ประจานรัฐล้มเหลวแก้ค่าครองชีพ ร้านจานด่วนขึ้นป้ายขอปรับราคาเมนูละ 5-10 บาท ส่วนใหญ่เริ่ม 1 ก.ย.ที่ผ่านมา และอีกล็อต 16 ก.ย.นี้ อ้างวัตถุดิบทุกอย่างแพงขึ้น เมนูไข่ก็ไม่แพ้กัน ไข่ดาว 10 บาท ไข่เจียว 15 บาท พบนมซีพีสวนนโยบายตรึงราคา ขอขึ้นราคาแล้ว ปชป.แฉ รัฐบาลยิ่งลักษณ์ บริหาร 2 ปี ทำ “จนทั่วราชอาณาจักร” พืชผักแพง 76% ส่วน“ปูสด”พุ่ง 4 เท่า คาดปลายปีราคาสินค้าสูงกว่านี้ หลังผู้ประกอบการอั้นราคาไว้ไม่อยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า จากการสำรวจร้านอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า มีร้านค้าเป็นจำนวนมากที่ได้มีการแจ้งต่อลูกค้าขอปรับขึ้นราคาสินค้าเมนูละ 5 เป็นอย่างต่ำ และมีบางร้านที่แจ้งปรับขึ้นราคาเมนูละ 10 บาท และยังได้พบหลักฐานว่ามีการแชร์ภาพร้านค้าที่ขอปรับขึ้นราคาผ่านโซเซียลมีเดียกันอย่างแพร่หลาย โดยส่วนใหญ่ได้มีการปรับขึ้นราคามาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.56 และบางร้านแจ้งว่าจะปรับขึ้นราคาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.56 เป็นต้นไป
สำหรับเมนูอาหารที่ได้แจ้งลูกค้าขอปรับขึ้นราคา เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหน้าเป็ด ผัดไท เกาเหลาเลือดหมู ข้าวผัดปู ซาลาเปา และอาหารตามสั่งต่างๆ ส่วนเมนูไข่ ได้แจ้งขอปรับราคาเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยไข่ดาวจากฟองละ 5 บาทเป็น 7-10 บาท ไข่เจียว 10-15 บาท
สาเหตุที่ร้านค้าส่วนใหญ่แจ้งต่อลูกค้าเพื่อใช้ขอปรับราคา ได้ระบุว่า เป็นเพราะราคาวัตถุดิบได้ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า น้ำมันพืช ข้าวสาร ไข่ไก่ หมู เนื้อ ไก่ รวมถึงเครื่องปรุงรส
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในส่วนนมสดพาสเจอร์ไรส์ บริษัท ซีพี เมจิ จำกัด ได้แจ้งไปยังร้านค้าเพื่อขอปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมขนาด 2000 ซีซี และ 5000 ซีซี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2556 โดยให้เหตุผลว่าน้ำนมดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบได้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนอื่นๆ ได้มีการปรับขึ้น จึงต้องขอปรับเพิ่มราคา
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาอาหารจานด่วนมีราคาสูงขึ้น ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเพิ่มความเข้มแข็งให้กับร้านอาหารในโครงการธงฟ้า เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้บริโภคอาหารจานด่วนในราคาที่เหมาะสม โดยเชื่อว่าหากสามารถสร้างเครือข่ายร้านอาหารธงฟ้าให้มีความเข้มแข็ง จะช่วยกดราคาอาหารจานด่วนในท้องตลาดให้ปรับลดลงมาได้ ส่วนร้านอาหารในท้องตลาดที่มีการปรับขึ้นราคา ก็ต้องไปดูแลว่ามีการปรับขึ้นราคาที่เหมาะสมหรือไม่
“ปัญหาของอาหารจานด่วนในขณะนี้ เป็นการปรับราคาขึ้นตามกันมากกว่า แต่ข้อเท็จจริง วัตถุดิบในการผลิตมีทั้งขึ้นและลง ซึ่งอาหารจานด่วนไม่สามารถใช้กฎหมายเข้ามาดูแลได้ แต่ต้องเพิ่มช่องทางเลือกให้กับประชาชน และเชื่อว่าหากร้านอาหารธงฟ้าได้รับความนิยม ราคาอาหารในท้องตลาดปกติก็จะปรับลดลงตาม”นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว
สำหรับการจัดทำข้าวถุงธงฟ้า เพื่อขายให้กับประชาชนและผู้ประกอบการร้านอาหารในราคาพิเศษ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก เบื้องต้นคณะทำงานจัดทำข้าวถุงที่มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ จะแถลงข่าวในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเริ่มขายข้าวถุงธงฟ้าได้ภายในสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.2556 ในราคาไม่เกิน 85 บาท/ถุง ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าข้าวถุงในท้องตลาดประมาณ 20%
ส่วนการดูแลสินค้ารายการอื่นๆ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งยังไม่มีสินค้ารายการใดขอปรับราคาเข้ามา และยังไม่จำเป็นต้องทบทวนรายการบัญชีสินค้าควบคุมที่อยู่ในความดูแลของคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ทั้งนี้ สินค้าหลายรายการได้ปรับลดราคาลงมาแล้ว เช่น เนื้อหมู น้ำมันพืช มีเพียงไข่ไก่ที่ปรับราคาขึ้น แต่เชื่อว่าสถานการณ์ไข่ไก่จะเป็นปกติในเร็วๆ นี้ โดยในการดูแลค่าครองชีพ ไม่จำเป็นต้องของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อมาจัดทำโครงการธงฟ้า แต่จะใช้งบปกติในการดำเนินงาน
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า มีแผนที่จะเพิ่มร้านอาหารมิตรธงฟ้าให้ได้เดือนละ 50 แห่ง จากปัจจุบันที่มีร้านอาหารในเครือข่ายมิตรธงฟ้าประมาณ 6,000 แห่ง เพื่อเป็นช่องทางในการเข้าไปดูแลราคาอาหารจานด่วนในตลาด ส่วนราคาอาหารจานด่วนในท้องตลาดที่มีการปรับขึ้นราคา หากประชาชนเห็นว่าปรับขึ้นราคาสูงเกินความเหมาสมสามารถส่งเรื่องร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 โดยกรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ กรมฯ จะเชิญผู้ประกอบการตลาดสดมาหารือ เพื่อสร้างเครือข่ายให้ร้านอาหารมิตรธงฟ้าสามารถซื้อวัตถุดิบราคาพิเศษในตลาดสดที่อยู่พื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับที่ร้านอาหารมิตรธงฟ้าตั้งอยู่ เป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับร้านอาหารที่ให้ความร่วมมือกับกรมฯ และจะหารือกับสมาคมภัตตาคารไทยเพื่อสอบถามสถานการณ์ราคาอาหารในปัจจุบัน และจัดหามาตรการในการดูแลต่อไป
***ปชป.ฟันธงสิ้นปีราคาสินค้าโหดกว่านี้
นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาสินค้าราคาแพงว่า เป็นเพราะรัฐบาลมีทัศนะที่ผิด ที่ไม่ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า สินค้าราคาแพงจริง แต่กลับออกมายอมรับในสินค้าบางชนิดเท่านั้น ว่าปรับตัวสูงขึ้นจริง เพราะหากยอมรับว่า สินค้าทั้งหมดมีราคาแพง ก็จะเท่ากับยอมรับว่ารัฐบาลบริหารงานผิดพลาด จากเดิมที่รัฐบาลอ้างว่า แพงเพราะคิดไปเอง แต่ตอนนี้ก็พยายามมาอ้างว่า เป็นเพราะสื่อลงข่าวเยอะ ซึ่งถือว่าเป็นทัศนะที่ผิด และจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาลตามมา
ส่วนโครงการธงฟ้า ที่รัฐบาลกำลังจะออกมานั้น ก็ช่วยเหลือประชนได้ไม่ทั่วถึง ประชาชนที่อยู่ห่งไกล หมดสิทธิ์ และจะมีขายเฉพาะสินค้าที่รัฐบาลคิดว่าแพง เช่น ไข่ไก่ ขณะที่บางสิ่งสำคัญ กลับไม่มี จึงส่งผลให้สินค้ายังแพงทั้งแผ่นดินอยู่ต่อไป และเชื่อว่าปลายปีนี้ ราคาสินค้าจะยิ่งสูงขึ้นมากกว่านี้ เพราะผู้ประกอบการอั้นราคาไว้ไม่ไหว
***จี้นายกฯ ปูลงมาแก้ปัญหาสินค้าแพง
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เข้ามาบริหารประเทศ ตนได้นำราคาสินค้าของ 2 ตลาดหลัก มาแสดงให้ทราบว่ามีราคแพงจริงหรือไม่ คือ 1. ตลาดยิ่งเจริญ โดยราคาสินค้าในช่วง ส.ค. 54 คือ ตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาบริหารประเทศ จนถึงขณะนี้ วันที่ 11 ก.ย. 56 ราคขายปลีกอาหารสด สูงขึ้นถึง 27.5 % 2. ตลาดไทย จนถึงเดือนก.ค.สินค้าแพงขึ้น 25.4 % แบ่งเป็นผลไม้สูงขึ้น 20.5% พืชไร่ 76.4 % จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาแก้ไข ไม่ใช่นั่งเทียนอยู่ในห้องแอร์
***แฉ"ปูสด"แพงขึ้น 4เท่า
นายสรรเสริญกล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้อง และเสนอแนะรัฐบาล 3 ประเด็น คือ 1. รัฐบาลต้องประเมินสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ไม่ใช่ไปประเมินจากเงินเฟ้อ 2. เลิกโทษแม่ค้าขายข้าวแกง เพราะราคาที่แพง มาจากอาหารสดที่มาจากต้นน้ำที่รัฐบาลสร้างขึ้น 3. ปัญหาค่าแรง 300 บาท ที่ส่งผลให้ต้นทุนราคาสินค้าแพงขึ้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลประเมินความเดือดร้อนของประชาชน จากการประเมินจากราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ และต้องยอมรับว่า ราคาสินค้าขายส่ง และขายปลีก เกิดปัญหาจากต้นน้ำ จึงทำให้เกิดผลกระทบกับทั้งระบบ รวมทั้งรัฐบาลต้องทบทวนมาตรการในการชดเชยให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
“รู้หรือไม่ สินค้าอะไรแพงที่สุดในรัฐบาลชุดนี้ ผมขอฝากเป็นของแถมคือ ปูครับ คือแพง 4 เท่าตัว ปูทะเลเป็นๆ แพงถึง 400 % ผมไม่รู้เป็นเพราะอะไร นอกจากจะตีความว่า นอกจากบริหารไม่เป็น เที่ยวต่างประเทศ และยังกินยากด้วย”นายสรรเสริญ กล่าว.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า จากการสำรวจร้านอาหารปรุงสำเร็จ (จานด่วน) ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่า มีร้านค้าเป็นจำนวนมากที่ได้มีการแจ้งต่อลูกค้าขอปรับขึ้นราคาสินค้าเมนูละ 5 เป็นอย่างต่ำ และมีบางร้านที่แจ้งปรับขึ้นราคาเมนูละ 10 บาท และยังได้พบหลักฐานว่ามีการแชร์ภาพร้านค้าที่ขอปรับขึ้นราคาผ่านโซเซียลมีเดียกันอย่างแพร่หลาย โดยส่วนใหญ่ได้มีการปรับขึ้นราคามาตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.56 และบางร้านแจ้งว่าจะปรับขึ้นราคาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.56 เป็นต้นไป
สำหรับเมนูอาหารที่ได้แจ้งลูกค้าขอปรับขึ้นราคา เช่น ก๋วยเตี๋ยว ข้าวหน้าเป็ด ผัดไท เกาเหลาเลือดหมู ข้าวผัดปู ซาลาเปา และอาหารตามสั่งต่างๆ ส่วนเมนูไข่ ได้แจ้งขอปรับราคาเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยไข่ดาวจากฟองละ 5 บาทเป็น 7-10 บาท ไข่เจียว 10-15 บาท
สาเหตุที่ร้านค้าส่วนใหญ่แจ้งต่อลูกค้าเพื่อใช้ขอปรับราคา ได้ระบุว่า เป็นเพราะราคาวัตถุดิบได้ปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า น้ำมันพืช ข้าวสาร ไข่ไก่ หมู เนื้อ ไก่ รวมถึงเครื่องปรุงรส
นอกจากนี้ ยังพบว่า ในส่วนนมสดพาสเจอร์ไรส์ บริษัท ซีพี เมจิ จำกัด ได้แจ้งไปยังร้านค้าเพื่อขอปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์นมขนาด 2000 ซีซี และ 5000 ซีซี มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2556 โดยให้เหตุผลว่าน้ำนมดิบ ซึ่งเป็นวัตถุดิบได้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้น รวมถึงต้นทุนอื่นๆ ได้มีการปรับขึ้น จึงต้องขอปรับเพิ่มราคา
นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาอาหารจานด่วนมีราคาสูงขึ้น ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในเพิ่มความเข้มแข็งให้กับร้านอาหารในโครงการธงฟ้า เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้บริโภคอาหารจานด่วนในราคาที่เหมาะสม โดยเชื่อว่าหากสามารถสร้างเครือข่ายร้านอาหารธงฟ้าให้มีความเข้มแข็ง จะช่วยกดราคาอาหารจานด่วนในท้องตลาดให้ปรับลดลงมาได้ ส่วนร้านอาหารในท้องตลาดที่มีการปรับขึ้นราคา ก็ต้องไปดูแลว่ามีการปรับขึ้นราคาที่เหมาะสมหรือไม่
“ปัญหาของอาหารจานด่วนในขณะนี้ เป็นการปรับราคาขึ้นตามกันมากกว่า แต่ข้อเท็จจริง วัตถุดิบในการผลิตมีทั้งขึ้นและลง ซึ่งอาหารจานด่วนไม่สามารถใช้กฎหมายเข้ามาดูแลได้ แต่ต้องเพิ่มช่องทางเลือกให้กับประชาชน และเชื่อว่าหากร้านอาหารธงฟ้าได้รับความนิยม ราคาอาหารในท้องตลาดปกติก็จะปรับลดลงตาม”นายนิวัฒน์ธำรงกล่าว
สำหรับการจัดทำข้าวถุงธงฟ้า เพื่อขายให้กับประชาชนและผู้ประกอบการร้านอาหารในราคาพิเศษ ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก เบื้องต้นคณะทำงานจัดทำข้าวถุงที่มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ จะแถลงข่าวในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะเริ่มขายข้าวถุงธงฟ้าได้ภายในสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.2556 ในราคาไม่เกิน 85 บาท/ถุง ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าข้าวถุงในท้องตลาดประมาณ 20%
ส่วนการดูแลสินค้ารายการอื่นๆ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งยังไม่มีสินค้ารายการใดขอปรับราคาเข้ามา และยังไม่จำเป็นต้องทบทวนรายการบัญชีสินค้าควบคุมที่อยู่ในความดูแลของคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ทั้งนี้ สินค้าหลายรายการได้ปรับลดราคาลงมาแล้ว เช่น เนื้อหมู น้ำมันพืช มีเพียงไข่ไก่ที่ปรับราคาขึ้น แต่เชื่อว่าสถานการณ์ไข่ไก่จะเป็นปกติในเร็วๆ นี้ โดยในการดูแลค่าครองชีพ ไม่จำเป็นต้องของบประมาณเพิ่มเติมเพื่อมาจัดทำโครงการธงฟ้า แต่จะใช้งบปกติในการดำเนินงาน
น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า มีแผนที่จะเพิ่มร้านอาหารมิตรธงฟ้าให้ได้เดือนละ 50 แห่ง จากปัจจุบันที่มีร้านอาหารในเครือข่ายมิตรธงฟ้าประมาณ 6,000 แห่ง เพื่อเป็นช่องทางในการเข้าไปดูแลราคาอาหารจานด่วนในตลาด ส่วนราคาอาหารจานด่วนในท้องตลาดที่มีการปรับขึ้นราคา หากประชาชนเห็นว่าปรับขึ้นราคาสูงเกินความเหมาสมสามารถส่งเรื่องร้องเรียนมาที่สายด่วน 1569 โดยกรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ กรมฯ จะเชิญผู้ประกอบการตลาดสดมาหารือ เพื่อสร้างเครือข่ายให้ร้านอาหารมิตรธงฟ้าสามารถซื้อวัตถุดิบราคาพิเศษในตลาดสดที่อยู่พื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับที่ร้านอาหารมิตรธงฟ้าตั้งอยู่ เป็นการช่วยลดต้นทุนให้กับร้านอาหารที่ให้ความร่วมมือกับกรมฯ และจะหารือกับสมาคมภัตตาคารไทยเพื่อสอบถามสถานการณ์ราคาอาหารในปัจจุบัน และจัดหามาตรการในการดูแลต่อไป
***ปชป.ฟันธงสิ้นปีราคาสินค้าโหดกว่านี้
นายสรรเสริญ สมะลาภา ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาสินค้าราคาแพงว่า เป็นเพราะรัฐบาลมีทัศนะที่ผิด ที่ไม่ยอมรับในข้อเท็จจริงว่า สินค้าราคาแพงจริง แต่กลับออกมายอมรับในสินค้าบางชนิดเท่านั้น ว่าปรับตัวสูงขึ้นจริง เพราะหากยอมรับว่า สินค้าทั้งหมดมีราคาแพง ก็จะเท่ากับยอมรับว่ารัฐบาลบริหารงานผิดพลาด จากเดิมที่รัฐบาลอ้างว่า แพงเพราะคิดไปเอง แต่ตอนนี้ก็พยายามมาอ้างว่า เป็นเพราะสื่อลงข่าวเยอะ ซึ่งถือว่าเป็นทัศนะที่ผิด และจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาของรัฐบาลตามมา
ส่วนโครงการธงฟ้า ที่รัฐบาลกำลังจะออกมานั้น ก็ช่วยเหลือประชนได้ไม่ทั่วถึง ประชาชนที่อยู่ห่งไกล หมดสิทธิ์ และจะมีขายเฉพาะสินค้าที่รัฐบาลคิดว่าแพง เช่น ไข่ไก่ ขณะที่บางสิ่งสำคัญ กลับไม่มี จึงส่งผลให้สินค้ายังแพงทั้งแผ่นดินอยู่ต่อไป และเชื่อว่าปลายปีนี้ ราคาสินค้าจะยิ่งสูงขึ้นมากกว่านี้ เพราะผู้ประกอบการอั้นราคาไว้ไม่ไหว
***จี้นายกฯ ปูลงมาแก้ปัญหาสินค้าแพง
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ตั้งแต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เข้ามาบริหารประเทศ ตนได้นำราคาสินค้าของ 2 ตลาดหลัก มาแสดงให้ทราบว่ามีราคแพงจริงหรือไม่ คือ 1. ตลาดยิ่งเจริญ โดยราคาสินค้าในช่วง ส.ค. 54 คือ ตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาบริหารประเทศ จนถึงขณะนี้ วันที่ 11 ก.ย. 56 ราคขายปลีกอาหารสด สูงขึ้นถึง 27.5 % 2. ตลาดไทย จนถึงเดือนก.ค.สินค้าแพงขึ้น 25.4 % แบ่งเป็นผลไม้สูงขึ้น 20.5% พืชไร่ 76.4 % จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลลงมาแก้ไข ไม่ใช่นั่งเทียนอยู่ในห้องแอร์
***แฉ"ปูสด"แพงขึ้น 4เท่า
นายสรรเสริญกล่าวด้วยว่า ขอเรียกร้อง และเสนอแนะรัฐบาล 3 ประเด็น คือ 1. รัฐบาลต้องประเมินสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ ไม่ใช่ไปประเมินจากเงินเฟ้อ 2. เลิกโทษแม่ค้าขายข้าวแกง เพราะราคาที่แพง มาจากอาหารสดที่มาจากต้นน้ำที่รัฐบาลสร้างขึ้น 3. ปัญหาค่าแรง 300 บาท ที่ส่งผลให้ต้นทุนราคาสินค้าแพงขึ้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลประเมินความเดือดร้อนของประชาชน จากการประเมินจากราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ และต้องยอมรับว่า ราคาสินค้าขายส่ง และขายปลีก เกิดปัญหาจากต้นน้ำ จึงทำให้เกิดผลกระทบกับทั้งระบบ รวมทั้งรัฐบาลต้องทบทวนมาตรการในการชดเชยให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท
“รู้หรือไม่ สินค้าอะไรแพงที่สุดในรัฐบาลชุดนี้ ผมขอฝากเป็นของแถมคือ ปูครับ คือแพง 4 เท่าตัว ปูทะเลเป็นๆ แพงถึง 400 % ผมไม่รู้เป็นเพราะอะไร นอกจากจะตีความว่า นอกจากบริหารไม่เป็น เที่ยวต่างประเทศ และยังกินยากด้วย”นายสรรเสริญ กล่าว.