ASTVจัดการรายวัน - ไรมอนแลนด์ เผยตลาดคอนโดฯพัทยาราคาไม่ขยับเหตุเหลือขายเพียบ อัตราดูดซับเพียง 48% พบ 4 โครงกว่า 1,700 ยูนิตม้วน ส่อขยายไม่ตามเป้า แบงก์งดปล่อยกู้ ด้านตลาด กทม. คอนโดฯ กลางเมืองเปิดตัวน้อยลง หลังราคาที่ดินพุ่ง ผู้ปะกอบการหันขยายลงทุนรอบนอก
นายไซม่อน เดอร์วิลเล่ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงรายงานการวิจัยตลาดคอนโดมิเนียมทุกประเภททำเลพัทยา และคอนโดฯใจกลางกรุงเทพ ราคาตั้งแต่ 1 แสนบาท/ตร.ม. พบว่า ทำเลพัทยา การพัฒนาโครงการจะเริ่มขยับเข้าในเมืองมากขึ้นหลังจากที่ดินติดชายหาดมีน้อย โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ซื้อที่เป็นชาวไทยเพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งมาจากผู้ประกอบการรายใหม่จากส่วนกลางไปลงทุนในพัทยาหลายราย ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะมีกลุ่มลูกค้าเก่าที่ตามไปซื้อห้องชุดที่พัทยาด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีชาวต่างชาติซื้ออห้องชุดในพัทยาเพิ่มขึ้น โดยชาติใหม่ที่เข้ามาซื้อคือ จีน ญี่ปุ่น สัดส่วนประเทศละ 2% ซึ่งมีถึง 31 ชาติ โดยรัสเซียซื้อมากที่สุด 13% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ราคาห้องชุดในพัทยาจะยังไม่ปรับขึ้น เนื่องจากมีจำนวนยูนิตเหลือขายในตลาดมาก โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามีคอนโดฯเปิดใหม่ 30 โครงการ จำนวน 13,152 ยูนิต อัตราการขาย 48% ส่วนห้องชุดสร้างเสร็จรอขายมี 13 โคงการ 5,543 ยูนิต อัตราการขาย 87%
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคอนโดฯในพัทยาจะไม่เกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลาย เนื่องจากโคงการเปิดใหม่น้อยลง ประกอบการโครงการที่เปิดตัวไปแล้วแต่ไม่สามารถก่อสร้างได้ เพราะธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อให้ เนื่องจากยอดขายไม่ได้ตามที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันพบว่ามี 4 โครงการ 1,700 ยูนิตที่มีปัญหาด้านการเงินไม่สามารถก่อสร้างได้ นอกจากนี้บริษัทยังคาดว่าในอีก 3 ปีหรือในปี 2559 คอนโดฯสร้างเสร็จเข้าสู่ตลาดจำนวน 35,000 ยูนิต
นายไซม่อน กล่าวต่อว่า ความต้องการคอนโดมิเนียมในใจกลางกรุงเทพยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง จากปัจจัยบวก อาทิ อัตราดอกเบี้ยคงที่ระดับต่ำ การท่องเที่ยวเติบโต อย่างไรก็ตามจำนวนซัปพลายในเขตใจกลางเมืองมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากราคาที่ดินปรับขึ้นสูงประกอบกับราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้การพัฒนาคอนโดมิเนียมใหม่ต้นทุนสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการขยับออกไปพัฒนาในเขตรอบนอกเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ดี การเติบของตลาดจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ
ทั้งนี้ คาดว่าจากนี้จนถึงปี 2559 ในเขตกรุงเทพฯจะมีคอนโดฯราคาตั้งแต่ 1 แสนบาท/ตร.ม. สร้างเสร็จเข้าสู่ตลาด 25,000 ยูนิต โดยในปีนี้มีคอนโด กำหนดสร้างแล้วเสร็จเข้าสู่ตลาด 6,553 ยูนิต ปี 2557 มีจำนวน 8,803 ยูนิต ปี 2558 จำนวน 6,241 ยูนิต และปี 2559 จำวน 3,227 ยูนิต
จากการสำรวจคอนโดมิเนียมระดับราคาตั้งแต่ 100,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ในช่วงตั้งแต่กรกฎาคม 2555 - กรกฎกาคม 2556 พบว่า มีโครงการเปิดใหม่ 32 โครงการ จำนวน 12,898 ยูนิต มีอัตราการดูดซับ 74% ทำเลสุขุมวิทถึงพระโขนง จำนวน 10 โครงการ 2,383 ยูนิต อัตราการดูดซับ 69.1% รองลงมา ตากสิน ท่าพระ 3 โครงการ 2,695 ยูนิต อัตราการดูดซับ 72.8%, อ่อนนุช-อุดมสุข 4 โครงการ 1,867 ยูนิต อัตราการดูดซับ 74.9%
ขณะที่ยูนิตสร้างเสร็จเหลือขายในปัจจุบันมีจำนวน 14,059 ยูนิต จาก 30 โครงการ อัตราการดูดซับ 88.72% โดยทำเลที่มีจำนวนเหลือขายมากที่สุดได้แก่ สุขุมวิท จำนวน 2,993 ยูนิต อัตราการดูดซับ 87.76% รองลงมา ริมแม่น้ำ 2,713 ยูนิต จาก 2 โครงการ และเพชรบุรี-ปทุมวัน 2,599 ยูนิต จาก 4 โครงการ
ทั้งนี้จำนวนซัปพลายใหม่ที่เข้าสู่ตลาด 77% เป็นห้องชุดขนาด 1 ห้องนอน, ขนาด 2 ห้องนอน 16%, 3 ห้องนอนและ สตูดิโอมี 3% ส่วนเพ้นเฮ้าส์มีเพียง 1%
นายไซม่อน เดอร์วิลเล่ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงรายงานการวิจัยตลาดคอนโดมิเนียมทุกประเภททำเลพัทยา และคอนโดฯใจกลางกรุงเทพ ราคาตั้งแต่ 1 แสนบาท/ตร.ม. พบว่า ทำเลพัทยา การพัฒนาโครงการจะเริ่มขยับเข้าในเมืองมากขึ้นหลังจากที่ดินติดชายหาดมีน้อย โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ซื้อที่เป็นชาวไทยเพิ่มขึ้นมาก ส่วนหนึ่งมาจากผู้ประกอบการรายใหม่จากส่วนกลางไปลงทุนในพัทยาหลายราย ซึ่งบริษัทเหล่านี้จะมีกลุ่มลูกค้าเก่าที่ตามไปซื้อห้องชุดที่พัทยาด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีชาวต่างชาติซื้ออห้องชุดในพัทยาเพิ่มขึ้น โดยชาติใหม่ที่เข้ามาซื้อคือ จีน ญี่ปุ่น สัดส่วนประเทศละ 2% ซึ่งมีถึง 31 ชาติ โดยรัสเซียซื้อมากที่สุด 13% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ราคาห้องชุดในพัทยาจะยังไม่ปรับขึ้น เนื่องจากมีจำนวนยูนิตเหลือขายในตลาดมาก โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมามีคอนโดฯเปิดใหม่ 30 โครงการ จำนวน 13,152 ยูนิต อัตราการขาย 48% ส่วนห้องชุดสร้างเสร็จรอขายมี 13 โคงการ 5,543 ยูนิต อัตราการขาย 87%
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคอนโดฯในพัทยาจะไม่เกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลาย เนื่องจากโคงการเปิดใหม่น้อยลง ประกอบการโครงการที่เปิดตัวไปแล้วแต่ไม่สามารถก่อสร้างได้ เพราะธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อให้ เนื่องจากยอดขายไม่ได้ตามที่กำหนด ซึ่งปัจจุบันพบว่ามี 4 โครงการ 1,700 ยูนิตที่มีปัญหาด้านการเงินไม่สามารถก่อสร้างได้ นอกจากนี้บริษัทยังคาดว่าในอีก 3 ปีหรือในปี 2559 คอนโดฯสร้างเสร็จเข้าสู่ตลาดจำนวน 35,000 ยูนิต
นายไซม่อน กล่าวต่อว่า ความต้องการคอนโดมิเนียมในใจกลางกรุงเทพยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง จากปัจจัยบวก อาทิ อัตราดอกเบี้ยคงที่ระดับต่ำ การท่องเที่ยวเติบโต อย่างไรก็ตามจำนวนซัปพลายในเขตใจกลางเมืองมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากราคาที่ดินปรับขึ้นสูงประกอบกับราคาวัสดุที่เพิ่มขึ้น ผลักดันให้การพัฒนาคอนโดมิเนียมใหม่ต้นทุนสูง ส่งผลให้ผู้ประกอบการขยับออกไปพัฒนาในเขตรอบนอกเมืองมากขึ้น อย่างไรก็ดี การเติบของตลาดจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ
ทั้งนี้ คาดว่าจากนี้จนถึงปี 2559 ในเขตกรุงเทพฯจะมีคอนโดฯราคาตั้งแต่ 1 แสนบาท/ตร.ม. สร้างเสร็จเข้าสู่ตลาด 25,000 ยูนิต โดยในปีนี้มีคอนโด กำหนดสร้างแล้วเสร็จเข้าสู่ตลาด 6,553 ยูนิต ปี 2557 มีจำนวน 8,803 ยูนิต ปี 2558 จำนวน 6,241 ยูนิต และปี 2559 จำวน 3,227 ยูนิต
จากการสำรวจคอนโดมิเนียมระดับราคาตั้งแต่ 100,000 บาท/ตร.ม.ขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ พบว่า ในช่วงตั้งแต่กรกฎาคม 2555 - กรกฎกาคม 2556 พบว่า มีโครงการเปิดใหม่ 32 โครงการ จำนวน 12,898 ยูนิต มีอัตราการดูดซับ 74% ทำเลสุขุมวิทถึงพระโขนง จำนวน 10 โครงการ 2,383 ยูนิต อัตราการดูดซับ 69.1% รองลงมา ตากสิน ท่าพระ 3 โครงการ 2,695 ยูนิต อัตราการดูดซับ 72.8%, อ่อนนุช-อุดมสุข 4 โครงการ 1,867 ยูนิต อัตราการดูดซับ 74.9%
ขณะที่ยูนิตสร้างเสร็จเหลือขายในปัจจุบันมีจำนวน 14,059 ยูนิต จาก 30 โครงการ อัตราการดูดซับ 88.72% โดยทำเลที่มีจำนวนเหลือขายมากที่สุดได้แก่ สุขุมวิท จำนวน 2,993 ยูนิต อัตราการดูดซับ 87.76% รองลงมา ริมแม่น้ำ 2,713 ยูนิต จาก 2 โครงการ และเพชรบุรี-ปทุมวัน 2,599 ยูนิต จาก 4 โครงการ
ทั้งนี้จำนวนซัปพลายใหม่ที่เข้าสู่ตลาด 77% เป็นห้องชุดขนาด 1 ห้องนอน, ขนาด 2 ห้องนอน 16%, 3 ห้องนอนและ สตูดิโอมี 3% ส่วนเพ้นเฮ้าส์มีเพียง 1%