอกว่า ประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง ออกมาแก้ตัวพัลวันเหมือน ไม่เกี่ยวข้องกันคือ ม็อบสวนยาง ไม่ใช่นะ ไม่ใช่พวกเดียวกัน คือไม่เคยอยู่เบื้องหลัง
กรองทอง - ปฏิเสธ
สนธิ - นี่คือสันดานของผู้ดีที่ชอบตีกิน ชอบทำตัวเป็นผู้ดี แต่เบื้องหลังน้ำลายไหลยืดทุกคน ผมถึงบอกว่า ผมอึดอัดใจ ผมอยากจะพูดเรื่องนี้มานานแล้ว มันจะตายหรือไงถ้าคุณบอกว่า อยู่เบื้องหน้า คุณไมได้อยู่เบื้องหลังแต่อยู่เบื้องหน้า สุเทพจะพูดทำไม คนอย่างผมไม่อยู่เบื้องหลังถ้าอยู่อยู่เบื้องหน้า ก็มาอยู่สิ ทำไมไม่อยู่ล่ะ
กรองทอง - ควานหานกหวีดอยู่ ทำเป็นขึงขังๆ ยังหานกหวีดไม่เจอ เป่าไม่ได้
สนธิ - เจอ ซ่อนอยู่ในกางเกงใน
จินดารัตน์ - คือพี่น้องชาวใต้หลายคนก็ช้ำอกช้ำใจนะคะ ต้องบอกว่า ถ้ามีพรรคเดียวให้เลือกพรรคที่ดีที่สุดพรรคเดียวให้เลือก แต่รู้เช่นเห็นชาติรู้สันดานกันแล้ว ไม่มีให้เลือกก็ไม่ต้องเลือก
สนธิ - ไม่ต้องลงคะแนนเสียงให้มัน อยู่เฉยๆสักทีได้ไหมพี่น้องชาวใต้ ไหนบอกคนใต้นักเลงเลย ไอ้คนทรยศต่อคุณแบบนี้คุณยังคบมันได้อีกเหรอ คนใต้เขาไม่คบกันหรอก
จินดารัตน์ - คือนักการเมืองพวกนี้มันไม่ใช่อ็อกซิเจน มันเป็นคาร์บอนมอนออกไซด์ สูดเข้าไปแล้วตายนะ คือไม่ใช่ขาดแล้วตาย พี่น้องชาวใต้ต้องพยายามเปลี่ยนวิธีคิดหนือหนึ่ง
สนธิ - ไม่ได้หรอกงานนี้
กรองทอง - อย่างเมื่อวานนี้ที่คุณบรรหารไปพบคุณชวน และหนึ่งในการปรึกษาระหว่างคุณบรรหารกับคุณชวน คุณชวนก็ฝากเรื่องม็อบสวนยางไปให้คุณบรรหารด้วยนะ ว่าเรื่องปัญหายางพารามันคือปัญหา จะไปยื่นต่อรัฐบาล เป็นห่วงนะ ฝากไปทางบรรหารแล้วกัน ใช่เหรอ
จินดารัตน์ - ไม่ใช่แล้ว ผิดงาน พอพูดถึงการเมืองย้อนไปถึงกัมพูชาอีกนิดนะคะคุณสนธิ คือสม รังสี ก็คงไม่ต่างจากการเมืองไทยเท่าไหร่ ตอนนี้ก็หาบันไดลงเหมือนกัน ประกาศว่าจะพามวลชนของเขาเดินออกจากสวนเสรีภาพ พอโดนขู่นิดขู่หน่อยก็ไม่เอาแล้ว รอการเจรจา เพื่อที่จะได้สิ่งที่ตัวเองคิดว่าได้ดีที่สุด
กรองทอง - คือหาทางลงที่ดูไม่เสียฟอร์ม ดูเท่ อยากลงให้เท่
สนธิ - นักการเมืองต้องการดูเท่ ถ้าพูดถึงนักการเมืองแล้ว ต้องโยงต่อไปถึงงบประมาณ 2 ล้านล้าน พ.ร.บ.2 ล้านล้าน หลายคน นี่ผมพูดอย่างแฟร์ที่สุดนะ ผมไม่เข้าข้างใคร ไอ้ 2 ล้านล้าน เพื่อไทยมันเลียนแบบประชาธิปัตย์เป๊ะ กรณีไทยเข้มแข็ง ตอนนี้ไทยเข้มแข็งมันเริ่มกู้เงิน เอาเงินมา โดยที่มันไม่ต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ มันก็อ้างว่าที่มันไม่ส่งศาลรัฐธรรมนูญเพราะมันส่งไปให้กฤษฎีกาตีความ กฤษฎีกาตีความ เป็นการตีความที่บัดซบที่สุด ที่บอกว่าเงินก้อนนี้ไม่ใช่เงินแผ่นดิน ไม่จำเป็นต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่มันเสือกมีติ่งไว้ด้วยนะ ว่า แต่ความเห็นกฤษฎีกานั้นไม่ใช้ความเห็นที่ว่ากัน คือทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับศาลเขาจะว่ายังไงอีกทีหนึ่ง ก็คือเป็นแค่ความเห็น
จินดารัตน์ - แค่ความเห็นของกฤษฎีกา
สนธิ - ว่าเป็นความเห็นของกฤษฎีกาเฉยๆ ความเห็นก็คือ คุณเชื่อแล้วคุณใช้ก็ได้ ไม่ใช้ก็ได้ ไม่ว่ากัน แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็เอาความเห็นกฤษฎีกาที่บอกว่าไม่ใช่เงินของแผ่นดิน เอามาออก พ.ร.ก.จำได้มั้ย
กรองทอง - พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง
สนธิ - พรรคเพื่อไทย มันลอก พ.ร.ก.ของประชาธิปัตย์เกือบจะคำต่อคำเลย ต่างกันแค่จำนวนเงินเท่านั้นเอง
กรองทอง - เอาไปตั้ง 2 ล้านล้าน
สนธิ - ทีนี้พรรคประชาธิปัตย์ก็บอกว่า มันมีไทยเข้มแข็ง มันกระจายการลงทุนไปทั่วหมดทุกอย่าง เพื่อไทยก็บอกว่ามันมี 2 ล้านล้าน แต่มันทำอะไรให้เป็นรูปร่าง เห็นชัดเจน อย่างเช่น มันมีรถไฟ มีโน่นมีนี่ ชัดเจน ประชาธิปัตย์มันเอาปลากระป๋องเน่าบ้าง เอาปั๊มน้ำบ้าง เพราะฉะนั้นแล้ว ถามว่า วันนี้ที่ผมพูด ผมจะต่อต้านงบประมาณ ต่อต้านตัว 2.2 ล้านล้าน แต่ผมกำลังจะบอกว่า นี่ล่ะคือผลพวงของพรรคการเมือง ประชาธิปัตย์ก็ทำเหมือนกัน มิน่าล่ะ นายทักษิณ เห็นมั้ย ที่มันสไกป์มาจากเมืองนอก ที่มันด่าน่ะ มันด่าพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น มันด่าพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดเลย ก็คือว่ามันกำลังพูดว่า ที่กูทำอยู่ทุกวันนี้ กูทำตามมึง เห็นหรือยัง
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า ประเทศไทยถ้ายังมีการเมืองแบบนี้ มันคือปัญหา 2 พรรค สลับกันด่า แล้วสังเกตมั้ยว่าเวลาประชาธิปัตย์อภิปรายงบประมาณ 2 ล้านล้าน มันชกไม่สุด สังเกตมั้ย เพราะทำไมรู้มั้ย ชกสุดเมื่อไรก็ชกหน้าตัวเอง
จินดารัตน์ - เดี๋ยวเข้าตัว
สนธิ - เข้าตัว ก็ตัวเองทำมาแล้วนี่ ทุกอย่าง ผมถึงบอกไง แล้วคอยดูสิ พอวันสิ้นปีนี้ ถ้าสมมุติศาลโลกเกิดพิพากษาตัดสินบอกว่า เขมรถูก เพื่อไทยมันก็นั่งเฉยๆ ประท้วง เดี๋ยวก่อน ผมไม่ได้เป็นคนส่งศาลโลกนะ
กรองทอง - ประชาธิปัตย์เป็นคนลากไป
สนธิ - ประชาธิปัตย์เป็นคนส่งศาลโลก เข้าใจหรือยัง นี่ เวรกรรมมันมีจริง แล้วมันมาเร็วแล้วด้วย ใกล้ถึงแล้วนะ นี่เดือนอะไรแล้วล่ะ กันยายนแล้ว อย่างช้าก็ต้นมกราคม ไตรมาสแรก ช้าสุด มันก็พูดทันทีเลย ผมไม่เกี่ยวนะ เพื่อไทยไม่เกี่ยวนะ คนที่ส่งศาลโลกก็คือ ...
กรองทอง - ลากประเทศไทยไปศาลโลกคือ ประชาธิปัตย์ ทีมกฎหมายทั้งหมดก็ใช้ชุดเดิม
สนธิ - แล้วประชาธิปัตย์ว่ายังไง คุณจะว่ายังไงไอ้จอมตีกิน
จินดารัตน์ - เงียบค่ะ
สนธิ - เงียบ เงียบสนิท ก็มันทำได้อย่างนี้ไง แต่อะไรถ้ามันได้เปรียบ แล้วมันจะออกมากระโดดโลดเต้นทันทีเลย ใส่โน่นใส่นี่ ยังดีที่ช่วงหลังไม่ได้บอกว่า ผมรับเงินทักษิณ ไม่กล้า เพราะเห็นผมซักบรรหาร ศิลปอาชา ไปจนตัวเตี้ยลงกว่าเก่าอีก ก็เลยพูดไม่ออก
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า นี่คือระบบการเมือง แล้ว 2 ล้านล้านนี่ คือถ้าจะพูดก็ไม่จบหรอก 2 ล้านล้านนี้ 55 เปอร์เซ็นต์ คือเงินค่าก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ถูกมั้ย วันนี้เราจะพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ทีนี้คำว่าเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ได้หมายความว่าการที่เราจะต้องเอาบ้านของเรา พื้นที่ดินทั่วประเทศไทย ขุดเป็นสระ เลี้ยงปลา ที่เหลือปลูกข้าว แล้วก็เอาปลามาทำกิน เอาข้าวมาหุงกิน เหลือเท่าไรเอาไปขายตลาด คนมันซื่อบื้อ เพราะพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงยกตัวอย่างให้ฟัง ว่าเศรษฐกิจพอเพียงก็คือการทำแบบนี้ การทำแบบนี้ นัยที่สำคัญที่สุดคือหลักธรรมขั้นสูง ก็คือการใช้ปัญญา โดยมีสติเป็นตัวกำกับ เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้แปลว่าเราจะไม่ลงทุนอะไร เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้แปลว่าเราจะไม่เดินไปที่ไหนข้างหน้า แต่เศรษฐกิจพอเพียงหมายความว่า การใช้ธรรมในการพิจารณาการทำงาน เหมาะหรือไม่เหมาะ ควรหรือไม่ควร สมเหตุสมผลหรือไม่ ถูกมั้ย ถ้าเราใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงมาพิจารณารถไฟความเร็วสูง งบประมาณ 2.2 ล้านล้าน หลักแรกที่ต้องคิดก่อนว่า เรามีความจำเป็นไหมที่จะต้องมีรถไฟความเร็วสูง คำตอบคือ ไม่มีความจำเป็น การที่บอกว่าไม่มีความจำเป็นคือ คนที่มองโลกในแง่ความเป็นจริง สิ่งที่เรามีความจำเป็นคือ รถไฟรางคู่ ความเร็วประมาณ 150-170 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพอแล้ว แต่ถ้าจำเป็นต้องมีรถไฟความเร็วสูง เหตุผลเพราะว่าประเทศจีนบีบมา จีนอยากจะมาต่อรถไฟความเร็วจากปักกิ่ง ผ่านเซี่ยงไฮ้มากวางโจว จากกวางโจวเข้ามาที่กว่างสี แล้วก็ลงมาที่เขมร จากเขมรเข้ามาที่ลาว และก็จะเชื่อมต่อประเทศไทย เพื่อไปต่อยังมาเลเซียและสิงคโปร์เป็นเส้นเดียวเลย จากสิงคโปร์ไล่ขึ้นมามาเลเซีย ไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงจีนและปักกิ่ง ถ้าเป็นความจำเป็นอย่างนั้น ทำไมเราต้องลง ให้จีนลงสิ เราให้สัมปทานจีนไป กันที่ดินให้เขาข้างๆ ส่วนสัมปทานให้ 20 ปี 30 ปี คุยกัน ผลประโยชน์เราได้อย่างไรคุยกัน ให้เขาเก็บเงินไปไม่เป็นไร แต่เราก็ทำรถไฟรางคู่ของเราไป เราก็ทำ 150 กิโลฯไป ถูกไม่ถูก เงินที่เราลงไปก็คือ ลงรถไฟรางคู่ แล้วก็รถไฟความเร็วแค่ 150-160 กิโลฯ ความเร็วสูงให้จีนลงคนเดียว นี่คือเศรษฐกิจพอเพียง คือใช้สติพิจารณา แต่คนที่จะใช้สติพิจารณาได้ มันต้องละเว้นกิเลส ทำไมประเทศไทยยืนยันจะทำเอง นุ้กรู้ไหม
กรองทอง - ก็มันได้หักค่า
สนธิ - มันจะได้แดกคนเดียวไง ฉะนั้นแดกเต็มๆ โทษนะพูดหยาบหน่อยนะ มันจะได้แดกเงินค่าคอมมิชชันเต็มๆ ไง นี่คือการคอร์รัปชันโดยการสร้างโครงการใหญ่ๆ ขึ้นมา เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่ต้องใช้ 55 เปอร์เซ็นต์ของงบฯ หรือ 60 เปอร์เซ็นต์ของงบฯ 2.2 ล้านล้าน เป็นค่ารถไฟความเร็วสูง 60 เปอร์เซ็นต์ 6 2 12 1.32 ล้านล้านบาท เราใช้รถไฟรางคู่ใช้แค่ 1-2 แสนล้านก็พอแล้ว ถูกไหม เห็นหรือยังนี่คือเศรษฐกิจพอเพียง แอนเข้าใจยัง เศรษฐกิจพอเพียงคือ การใช้ปัญญา เช่นเรามีงบแก้น้ำท่วม คำถามว่าเราต้องใช้ 350,000 ล้านไหม ไม่จำเป็นเพราะ เพราะเราใช้สติและปัญญาพิจารณา ว่าเมืองไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ทางภาคกลางว่า เมืองไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ทางภาคกลางลงมา เป็นพื้นที่น้ำท่วมตามประวัติศาสตร์แล้ว เป็นมาร้อยพันปีแล้ว ถ้าอย่างนั้นลงมือก่อสร้างเพื่อให้ทางเดินน้ำมันเดินเร็วสะดวกขึ้น พื้นที่น้ำท่วมให้น้ำมันไหลลงมาโดยเร็วที่สุด แล้วไปออกทางภาคตะวันออก ทางสมุทรปราการ แต่คนที่จะทำเช่นนี้ได้ ก็ต้องประการแรก 1.ต้องไม่มีผลประโยชน์ ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีหมู่บ้านจัดสรรอยู่ทางย่านตะวันออก หรือถ้ามีก็ต้องเวนคืนไป ถ้าทำอย่างนี้ได้นี่คือเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งหมดเบ็ดเสร็จก็ใช้เหมือนที่ญี่ปุ่นเขาพิจารณามา ใช้ไม่เกิน 7 หมื่นล้าน แทนที่จะใช้ 350,000 ล้าน 2 รายการ รายการหนึ่งใช้ 75,000 ล้าน แก้ปัญหาน้ำท่วม
อีกรายการสร้างรถไฟรางคู่ แล้วใช้รถไฟวิ่งเพียง 150 - 160 กิโลฯ ต่อชั่วโมง ส่วนรถไฟความเร็วสูงให้จีนลงทุน รถไฟรางคู่อย่างมากก็เบ็ดเสร็จไม่เกิน 2-3 แสนล้าน เบ็ดเสร็จ 3 แสนล้านบวกอีก 7 หมื่นล้าน อ้าว 4 แสนล้านทั้งหมด แทนที่เราจะต้องเสียเงิน 2.2 ล้าน บวก 350,000 ล้าน 2.55 ล้านบาท ปรากฏว่า เราใช้เพียงแค่ 20 % นี่คือเศรษฐกิจพอเพียง
เหมือนสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง เรารู้อยู่แล้วว่า สุวรรณภูมิดินมันทรุด ก็ที่รันเวย์มันพังพินาศฉิบหายเพราะดินมันทรุด ไม่อย่างนั้นจะไปสร้างเทอร์มินัล 3 รันเวย์ 3 ทำไม ก็ต้องเอาเงินที่เราไปทำนั้นมาทำดอนเมืองแทน เราก็ให้เงินกองทัพอากาศ ย้ายไปกำแพงแสน เอาไปสิ 50,000 ล้าน 60,000 ล้าน 70,000 ล้าน สร้างเมืองใหม่ สร้างโรงเรียน สร้างโรงพยาบาล เสร็จเรียบร้อยให้ไปอยู่นั่น กำแพงแสน ดอนเมืองทั้งหมดก็จะกลายเป็นสนามบิน ลงทุนไม่เท่ากับสร้างเทอร์มินัล 3 หรืออีกรันเวย์หนึ่งที่สุวรรณภูมิ แล้วก็อยู่บนที่ดอน ไม่ได้อยู่ในที่หนอง นี่คือเศรษฐกิจพอเพียง
ฉะนั้นเศรษฐกิจพอเพียงนัยความจริงไม่ใช่ คือการเอาที่ดินมาแล้วแปลงเป็นบ่อเลี้ยงปลา และเอาที่ดินมาปลูกข้าวเศรษฐกิจพอเพียงคือ คนที่จะทำเศรษฐกิจพอเพียงจะต้องละซึ่งกิเลสแห่งความอยากได้อยากมี ซื่อสัตย์ก่อน คนจะทำเศรษฐกิจพอเพียงได้ต้องซื่อสัตย์ เพราะถ้าซื่อสัตย์ไม่ได้ ทำไม่ได้ เศรษฐกิจพอเพียง
กรองทอง - เหมือนคนทำต้องพอเพียงก่อน
สนธิ - ถูกต้อง ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่ทำมีประโยชน์กับส่วนรวม ไม่ใช่กูทำแล้วมีประโยชน์กับกู ทำไมเขาต้องคิด 2.2 ล้านล้านบาท แล้วจริงๆ แล้วงบประมาณมันก็ไม่ได้กู้ทีเดียว 2.2 ล้านล้านบาท มันต้องกู้นอกประเทศประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ ในประเทศ 40 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 50-50 นุ้กรู้มั้ยทำไม เพราะในประเทศไม่มีตังค์
กรองทอง - เพราะเม็ดเงินมันเยอะมาก
สนธิ - เข้าใจมั้ยล่ะ มันต้องไปกู้นอกประเทศ พอกู้นอกประเทศปั๊บแล้วที่กู้ในประเทศด้วย เงินจะถูกดูดออกจากแบงก์ แล้วพวกธุรกิจทั้งหลายที่ต้องใช้เงินแบงก์จะทำยังไงล่ะคราวนี้
กรองทอง - จะเอาเงินจากไหน
จินดารัตน์ - ทุกวันนี้ก็แย่แล้วนะคะ
สนธิ - ทุกวันนี้ก็แย่อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ที่มันบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียง 2.2 ล้านล้าน นี่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว อย่างหลายคน นักเศรษฐศาสตร์เก่งฉิบหายเลย บอกว่า ทำให้เศรษฐกิจดี มันจะดีได้ยังไงในเมื่อเงินในประเทศไม่มี เมื่อเงินไม่มีแล้ว แบงก์ต้องขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก เพื่อเรียกเงิน ระดมเงินฝาก ในขณะเดียวกันเงินกู้ซึ่งมันสูงอยู่แล้ว ก็สูงมากขึ้นกว่าเก่า แล้วพ่อค้าทั้งหลายมันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง แล้วถ้าพ่อค้าระดับล่าง ระดับกลาง มันตายห่ากันหมด แล้วมึงมีรถไฟขึ้นมา แล้วมีโครงสร้างต่างๆ เหล่านี้ มีไปทำไม ใครจะใช้ คือมันต้องคิดรอบด้าน แล้วคิดอย่างไม่มีกิเลส เอาอย่างนี้ คิดอะไรเพื่อส่วนรวม และคิดด้วยเหตุด้วยผล ควรหรือไม่ควร นั่นคือเศรษฐกิจพอเพียง
จินดารัตน์ - แต่นายกฯ เขาบอกว่า 2.2 ล้านล้าน บ้านเมืองเราไม่ได้ลงทุนเมกะโปรเจกต์มานานแล้วนะคะ ลงทุนครั้งนี้มันจะเป็นสมบัติให้กับคนรุ่นหลัง เป็นหน้าเป็นตาของประเทศไทย
สนธิ - แต่เขาไม่ได้คิดถึงหนี้สำหรับคนรุ่นหลังใช่มั้ย ที่ต้องแบกกัน
กรองทอง - กู้ชาตินี้ ใช้หนี้ชาติหน้า
สนธิ - เกิดชาติหน้ายังใช้ไม่หมด คืออะไรมันจะสำคัญเท่ากับความถูกต้อง ความสุขสบาย ความไม่เดือดร้อนของประชาชน ระหว่างความสุขสบาย ความไม่เดือดร้อนของประชาชนกับหน้าตาของประเทศ แอนจะเลือกอันไหน แค่นี้ยังคิดไม่ออก
กรองทอง - ใช่ คือตอนนี้ถ้าเป็นทางภาคธุรกิจ หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่พยายามจะเอาใจรัฐบาล ก็จะบอกว่า มันจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
สนธิ - ก็ใช่น่ะสิ เพราะภาคธุรกิจมันได้ไง บริษัทที่ผลิตเหล็ก บริษัทก่อสร้าง บริษัทใหญ่ๆ ได้ แล้วไอ้คนระดับกลาง บริษัทเล็กๆ คนที่หาเช้ากินค่ำ คนที่เป็นลูกจ้างเขา ได้อะไรบ้าง ไม่ได้อะไร
กรองทอง - ก้มหน้าก้มตามีหนี้
จินดารัตน์ - คนไม่กี่เปอร์เซ็นต์นะคะที่ได้ประโยชน์
สนธิ - น้อยมาก คือคนพวกนี้ไม่ได้เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง ถ้าเอาส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว เศรษฐกิจพอเพียงมันเกิดขึ้นทันที มันเกิดขึ้นทันทีเลยงานนี้
จินดารัตน์ - เขาบอกว่าไม่ต้องไปคิดถึงรถไฟความเร็วสูงนะว่า จะขาดทุนปีละเท่าไร เมื่อมีแล้ว ไปดูแอร์พอร์ตลิงก์ตอนนี้ก่อนดีกว่า ขึ้นไปต้องแขวนพระไปด้วยค่ะ
สนธิ - ก็ขาดทุนหมด ก็เพราะว่าพวกนี้เป็นนักการเมือง ไม่ได้เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เอาโครงการเป็นตัวตั้ง เพื่อตัวเองจะสูบเงินออกจากโครงการได้มากแค่ไหนก็ตาม ตัวเองพอใจแล้ว ประเทศจะฉิบหายตัวเองไม่สนใจ และผมพูดตรงนี้นะ นักการเมืองทุกคน พรรคการเมืองทุกพรรค เหมือนกันหมด ถ้าไม่เช่นนั้นเราจะมีไทยเข้มแข็งทำไม ถูกมั้ย จบ
กรองทอง - แล้วสรุปใครเข้มแข็งก็รู้กันอยู่นะ
สนธิ - ใครเข้มแข็งก็รู้อยู่
กรองทอง - ตอนนี้ตกลงใครที่เข้มแข็ง
สนธิ - มีฉาวโฉ่ทุจริตหมดไปเลย กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ไง หน้าห้องไง ที่นั่งอยู่ก็โดนข้อหา โกงกัน ใครบอกประชาธิปัตย์ไม่โกง
กรองทอง - แล้วเดี๋ยววันนี้ก็จะไปสร้างความชอบธรรมให้ผ่านในวาระ 2 ของ พ.ร.บ.เงินกู้ ด้วย 2 ล้านล้านบาท เขาจะลากให้จบคืนนี้
สนธิ - แล้วยังไง ก็นี่ไง สู้ในสภาไง
จินดารัตน์ - ความฉิบหายมาเยือน
สนธิ - ได้เหมือนกัน คือได้ทุ่มเก้าอี้ สรุปแล้วที่อยู่ในสภา อยู่เพื่อทุ่มเก้าอี้ใช่มั้ย
จินดารัตน์ - ดราม่ากันสุดๆ
สนธิ - ดราม่าสุดๆ เลย แล้วคนไทยก็มีส่วนหนึ่งซึ่งเป็นสาวกเขา ก็โง่พอที่จะสนุกสนาน ที่จะภูมิใจ ตื่นเต้น ดีจังเลย แหม นี่เขาสู้จริงนะ เขาทุ่มเก้าอี้นะ อุ๊ยตายแล้ว อุ๊ยเทิดทูน บูชา
กรองทอง - ทุ่มตั้งสองตัวนะ เก้าอี้น่ะ
สนธิ - เหนื่อยจริงๆ มันไม่มีอนาคตเลยนะ เหมือนกับที่ผมบอกไง รถไฟความเร็วสูงเราไม่ต้องการ ยิ่งลักษณ์บอกถ้ามันขาดทุนก็ต้องปล่อยให้มันขาดทุนไป ไม่ใช่เงินพ่อเงินแม่คุณ เงินภาษีอาการชาวบ้าน คุณไม่เอาเงินตระกูลชินวัตร เอาเงินพี่ชายคุณมาลงล่ะ เอาไหมเอาสัมปทานไป เอาไหม ว่าพี่ชายคุณมีตั้งแสนกว่าล้าน 2 แสนกว่าล้าน ไม่ใช่เหรอ ก็ไปกู้มาสิ พี่ชายคุณก็โม้ฉิบหายเลยไม่ใช่เหรอว่ารู้จักนักธุรกิจ เคยโม้ว่าจะเอานักธุรกิจพันล้าน หมื่นล้านมาลงทุนในประเทศไทยจำได้ไหม ก็เอาสิงานนี้ อย่ามาใช้เงินแผ่นดิน ไม่เห็นเอามาลงทุน มีแต่เอามากอบโกย แล้วพี่ชายคุณก็บอกว่า มีแต่เทค มีแต่เทค ผมนี่มีแต่กิฟ กิฟห่าอะไรคุณจำได้ไหมสึนามิมันบริจาคเท่าไหร่ 5 ล้าน
จินดารัตน์ - น้อยมาก มหาเศรษฐี
สนธิ - อภิมหาเศรษฐี ให้มา 5 ล้าน กินข้าวฟังเพลง ร้องคาราโอเกะกับใบเตย ยังตั้ง10 % ของ 5 ล้านเลย ทีอย่างนี้ได้
จินดารัตน์ - เขาบอกว่าทะเลเรียกพี่ค่ะทักษิณ
สนธิ - เค็มจะตายห่าคนนี้
จินดารัตน์ - เพราะตอนไป อ.อาจสามารถ จำได้ไหม ที่ไปดราม่า นอนมุ้ง เขาควักเงินให้คนขับรถไถที่พาเขาเข้าไปดูทุ่งนาดูหมู่บ้าน เขายังสะกิดคนข้างๆ เลย เงินตัวเองไม่ควัก 3 พัน
สนธิ - ผมอยากรู้ว่าตอนนี้อาจสามารถเป็นไง
จินดารัตน์ - อาจจะไม่สามารถแล้ว
สนธิ - คือสร้างภาพทั้งนั้น บ้านเมืองไทยทุกวันนี้ คือระบบการเมือง ไม่เคยมีครั้งไหนที่ประเทศไทยจะฉิบหาย เพราะนักการเมืองจริงๆ แล้วก็พูดกันดีนักอีปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ผมจะบอกให้รู้ ไอ้คนที่ทำให้ชาติฉิบหาย นอกจากพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักไทย อีกคนคือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน คุณปฏิวัติไปทำไม แล้วคุณกลับไปเป็นขี้ข้าทักษิณ ทำไปทำไม แล้วผมพูดมาตั้งนานแล้วนุ้ก ที่มันปฏิวัติเพราะว่า เขาจะปลดมัน อนุพงษ์ ปฏิวัติร่วมด้วย เพราะเขาจะปลดจากแม่ทัพภาค 1 แค่นั้นเอง นอกจากนั้นไม่มีอะไรเลย
กรองทอง - เรื่องส่วนตัวล้วนๆ
สนธิ - แล้ววันนี้ก็ไปเลียไข่ทักษิณ วันนี้ทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพเราไม่มีศักดิ์ไม่มีศรี ผมวันนี้ผมจำได้ผมเจอรุ่นร้องคนหนึ่งเป็นตำรวจเข้ามาไหว้ผม ผมพูดไงรู้ไหม คุณจำไว้ดีๆ นะ เงินทองก็สำคัญ แต่อย่างน้อยที่สุดศักดิ์ศรีสำคัญสุด เงินใช้หมดได้ แต่ศักดิ์ศรีไม่มีวันใช้หมดไหน แต่ว่าวันไหนศักดิ์ศรีไม่มี คุณมีเงินเยอะกี่พันกี่หมื่นล้านก็ไม่มีความหมาย เพราะว่าเขามาไหว้คุณเพราะว่าคุณมีเงิน แต่ถ้าคุณมีศักดิ์ศรี ถ้าเขามาทักมาไหว้คุณเพราะว่าเขาจริงใจกับคุณ เหตุผลเพราะคุณมีศักดิ์ศรี สังคมไทยเป็นสังคมที่ไม่มีศักดิ์ศรีไปแล้ว ไม่มีเกียรติยศ มีแต่เงินมีแต่ทองมีแต่ผลประโยชน์ทุกอย่าง
ฉะนั้นแล้วผมถึงบอกว่า สังคมไทยมันไม่มีอะไรเป็นบทเรียนดีเท่ากับต้องให้มันล่มสลาย เหมือนกับไอ้เพชรมันพูด เราตื่นมาตอนเช้าวันนี้ กูเจอ 2 ล้านล้าน เสร็จเเล้วกูมาเจอใบเตยได้ 5 แสนต่อการกินข้าวมือ้หนึ่ง ต่อการร้องคาราโอเกะ และ...... และกูก็นั่งรถติดมาทำงาน หาเช้ากินค่ำ สิ้นเดือนก็รอรับเงินเดือนต่อเหมือนเดิม นี่คือประเทศไทย
จินดารัตน์ - เขาบอกว่า ตอนนี้ประชากรไทยเปรียบเสมือนซอมบี้
สนธิ - ไม่ได้เหมือน เป็นอยู่แล้ว คนไทยแม่งเหมือนซอมบี้จริงๆ เพราะจิตวิญญาณขายได้หมดทุกคน หวังว่าเอเอสทีวีคงไม่ใช่อย่างน้อยที่สุด เรายังเป็นมนุษย์เต็มตัวอยู่ ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งสิ้น
จินดารัตน์ - แล้วพี่น้องพันธมิตรฯ นักศึกษามหาวิทยาลัยราชดำเนินเราด้วยนะคะ หลายคนเขาบอกว่า เขาก็ยังเป็นมนุษย์เหมือนเรา และเขาก็จะไม่ยอมให้ซอมบี้มากัดเขาเด็ดขาด
สนธิ - ไม่ได้อย่าให้ซอมบี้มากัดได้อย่างไร
กรองทอง - อย่ามาเผยแพร่เชื้อนะ อะไรอย่างนั้น
สนธิ - เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า 2.2 ล้านล้าน มันอธิบายเรื่องได้เยอะ มันอธิบายสันดานนักการเมืองไม่ใช่เฉพาะเพื่อไทย โยงกลับไปคนที่เริ่มโครงการแบบนี้ก็คือ ประชาธิปัตย์
จินดารัตน์ - โดนสวมตอทุกข์อีก
สนธิ - ทุกข์อีกแปลก เพื่อไทยสวมตอประชาธิปัตย์ ประชาธิปัตย์สวมตอเพื่อไทย สวมกันไปสวมกันมา
กรองทอง - เหมือนสืบทอดทายาทอสูร
สนธิ - ก็นี่ไง ระบบการเมืองไทยมันเป็นอย่างนี้ เคยมีไหมตั้งแต่เรามีการเลือกตั้งมา ประเทศไทยเคยเจริญไหม ทักษิณพูดตลอดเวลาเลย ประเทศไทยไม่เจริญ ก้าวไม่ทัน ก็จะก้าวทันได้อย่างไร เพราะว่ามีคนอย่างพวกคุณอยู่ และคุณไม่ใช่เทวดาจะมาทำประเทศไทยไป เพราะว่าคุณยิ่งอยู่นานเท่าไหร่ ประเทศไทยยิ่งฉิบหายมากเท่านั้น ครอบครัวคุณรวยขึ้น แต่คนไทยแม่งจนลง เป็นทาสเป็นขี้ข้าคุณ วันนี้คุณมี ส.ส.พรรคคุณเป็นขี้ข้าคุณ และคุณมีข้าราชการที่เป็นสุนัขรับใช้คุณ เหตุผลก็เพราะว่า คุณเลือกประโยชน์ให้เขา คุณยังต้องการประชาชนคนไทย 65 ล้านคน เป็นขี้ข้าคุณเต็มรูปแบบเลยใช่ไหม ที่ตื่นมาไม่ต้องทำห่าอะไร มาทำให้ทักษิณ ชินวัตร มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่า ทำงานส่งบ้าน ส่งรถ ทำงานหนักฉิบหายเลย เพื่อให้ทักษิณ ชินวัตร ร่ำรวยอยู่ และครอบครัวร่ำรวยอยู่กลุ่มเดียว
เพราะฉะนั้นเมืองไทยมีแบ่งคนเป็น 2 ประเภท ประเภทนึงคือ ขี้ข้า ประเภทนึงคือ สุนัขรับใช้ เราพยายามอย่าเป็นทั้งขี้ข้า และสุนัขรับใช้ เป็นมนุษย์ธรรมดาของเราที่มีคุณธรรม มีจริยธรรม มีศักดิ์ศรี มีเกียรติยศ เราไม่อดตายหรอก แต่เราก็ไม่ได้เดือดร้อนถ้าเราไม่มีกระเป๋าใบละแสนใช้ เราไม่เดือดร้อนอะไรเลย เรามีความสุขของเรา เราก็อยู่ของเราอย่างนี้ มีก็ใช้ระวัง ไม่มีก็ใช้น้อย เอื้อเฟื้อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เป็นสังคมมันเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์มันทำให้ผมพูดตลอดเวลา เพราะผมจะพูดก่อนๆ ที่จะมีเรื่อง แอนถ้าแอนจำได้ ผมบอกเลย หลายครั้งผมบอกว่า พวกเราอย่าทิ้งกันนะ รวมกลุ่มกันไว้ ถึงจะมีน้อยก็ไม่เป็นไร จำได้เปล่าแอนผมพูด
จินดารัตน์ - จำได้ค่ะ
สนธิ - 158 วัน ผมพูดตลอดเวลา เราต้องอยู่ด้วยกันนะ เราเข้าใจกัน เรามีอุดมการณ์ร่วมกัน เราเกาะกลุ่มกันไว้ แล้วเราจะเป็นกลุ่มเดียวที่รอดจากความฉิบหายของสังคมไทย แล้วไงผมยุติบทบาทที่ผมทำถูกไหมล่ะ ไปดูม็อบสวนยางเจ็บไหม เห็นไหม เป๊ะเลย แอนยอมรับหรือยัง ถูกต้องไหม ไม่ผิด ทำไมต้องให้เขาออก ก็เขาก็สู้ในสภาฯ เราก็สู้นอกสภาฯ ก็นี่ไง
จินดารัตน์ - แล้วเป็นไง
สนธิ - แล้วเป็นไง แล้วยังไง ไปถามม็อบสวนยางสิ แล้วยังไง
จินดารัตน์ - ไอ้ความเดือดร้อนความฉิบหายมันเกิดขึ้นทีละกลุ่มสองกลุ่ม ล่าสุดเก๋ กมลพร เขาไปบันทึกภาพที่เสม็ด น้องเขาโทรมาเล่าให้ฟังว่า วันนี้เขาบันทึกเทปรายการคุยกับประมงพื้นบ้าน ผู้ประกอบการรายยิบรายย่อย แม่บ้าน แม่ค้าอะไรทั้งหลาย มีคุณป้าคนนึงเขาบอก เอาไปออกเนี้ย ออกหมดเปล่า เขาถามอย่างนี้ เก๋บอกว่า หมดแน่นอนค่ะ รายการหนูจะไม่มีตัดเสียงเลย แน่นะ ช่อง 3 กับ 5 มาตัดเสียงเขาหมดเลย เขาก็เล่าด้วยความเจ็บแค้นเขาบอกว่า เสียแรงที่เลือกมานี่พรรคเพื่อไทย คุณยิ่งลักษณ์ บ้านฉันนี่นะ เป็นหัวคะแนนทุกคน วันนี้ไม่ช่วยสักนิดนึง แล้วยังปล่อยให้ ปตท.มาย่ำยีเราอีก โอ้ยแกใส่เป็นชุดๆ เลยค่ะ รับประกันเลยค่ะ แม่ขา แม่พูดได้เต็มที่เลยค่ะ
สนธิ - เข้าทางยายเก๋เลย
จินดารัตน์ - เก๋ ก็เลยบอกว่า พี่แอนคะ ช่วยเอาไปออกคนในข่าว วันพฤหัสฯ นี้ ติดตามชมกันให้ได้ น้องเก๋ไปคุยกับชาวบ้าน ไปฟังว่า วันนี้เขาเจออะไรบ้าง เขาได้รับความ คนเคาะข่าว จำรายการชื่อรายการตัวเองไม่ได้ ไปฟังดูว่า วันนี้เขาเจ็บช้ำน้ำใจขนาดใหญ่ ข้าราชการเองก็ไปเอื้อกับ ปตท. พอโดนด้วยตัวเองคนมันถึงตาสว่าง
กรองทอง - แล้วจะเริ่มมีคนตาสว่างมากขึ้นเรื่อยๆ เนอะ เหมือนกับเราต้องมีวัคซีนป้องกันตัวเราเอง และรวมไปถึงป้องกันคนอื่นๆ ด้วย
สนธิ - คนอื่นจะตาสว่าง มันต้องลงนรกแล้ว มันถึงจะตาสว่าง
กรองทอง - ต้องเห็นโลงศพก่อนถึงจะหลั่งน้ำตานี่หรอคะ
สนธิ - ไอ้พวกเรานี่มันเห็นแล้ว เรานี่มีข้อเสียอย่าง เรามักจะเห็นอะไรก่อนชาวบ้านเขา พอเราเห็นก่อน เราพูดไม่มีใครเชื่อ
จินดารัตน์ - รออีกนานเลยค่ะ
สนธิ - รออีก
จินดารัตน์ - กว่าพรรคพวกจะเห็น
สนธิ - ใช่ไหม แล้วพอถึงตอนนั้นก็โอดครวญกัน
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
สนธิ - เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มันเป็นสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม จริงๆ แอนเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้พูดเล่นเลยนะ
จินดารัตน์ - พักหลังพูดคำนึงบ่อยมาก กูบอกมึงแล้ว จบ
กรองทอง - เราเตือนคุณแล้ว
จินดารัตน์ - สุภาพนะ กูบอกมึงแล้ว จบข่าวไม่ต้องพูดอะไรอีกเยอะ
สนธิ - ช่วงหลังมันก็มีคนถามผมเหมือนกันนะ เพราะผมขี้เกียจพูด เรื่องบางเรื่องมันพูดจนกระทั่งมันขี้เกียจพูดแล้ว และเรื่องบางเรื่องขี้เกียจอธิบายอีกต่อไป ไม่รู้จะอธิบายไปทำไม
จินดารัตน์ - ตอนพูดปาวๆ ไม่รู้จักฟัง
สนธิ - เวลาพูดก็ไม่ฟัง ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ เสือกมากระแนะกระแหนมาด่าเราอีก
จินดารัตน์ - พอเจ็บปวดแล้วมาโทษกูอีก
สนธิ - เจ็บปวดแล้วยังมาโทษกูอีก
จินดารัตน์ - โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
สนธิ - จริงๆ
จินดารัตน์ - อดทนกันเนอะพวกเรา
สนธิ - ทนจริงๆ
จินดารัตน์ - มีความพยายามอธิบายให้คนโง่เขาเข้าใจด้วย แต่พักหลังเริ่มทำอย่างที่คุณสนธิบอก และพี่น้องพันธมิตรฯ หลายคนก็ทำอย่างนั้นแหละค่ะ
สนธิ - คือ
จินดารัตน์ - เวลาเหลือน้อย
กรองทอง - อย่าเสียเวลากับ
สนธิ - คือผมพูดมาตั้งหลายครั้งแล้วว่า คนจะชอบพูดตลอดเวลาว่า พวกคุณมีพันธมิตรฯ เหลืออยู่กี่คน ผมบอกประเด็นไม่ใช่เหลืออยู่กี่คนผมบอกประเด็นไม่ใช่เหลืออยู่กี่คน จะกี่คนไม่สำคัญ ขอให้เขาเข้าใจในอุดมการณ์เหมือนกัน จะ 2 คนก็ได้ จะ 3 คนก็ได้ จะ 4 คนก็ได้ จะกลุ่มเล็กๆ ก็ได้ แต่เป็นคนที่ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันแล้ว หรือพูดเรื่องอะไรขึ้นมา ทุกคนไม่ต้องอธิบาย ทุกคนรู้หมด พันธมิตรฯ เดี๋ยวนี้ที่เป็นทองคำแท้ ที่เราร่อนครั้งสุดท้ายมันมาถึงจุดที่เรียกว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เราแทบไม่ต้องอธิบายเลยนะแอน
จินดารัตน์ - ใช่ค่ะ
สนธิ - เข้าใจโดยอัตโนมัติทันทีเลยว่า มันเป็นเพราะอย่างนี้ มันถึงเกิดอย่างนี้ นี่แหละคือทองคำแท้ที่เราต้องการ ดีกว่าที่ประเภทเยอะไปหมด แล้วเรื่องมากฉิบหายเลย แต่ละคนกูจะเอาอย่างโน้น แต่ละคนกูจะเอาอย่างนี้ แล้วอัตราเยอะ หลายคนมาตำหนิว่า ผมไม่มีอัตรา ผมไม่ยอมไปรวมกลุ่มคนโน้นคนนี้ ผมรวมไม่ได้ เพราะว่าผมกับเขาคิดไม่เหมือนกัน เมื่อผมกับเขาคิดไม่เหมือนกัน ผมขออยู่อย่างคนที่มีอุดมการณ์ที่ผมเชื่อในสิ่้งที่ผมศรัทธา และสิ่งที่ผมศรัทธามันเป็นธรรม มันไม่ใช่ความผิด มันเป็นความถูกต้องผมไม่กลัว แล้วผมจะไปร่วมกับเขาทำไม แอน ใช่ไหม คืออย่างนี้พวกเราเหมือนกองทัพ 500 คน ของพระเจ้าตาก เรารวบรวมได้แค่ 500 คนพอแล้ว เราตีแหกออกไปแล้ว ส่วนเราจะตีเมืองจันท์ได้ไม่ได้นั้นอีกเรื่องนึงแล้ว เรากำลังเดินทางอยู่ เรารักกัน เราอยู่นี่เรารู้ว่า คนนี้อุดมการณ์เหมือนกัน คนอื่นช่างหัวมัน
จินดารัตน์ - ก็ช่วงที่แกนนำยุติบทบาท มีคนเข้ามากระแนะกระแหนว่า ดูสิจะเหลือกี่คนพันธมิตรฯ แกนนำเขาสลายตัวแล้ว คุณคิดผิดแล้ว เขารักกันมากกว่าเดิมอีก เพราะนี่เขายังถือว่าเขาพันธมิตรฯ เขายังเป็นพันธมิตรฯ และมีอุดมการณ์เหมือนเดิม แอนดูไลน์ที่พันธมิตรฯ อเมริกาเขาคุยกัน แอบยิ้มทุกวันเลยค่ะ แชร์กันเรื่องโน้นเรื่องนี้ เหมือนเดิมทุกประการ และเข้มข้นกว่าเดิมเยอะ
สนธิ - พวกพันธมิตรฯ อเมริกานี่น่าภูมิใจทุกๆ แห่งเลย เขาหนักแน่น อาจจะเป็นเพราะว่า 1.เขาอยู่ในเหตุการณ์ และเขาเป็นคนติดตามข่าวโดยตลอด และเขาคิดเป็น วิเคราะห์เป็น มีการศึกษาพอสมควรสูงหลายคน และเขาคิดเป็นเขารู้ทันทีเลยว่า สิ่งที่เราทำไม่ผิด เขามั่นคงกับพวกเรามาก ขอให้พวกเราซื่อตรงซื่อสัตย์ และไม่เปลี่ยน เขาก็ไม่เปลี่ยน เขาพร้อมจะไม่เปลี่ยน นี่เรื่องจริงกำลังหาทางที่จะเอา อ.ปานเทพ และพี่ตั้ว ไปพูดที่แอลเอสักครั้ง เพราะคุณเปิ้ลพันธมิตรฯ ที่แอลเอ บอกว่า อยากจะได้พี่ตั้วไป คือเขารำคาญผมแล้ว ผมไปบ่อย พูดบ่อย งวดนี้่ถ้าไปก็มีปานเทพ กับพี่ตั้วพูด ผมคงนั่งฟังอย่างเดียว
จินดารัตน์ - จากแกนนำมาเป็นผู้ประสานแล้วเหรอคะ
สนธิ - แต่ว่ามันมีปัญหาคือเวลาทั้ง อ.ปานเทพ และพี่ตั้ว เขาไม่ตรงกัน รอนิดหนึ่งแล้วกัน ผมพยายามจัดให้ลงตัว แต่พยายามไปให้ได้เดือนตุลาคมนี้ แต่มีพี่ตั้ว มี อ.ปานเทพ มีผม แต่ความที่ผมมันเฝือแล้วไง ก็ให้ อ.ปานเทพ กับพี่ตั้วขึ้น 2 คน
จินดารัตน์ - ระวังนะคะถ้า 2 คนนี้ไปไม่ได้ มีคนรอเสียบอยู่
สนธิ - ใคร
จินดารัตน์ - พี่เพชร พี่ดีน พี่โส รอเสียบอยู่
กรองทอง - ต้องปรึกษาท่านผู้ประสานงานก่อน
จินดารัตน์ - เดี๋ยวพันธมิตรฯ อเมริกา บอกว่า ถามผมบ้างไหมว่าอยากดูใคร วันนี้เล่นคุณโส ไปหลายดอก เสร็จแน่ๆวันพุธนี้
สนธิ - เสร็จแน่ๆ งานนี้ โดยเฉพาะดอกหมอนวด ตาย เปิดความลับมา
จินดารัตน์ - เดี๋ยวพักกันก่อนค่ะ ช่วงหน้ากลับมาช่วงสุดท้าย เรามาดูคุณสนธิพูดถึงวันนั้นประชุมกัน คุณสนธิพูดถึงจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน เล่าว่าจังหวัดนี้วันนี้เป็นอย่างไร นักศึกษาที่นั่นเป็นอย่างไร ฟังแล้วตกใจ เป็นเรื่องอะไรพักกันก่อนช่วงหน้าค่ะ
ช่วงที่ 3
กรองทอง - กลับมาช่วงสุดท้ายของคุยทุกเรื่องกับสนธิค่ะ อย่างที่่พี่แอนทิ้งท้ายไว้เมื่อเบรกที่แล้ว เรื่องที่คุณสนธิได้พูดถึงจังหวัดๆ หนึ่ง ทางภาคอีสาน
จินดารัตน์ - แอนก็เลยอยากให้คุณสนธิเล่า
สนธิ - คือมันไม่ใช่แค่จังหวัดนี้จังหวัดเดียวนะ ตอนนี้หลายจังหวัดในภาคอีสาน อุดรธานี ขอนแก่น มหาสารคาม ลักษณะจะคล้ายๆ กันไปหมดแล้วเดี๋ยวนี้ คือเดี๋ยวนี้ คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม มันแทบไม่มีเหลือเลย ทุกคนมุ่งกันที่เรื่องเงินเรื่องทองเป็นหลัก มุ่งกันที่วัตถุเป็นหลัก อย่างเช่น เดี๋ยวนี้ถ้าไปเที่ยวขอนแก่น คนที่ไปเที่ยวขอนแก่น เที่ยวกลางคืนขอนแก่น สถานที่บันเทิงทุกแห่ง เข้าไปดูสิ ผู้หญิงที่ให้บริการเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ นักศึกษาทั้งนั้น เรื่องจริง นักศึกษาทั้งนั้น อย่างเช่นที่มหาสารคาม มหาสารคามเป็นเมืองการศึกษา มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษามีหลายแห่ง นักศึกษามีเกือบแสนคน หอพักเต็มไปหมดเลย ข้อแรก เดี๋ยวนี้ไปดูหอพักที่คนแถวนั้นเขาอยู่สิ เป็นเรื่องปกติธรรมดาเลยที่นักศึกษผู้ชาย-ผู้หญิงอยู่กันแบบผัวเมีย อยู่กันเต็มไปหมดเลย พอตกเย็นก็มีอยู่ไม่น้อยเลยที่นั่งรถเพื่อนไป ผู้หญิงทั้งนั้น หน้าตาดีๆ เข้าเมืองขอนแก่นไปทำงานกลางคืน พอบาร์เลิก ผับเลิก ค่อยขับรถกลับมา ก็อาจจะมองในแง่ของการหาเงินเพื่อมาจับจ่ายใช้สอยในการเรียนหนังสือ ก็ต้องถามกลับว่า การศึกษาในเมืองไทยเดี๋ยวนี้ คนมีความสามารถ คนต้องการจะเรียน เดี๋ยวนี้มันเรียนไม่ได้แล้วเหรอ เพราะมันแพงเกินไปหรือไง นั่นคือข้อแรก ปัญหาข้อแรกที่ต้องมาวิสัชชนากันให้ได้ เพราะถ้าการศึกษายังเป็นอย่างนี้อยู่ อนาคตมันจะมีเหลือบ้างมั้ยให้รุ่นลูกรุ่นหลาน แล้วถ้าการศึกษามันเป็นอย่างนี้เพราะมันแพง คำถามมีต่อ แล้วคุณภาพที่ออกมามันคุ้มราคาเงินที่แพงมั้ย คำตอบคือไม่ ไม่คุ้ม เพราะเด็กที่จบปริญญาตรีเดี๋ยวนี้ใช้ไม่ได้เลย การศึกษาที่มันแพง คุณภาพที่มันห่วย ออกมา มันเกิดจากความที่เป็นภาพพจน์ที่จะต้องมาเรียนปริญญาตรีกันทุกคนหรือเปล่า ก็เลยทำให้ทุกคนไม่ต้องขวนขวาย เพราะขวนขวายไปแล้ว ก็ต้องไปหางานทำกัน คนที่หางานทำ ก็มีสองประเภท ประเภทหนึ่งตั้งใจเรียนหนังสือจริง หนัก หนักเอาเบาสู้ ทำงานร้านอาหารบ้าง เหมือนกับนักศึกษาหลายคนในกรุงเทพฯ อย่าไปว่าเขานะ เขาทำงานร้านอาหารนะ เขาทำงานสเวนเซ่นบ้าง เขาทำงาเคเอฟซีบ้าง เขาได้ชั่วโมงละ 25-30 บาท เขาก็สู้ เพื่อจะเอาเงินมาช่วย แล้วเขาก็ได้เงิน เขาเหนื่อยจริง แต่เขาได้เงินมาเลี้ยงดูปริ่มๆ จมูก ไม่เหลือ แต่เขาอยู่ได้ เขาต่อสู้ อีกประเภทหนึ่งก็คือ อย่างบ้านนอกไม่รู้จะไปทำยังไง มันก็มีที่ๆ เกิดขึ้น ก็คือสถานบันเทิง เข้าไปขายตัว เข้าไปทำงาน เข้าไปถูกสายตาลูบไล้ เข้าไปถูกแต๊ะอั๋ง เข้าไปเป็นเพื่่อนนั่งดริงก์ เพื่อจะเอาเงินมา เออถ้าเอาเงินมาแล้วรู้ว่ามาทำ แต่ดูแลตัวเองให้ดี เพียงเพื่อต้องการที่จะเอาตัวเองเข้าไปเรียนหนังสือให้จบ ก็ยังพอให้อภัยได้ แต่หลายคนได้เงินได้ทองไป จ่ายเงินจ่ายทอง ค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก เสร็จเอาเงินไปบำเรอตัวเอง ซื้อไอโฟน 5 มาใช้บ้าง
จินดารัตน์ - ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมแข่งกัน
สนธิ - ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมาบ้าง คำถามคือว่า เราจะมีอนาคตอะไรให้กับคนรุ่นต่อไปบ้าง ถ้ารัฐบาลมันยังเป็นอย่างนี้ แล้วรัฐบาลไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว สถาบันการศึกษาก็ไม่ใส่ใจในเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่นิดเดียว ผู้บริหารการศึกษาทุกวันนี้ก็มุ่งมั่นจะเอาเรื่องตำแหน่ง พอได้ตำแหน่งจะได้ผลประโยชน์ เมื่อได้ตำแหน่ง ได้ผลประโยชน์แล้ว ตัวเองก็ไม่สนใจเรื่องคุณภาพแล้ว เหมือนสถาบันการศึกษาเยอะเลยตอนนี้ที่สอนปริญญาโท เข้าในหลักคอนเซปต์ของ "จ่ายครบจบแน่" ทุกแห่ง เป็นอย่างนี้จริงๆ เมื่อเป็นอย่างนี้จริงๆ แล้วผมก็ถามต่อ เอ๊ะ ถ้าปริญญาตรีก็พึ่งไม่ได้ ปริญญาโทก็พึ่งไม่ได้ แล้ว ม.ปลาย สมัยนี้ก็ห่วยแตก พึ่งไม่ได้ แล้วเมืองไทยมันจะมีอนาคตตรงไหน มันไม่มีนะ เด็ก 2 คน จบ ม.ปลาย มา มีมหาวิทยาลัยอย่างเช่นรามคำแหง เดี๋ยวนี้ก็แพงแล้วนะ ไม่ใช่ถูกนะ คือเด็กของพวกนี้ แค่ให้เรียนรามคำแหงก็ไม่เรียน ไม่เท่ ต้อง ม.กรุงเทพ ม.รังสิต หอการค้า แย่หน่อยก็ศรีปทุม หรือธุรกิจบัณฑิตย์ ดีกว่ารามคำแหง นับประสาอะไรกับให้ไปเรียน มสธ. ยิ่งไม่มีทางเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ไอ้ภาพพจน์ หรือว่าความเชื่อมั่นที่ผิดๆ ในสังคมไทย ในเรื่องของภาพพจน์ในเรื่องของความเท่ห์ เรื่องโน้นเรื่องนี้มันเยอะเหลือเกินตอนนี้ มันเยอะจนกระทั่งทำให้เด็กรุ่นหลัง และพ่อแม่นี่ผิดเพี้ยนไปหมดเลย ไม่เข้าใจหลักการ ไม่เข้าใจแอน อันนี้เป็นอันตรายต่อสังคมไทยมาก เพราะว่าสังคมไทย สังคมทุกสังคมมันจะมีรุ่นต่อๆ ไป ซึ่งจะต้องแบกภาระของชาติบ้านเมืองต่อไป และถ้ารุ่นต่อไปคุณภาพมันไม่ไหวจริงๆ มันจะกลายเป็นขี้ข้า จะกลายเป็นสุนัขรับใช้ และยิ่งถ้ามีระบบการเมืองอย่างนี้ ก็ยิ่งเป็นขี้ข้าสุนัขรับใช้ของไอ้นักการเมืองชั่วๆ ที่เอาเงินมาทุ้ม
เพราะฉะนั้นประเทศไทยมันซื้อง่ายมาก มันซื้อง่ายจริงๆ เหมือนอย่างที่เขาเคยบอกว่า มีเงิน 2-3 หมื่นล้าน ซื้อเสียงตูมปังได้เสียงข้างมาก และสิ่งซึ่งพรรคเพื่อไทยทำ หรือเจ้าของพรรคเพื่อไทยทำ มันไม่ได้ทำห่าอะไรเลย มันจะซื้อประเทศไทย มันก็ค่อยๆ เปลี่ยนกฎหมายให้เอื้อมัน โดยอ้างคำว่าประชาธิปไตย ในขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้พยายามที่จะเปลี่ยนตรงนี้ เมื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ประชาธิปัตย์ก็ต้องการสร้างภาพพจน์ เพื่อตัวเองจะได้มีอำนาจต่อไป เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นแล้ว เราดูให้ดีๆ ถ้าเราตัดเรื่องโครงการจำนำข้าวออก ถ้าเราตัดเรื่องของ 2.2 ล้านล้านออกแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทยนี่เหมือนกันเป๊ะเลย ไม่ต่างอะไรกันเลย อธิปไตยของชาติไม่สนใจ ปัญหาแหล่งพลังงานของชาติไม่สนใจ ความเป็นอยู่ของประชาชนที่ถูก ปตท.รังแก ทั้งประชาธิปัตย์ ทั้งเพื่อไทยไม่สนใจ ไม่ได้พยายามต่อสู้ดิ้นรน และคนซึ่งแก้กฎหมาย เพื่อที่จะให้รัฐวิสาหกิจอย่าง ปตท.นี่แปรรูปได้ก็คือ ประชาธิปัตย์ คุณแก้กฎหมาย 11 ฉบับ และตอนหลังเพื่อไทยก็มาสวมตอต่อไง ทักษิณมาสวมตอต่อทันที
จินดารัตน์ - มันเหมือนร่วมมือกันยังไงไม่รู้
สนธิ - เหตุผลเพราะระบบมันเป็นอย่างนี้ไง ระบบการเมืองมันทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคมันชั่วเหมือนกัน เป็นเพียงแต่พรรคบางพรรคมันแอบชั่ว และเอียงอายออกมาปฏิเสธหมดเลย ไม่เกี่ยวแต่ว่าข้างหลังนี่น้ำลายไหลยืดชั่วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้ว คำพูดที่ผมพูดอยู่ตลอดเวลาว่า พรรคๆ นึงใส่เสื้อนอก แต่ปล้นคน ให้คนตายใจแล้วไปปล้น เหมือนกับพรรคๆ นึงถือดาบ และถือปืนไปปล้นเลย เหมือนกัน
กรองทอง - มันก็คือปล้นเหมือนกัน
สนธิ - ปล้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคนไทย คนไทยในขณะนี้ แล้วคุณภาพการศึกษาไปดูสิ คุณว่าการศึกษานี่มันเลวลงไปเรื่อยๆ เลยนะ คุณภาพสาธารณสุขก็เลวลง เลวตรงไหนรู้ไหม วันนี้โรงพยาบาลหมอ นักการเมือง ภูมิใจบอกว่า เดี๋ยวนี้คนเข้าโรงพยาบาลเยอะขึ้น แล้วเรารักษาคนหายเร็วขึ้นมากขึ้น ซึ่งมันต้องเป็นมุมกลับตรงกันข้าม มันควรจะกลายเป็นว่า เดี๋ยวนี้คนเข้าโรงพยาบาลน้อยลง ถูกไม่ถูก
กรองทอง - ใช่ คือมันควรเป็นสาธารณสุขในเชิงป้องกัน การที่ไม่มีคนเข้าโรงพยาบาล
จินดารัตน์ - วันนี้รักษาอย่างเดียว
สนธิ - เน้นรักษาไง เน้นโน้นเน้นนี่ เน้นไปหมดทุกอย่าง แต่ในที่สุดก็คือ เพื่อให้คนเข้ามารักษาเยอะๆ สังคมที่มีสุขภาพที่ดี ต้องเป็นสังคมที่สร้างโรงพยาบาลน้อยที่สุด นี่เรามีแต่เพิ่มโรงพยาบาลตลอดเวลา เหมือนกับสังคมที่เราต้องเพิ่มกำลังตำรวจตลอดเวลาเพื่ออะไร เพราะอาชญากรรมมันเยอะขึ้น แต่เราไม่เคยถามว่า ทำไมถึงเพิ่มขึ้น ทำไมคนถึงป่วยเพิ่มมากขึ้น ใช่ไหม เพราะฉะนั้นประเทศไทย เป็นประเทศที่ผมจะพูดอย่างไรดี แก้ไขไม่ได้ต้องเปลี่ยนหมดเลย ต้องล้างประเทศ ไม่ล้างไม่ได้จิรงๆนะ แล้วมันกระทบไปหมดเลยทุกอย่างนะ การศึกษา สาธารณสุข กระบวนการยุติธรรม มันเหมือนเกินเยียวยาจริงๆ มันก็เลยจบลงที่ว่า มันจะมีกลุ่มอย่างพวกเรา ที่มารวมตัวกัน แล้วก็ไม่ยอมตกอยู่ในกระแสของความชั่วร้าย พยายามต้านมันทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะต้านมันด้วยสุขภาพ ความคิด เหมือนอย่างผม กินข้าวมา ตื่นมาตอนเช้า เดี๋ยวนี้ตี 4 ครึ่งผมลุกขึ้นมาแล้วนะ
จินดารัตน์ - ตามอายุหรือเปล่าคะ
สนธิ - ไม่ใช่ แหม หมั่นไส้ พอตื่นมาสิ่งแรกที่ต้องทำอะไรรู้ไหม ผมใช้เวลาชั่วโมง ตีห้าครึ่งมาจัดการกับเรื่องส่วนตัว ประการแรก กินน้ำมันมะพร้าว จิบเย็น 3 ช้อนโต๊ะ เพื่อที่จะให้ร่างกายตอนกลางวันมีการเผาผลาญมากขึ้น 2 หยอดตาที่เป็นต้อหิน 3 กินน้ำเอนไซม์ ที่ชงกิน 4 กินน้ำด่างอีก 4-5 แก้ว เพื่อช่วยเรื่องการขับถ่าย 5 นั่งอ่านหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี เล็กน้อย 6 เข้าห้องน้ำ ขับถ่าย 7 แปรงฟันด้วยผงถ่าน ที่ตำๆ เมื่อสักครู่ แล้วแปรงตามด้วยน้ำมันเขียว ให้เหงือกมันยึด ออกกำลังกายสัก 10 นาที แล้วก็แต่งตัวไปถึงที่ทำงานก่อน 6 โมงเช้า มันมีความรู้สึกว่าในขณะนี้เราต้องดูแลตัวเราเองให้ดี สภาพจิตใจเราเองให้ดี เมื่อสุขภาพเราดีแล้ว จิตใจเราต้องไม่คิดมาก เราต้องปล่อยวางเป็น บางครั้ง วันนี้มีคุณยาย คุณป้าคนหนึ่งมาจากพิษณุโลก ป้าทิพย์ นักเลงไม่ยอม บอกป้า เย็นๆไว้ ไม่เย็นแล้ว คือถ้าผมเป็นแบบคุณป้าผมตายไปแล้วนะแอน ถ้าผมไม่นิ่ง ผมเจอแต่ละเรื่องนะแอน เหมือนอย่างผมไปที่ระยอง ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมิ่นประมาท พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ฟ้องผม ศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท คดีหมื่นประมาทนะ ไม่มีรอลงอาญา ไออาร์พีซี บริษัทที่ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เป็นประธาน อยู่ที่ระยอง แล้วเขาฟ้องผมที่ศาลระยอง พอศาลอุทธรณ์พิพากษาเพิ่มโทษอีก 4 เดือน เอาข้อหาหนึ่งซึ่งศาลต้นยกฟ้องมาเพิ่มเป็น 2 ปี 4 เดือน ปรับจาก 2 แสน เป็น 5 ล้านบาท ผมก็ยังยืนยิ้มอยู่นะ เพราะผมทำใจ เพราะศาลอุทธรณ์ภาค 2 มาอยู่ที่ระยอง ผู้พิพากษามี 11 คน เมืองเล็กๆอย่างนั้น ทุกคนรู้จักทุกคน แล้วไออาร์พีซีก็บริษัทใหญ่ ผมก็ต้องทำใจ ผมก็ต้องไปชี้ที่ศาลฎีกา ต้องไปฎีกาต่อ ทีนี้ถ้าผมจิตไม่สงบ ไม่นิ่ง และถ้าผมไม่ทำความเข้าใจกับมัน ผมเครียดแค้นอะไรกัน ตั้งแต่เขาฟ้องผมที่ระยองผมก็รู้แล้ว โอกาสที่ผมชนะ น้อย เข้าใจหรือยังแอน นึกออกไหม
จินดารัตน์ - แต่ปรับตั้ง 5 ล้าน
สนธิ - แค่อ่านคำพิพากษาก็รู้แล้ว ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราเข้าใจไง แต่เราไม่ว่า เพราะเราพูดตลอดเวลาว่าเราจะยอมรับหลักนิติรัฐ แต่บางครั้งถ้าหลักนิติรัฐไม่แฟร์กับเรา เราก็ต้องทน ทนเพื่อหลักการของนิติรัฐ ถามว่าถ้าศาลฎีกาวันหนึ่งเขาพิพากษาจำคุกผม ผมจะหนีไหม ผมไม่หนีหรอก ผมยอม เพราะชีวิตผมทั้งชีวิตผมสู้เพื่อหลักนิติรัฐ แล้วผมจะปฏิเสธทำไมถ้าศาลฎีกาพิพากษาจำคุกผม ดีเสียอีก ผมจะได้บอก ประกาศเลยว่าทักษิณ กลับมาติดคุกบ้างได้แล้ว
จินดารัตน์ - บอกมีเพื่อนแล้วมา
สนธิ - ไม่ใช่มีเพื่อน ผมไม่หนีไง แล้วคุณหนีทำไม ผมไม่เคยพูดสักแอะเลยนะว่าผมโดนแกล้ง แต่พฤติกรรมหลายอย่าง คนอ่านดูพิสูจน์ดูก็รู้ ดูสิ่งแวดล้อมก็รู้ ผู้พิพากษาหลายคนที่ผมก็ไม่ใช่ไม่รู้จักคนที่เป็นผู้พิพากษา อดีตประธานศาลฎีกาผมก็รู้จักหลายคน สนิทกับผมก็หลายคน ท่านอ่านคำพิพากษายังหัวเราะเลย มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละคุณสนธิ
ฉะนั้นผมถึงบอกว่าชนะคดีก็อย่าลำพอง แพ้คดีก็อย่าท้อถอย เพราะว่าเราไปเชื่อในหลักนิติรัฐไง เราต้องยืนตรงนี้ให้มั่น เพราะถ้าเรายืนไม่มั่นแล้ว หลักนิติรัฐมันจะอยู่ไม่ได้ อย่างน้อยที่สุด ดีๆชั่วๆส่วนใหญ่มันยังดีอยู่ เห็นหรือยังแอน
กรองทอง - บางทียังมานั่งคิดเหมือนกันนะว่า เราไม่เคยรู้เลยว่าในสัปดาห์หนึ่งคุณสนธิต้องไปขึ้นศาลกี่คดี ในขณะที่ทักษิณ ขอโทษเลยนะที่ต้องเอามาเทียบ คือมันโดนพิพากษาคดีไปจริงๆแค่คดีเดียว มันพูดมา 7 ปีแล้วไง
จินดารัตน์ - มันตีโพยตีพาย พูดมา 7 ปี ทุกวันนี้ก็ยังพูดอยู่
สนธิ - ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เราไม่เคยพูด อุทธรณ์ยกเราดีใจแต่เราไม่ลำพอง ถ้าฎีกาเราแพ้เราก็เราก็โอเคยอม สุดก็สุด ไม่เห็นเป็นไรเลย แล้วยังไง
จินดารัตน์ - แต่คดีไหนที่มันชนะนะ มันยกยอปอปั้น เหมือนหนังคนละม้วน
สนธิ - ชมกระบวนการยุติธรรมว่ายุติธรรม
กรองทอง - มีความเป็นกลาง อะไรก็ตามที่เป็นกลางต้องกลางใจทักษิณนะ ถึงจะเป็นกลาง
สนธิ - ทีนี้อิทธิพล เงิน มันก็คืบคลานเข้ามาในกระบวนการยุติธรรมเยอะมาก ตำรวจนี่หมดแล้ว อัยการผมว่า 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ตุลาการนี่ก็เข้าไปเยอะแล้ว เราก็ต้องทำใจ บางทีมันแล้วแต่ดวงนะ ดวงตรงไหนรู้ไหม สำนวนเราไปตกมือใคร ดวงจริงๆ วัดดวง เพราะมันเป็นดุลยพินิจทั้งนั้นเลยนะ อุลยพินิจนะ จะพิพากษาซ้ายก็ได้ ขวาก็ได้ เข้าใจหรือยัง แล้วที่สำคัญคือว่าคดีหมิ่นประมาทมันไม่ใช่คดีอาชญากรรม ไม่ใช่คดีโกงชาติบ้านเมือง แล้วเป็นคดีโดยสถานภาพเราเป็นสื่อมวลชน เรามีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ถ้ามันเกินเลยไปคิดว่าเราผิด นี่ไม่ได้ขอความเห็นใจเรานะ อย่างมากก็ควรจะรอลงอาญา แต่ผม จะเป็นอะไรบางอย่าง โอกาสรอลงอาญาผมน้อยมากนะ ลงทุกเม็ด ไม่รอลงอาญา เหมือนกับมีธงตั้งเอาไว้เลยว่า ต้องเอาสนธิให้ได้
กรองทอง - ถ้าไม่ตายก็ติดคุกแล้วกัน
สนธิ - แต่ทุกอย่างทุกวันนี้ที่เราอดทนเพราะคำว่าหลักนิติรัฐ เราเบี้ยวไม่ได้ เราเกเรไม่ได้ เราอาละวาดไม่ได้ เพราะเราต้องการรักษาหลักนิติรัฐเอาไว้ คำพิพากษาเขาดีมากเลยนะ เขาบอกโจทก์ก็คือ พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มีชื่อเสียง มีเกียรติประวัติทำคุณงามความดีแก่ชาติบ้านเมือง เราฟังแล้วเราจะหัวเราะ ไม่เป็นไร เข้าใจยัง แล้วไอเลย
กรองทอง - ไอๆ
จินดารัตน์ - อะไรติดคอไม่รู้
สนธิ - ท่านประธานศาลฎีกา อดีตประธานศาลฎีกาท่านรู้ดีกว่าผม อย่าเอ่ยชื่อเลยว่าใคร สนธิ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 อยู่ที่ จ.ระยอง มีผู้พิพากษาอยู่ 11 คน ระยองเมืองมันเล็ก
จินดารัตน์ - มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนี้แหละ
กรองทอง - แล้วเรารู้หรือยังคะว่า ศาลฎีกานี่จะยังไงคะ ในชั้นฎีกา
สนธิ - ก็ต้องสุดแล้วแต่อีก ก็มีหลายคณะ
จินดารัตน์ - จะใช้เวลาอีกนานแค่ไหนคะ
สนธิ - ก็อีกสักปีสองปีมั้ง ไม่แน่คดีผมอาจจะเร่งก็ได้ ใช่ไหมแอน
กรองทอง - อยู่ที่ดุลพินิจ
สนธิ - อยู่ที่ดุลพินิจ ทีนี้ไอ้เรื่องของพวกนี้เราไม่เคยบ่นให้ใครฟังเข้าใจเปล่า พี่น้องพันธมิตรฯ ก็ไม่รู้
จินดารัตน์ - เดินขึ้นศาลเป็นว่าเล่นเลยค่ะ เดือนนึงไม่รู้กี่ครั้ง
สนธิ - นี่วันที่ 26 อีกคดีนึงนะ ศาลอุทธรณ์ วันที่ 1 ตุลาฯ ก็อีกคดีนึงศาลอุทธรณ์
กรองทอง - คิวแน่นนะคะ
สนธิ - เดือนนี้ฟัง 5 คดี ศาลฎีกา 1 คดีจบไปแล้ว คดีสั่ง ศาลอุทธรณ์ 1 คดีฟังไปแล้ว ศาลอุทธรณ์ 2 คดีฟังไปแล้ว เหลืออีก 2 คดี 26 ตุลาฯ
จินดารัตน์ - หมิ่นเหมือนกันหรือคะ
สนธิ - ศาลวันที่ 1 ตุลาฯ เป็นคดีมาตรา 12 คดีดา ตอร์ปิโด ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง อัยการเขาอุทธรณ์
กรองทอง - อุทธรณ์ด้วยหรอคะ
จินดารัตน์ - ขยันอุทธรณ์
สนธิ - เรื่องผมนี้เขาต้องอุทธรณ์ แต่เรื่องคุณหญิงอ้อเขาไม่อุทธรณ์ เขาบอกว่าเขาไม่ต้องฎีกา
จินดารัตน์ - แถมถูกให้ออกจากราชการซี 8 ยังได้กลับมาเป็น ผอ.แล้ว และเป็นตำแหน่งที่ เป็นตำแหน่งวาระพิเศษ ที่เมื่อคนนี้เกษียณไปแล้ว เขาจะไม่มีตำแหน่งนี้ คือมีตำแหน่งนี้สำหรับคนๆ นี้ เอาให้เต็มตีนกันไปเลย
สนธิ - เอาให้สุดซอย
จินดารัตน์ - มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ
สนธิ - มันก็เป็นของมันอย่างนี้แหละ
จินดารัตน์ - ไม่รู้จะพูดว่าอะไรดี วันนี้ขอบคุณสำหรับการติดตามชมนะคะ ต้องลาไปก่อนแล้วค่ะ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าสวัสดีค่ะ/ ครับ