xs
xsm
sm
md
lg

เรื่องของนายกฯ หญิงและอีโง่

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปราศรัยบนเวทีประชาชน เดินหน้าผ่าความจริง วัดดอกไม้ ยานนาวา ตอนหนึ่งว่า “เมื่อเช้าเห็นแวบๆ มีข่าวไปทำอะไร โครงการอะไร Smart Lady แปลว่าอะไร ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจทั้งหมดหรอกครับ เหมือนกับว่าจะประกวดใช่มั้ย หา Smart Lady แปลว่าอะไร Smart lady นี่ผมถามอภิมงคลแล้ว แปลว่าผู้หญิงฉลาด แต่นี่ผมก็ถามว่า อ้าว แล้วถ้าทำโครงการนี้เนี่ย ทำไมต้องทำ ทำไมต้องหาผู้หญิงฉลาด ทำไมต้องประกวดผู้หญิงฉลาด เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหาอีโง่ ไม่มีใครไปแข่งได้”

คำพูดของนายอภิสิทธิ์ ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับสมาชิกพรรคเพื่อไทยอย่างมาก จนออกมาแถลงข่าวตอบโต้และเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ออกมาขอโทษผู้หญิงทั้งประเทศ

ลูกสาวเสธ.แดงที่ได้ดิบได้ดีหลังพ่อเสียชีวิต ถึงกับบอกว่า นายอภิสิทธิ์ต้องการเสียดสีคู่ต่อสู้ทางการเมือง เป็นการไม่ให้เกียรติผู้หญิงและเป็นการดูถูกเพศแม่อย่างรุนแรง

ผมฟังแล้วก็ตลกดีครับ กลายเป็น เออะอะก็เอาเรื่องเพศมาบังหน้า

บอกตรงๆ นะครับว่า ผมเองก็ไม่ได้ชื่นชมนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ เคยวิพากษ์วิจารณ์มาก็มาก แต่ก็ไม่เห็นเลยว่า คำพูดของนายอภิสิทธิ์นั้นจะเป็นการดูถูกสุภาพสตรีหรือเพศแม่ไปได้อย่างไร

ผมจึงข้องใจว่า ทำไม ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยถึงเดือดร้อนกับคำพูดของนายอภิสิทธิ์กันมาก คำว่า “ถ้าแข่งขันหาอีโง่ ไม่มีใครไปแข่งได้” นั่นหมายถึงใคร

หรือคำว่า “อีโง่” นั้นเป็น “สามานยนาม” ที่หมายถึงใครคนใดคนหนึ่งไปแล้ว

การจะกล่าวหาว่า ใครเป็นคนโง่ ไม่ฉลาด หรือไม่มีสติปัญญานั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องที่กล่าวหากันง่ายๆ แต่ต้องดูที่พฤติกรรมและการแสดงออก ลองนึกดูนะครับเราจะกล่าวถึงผู้หญิงคนนี้ว่า อย่างไร ถ้าเธออ่านคำว่า “คอนกรีต” เป็น “คอ-นก-รีต” เรียกอำเภอหาดใหญ่ว่า จังหวัดหาดใหญ่ เรียกซิดนีย์ ว่า ประเทศซิดนีย์ เรียกนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียว่า ประธานาธิบดีมาเลเซีย อ่านเลขจำนวนหลายหลักไม่ได้ เรียนหนังสือจบเมืองนอก แต่ภาษาอังกฤษเธอก็ไม่แตกฉาน อ่าน เวลคัม เป็นโอเวอร์คัม จนกระทั่งแท้งกิ้วส์ทรีไทม์

และยังมีอีกหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ที่สะท้อนสติปัญญาของเธอ เพราะเธอปล่อยไก่ออกมาจากมันสมองของเธอมากมายเหลือเกิน

เพราะเหตุนี้ใช่ไหมครับมันเลยเป็นจุดจี้ใจว่า ถ้าพูดคำว่า “อีโง่” นั้นจะต้องหมายถึงเธอคนเดียวเท่านั้นจะหมายถึงใครไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ส.ส.เพื่อไทยก็ควรออกมาพูดตรงๆ เลยครับว่า คำพูดนั้นดูถูกนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เพื่อยืนยันว่าต่อไปนี้ถ้าเอ่ยคำว่า “อีโง่” จะหมายถึงใครอื่นไม่ได้ จะโยงไปว่า ดูถูกเพศแม่หรือผู้หญิงทั้งประเทศให้เสียเวลาทำไม

เพราะแม้ว่าใครจะรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจในคำพูดของนายอภิสิทธิ์ แต่คำพูดข้างบนนั้นก็ไม่สามารถทำให้เข้าใจได้ว่า นายอภิสิทธิ์ดูถูกเพศแม่ หรือหมิ่นผู้หญิงในวงกว้างได้เลย ผมลองเปลี่ยนคำพูดเป็นว่า “ทำไมต้องหาผู้ชายฉลาด ทำไมต้องประกวดผู้ชายฉลาด เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหาไอ้โง่ ไม่มีใครไปแข่งได้” ก็ไม่ได้หมายถึงว่า คำพูดนั้นจะเป็นการดูถูกเพศพ่อหรือดูถูกผู้ชายทั้งประเทศไปได้

ผมคิดว่า ถ้านายอภิสิทธิ์พูดอย่างนั้นก็คงไม่มีผู้ชายคนไหนเดือดร้อน เพราะเวลานี้ไม่มีผู้ชายคนไหนที่แสดงออกจนพอจะใช้คำว่า “ไอ้โง่” เป็นสามานยนามที่หมายถึงตัวเองได้เลย

ผมรู้สึกนะครับว่า ประเด็นความเป็นผู้หญิงของนายกรัฐมนตรีนั้นถูกหยิบมาใช้หลายครั้งโดยฝ่ายที่สนับสนุนนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ มีการใช้วาทกรรมในทำนองว่า การวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีเป็นการดูถูกผู้หญิงและดูถูกเพศแม่

มันแปลว่า อะไรเหรอครับ มันหมายถึงว่า เราไม่สามารถวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงได้เลยใช่ไหมครับ ความเป็นผู้หญิงนั้น มันสามารถนำมาปกป้องการกระทำที่อาจจะไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบก็ได้ใช่หรือไม่ครับ

แล้วอย่างนั้นสิ่งที่เราเรียกร้องความเท่าเทียมกันของเพศชายและเพศหญิงมันหายไปไหนล่ะครับ

สังคมไทยทุกวันนี้นั้นพ้นจากระบบผู้ชายเป็นใหญ่ไปนานแล้ว และแทบจะไม่มีการกีดกันทางเพศหลงเหลืออยู่แล้ว การมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอนั้นก็เป็นเพียงความหมายในทางสรีระ มิได้หมายถึงการดูหมิ่นดูแคลนในความสามารถ สติปัญญา และภาวะการเป็นผู้นำ หลายองค์กรจึงมีสุภาพสตรีเป็นผู้นำ และมีความโดดเด่นมากกว่าเพศชาย

ดังนั้น การวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีว่า “โง่” นั้นไม่ได้เกิดจากการมองที่เพศสภาพ แต่มองที่การกระทำเสียมากกว่า

ประเด็นมันก็คือ นายกรัฐมนตรีโง่จริงหรือเปล่าครับ

วันก่อนผมเห็นนายพานทองแท้ หลานชายของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ออกมาตอบโต้นายอภิสิทธิ์ทำนองว่า อาของเธอไม่ได้โง่ เพราะผ่านการเลือกตั้งมา ผมขำแทบตกเก้าอี้ เพราะกลายเป็นว่า ความโง่ของคนนั้นมันสามารถวัดกันด้วยเสียงข้างมากได้ด้วย ถ้าอย่างนั้นก็คงอนุมานได้ว่า ความโง่มันสามารถซื้อได้ด้วยเงิน เพราะถ้าเราจ่ายเงินเพื่อให้เลือกตั้งเข้ามาก็แปลว่า คนคนนั้นไม่ใช่คนโง่อีกต่อไป แม้ว่าในความจริงจะเป็นคนไม่มีสติปัญญาก็ตาม

อย่าเอาความเป็นผู้หญิงมาเป็นกรอบกำบังปกป้องนายกฯ ยิ่งลักษณ์เลยครับ ผมคิดว่า คนเสื้อแดงจำนวนมากก็รู้อยู่เต็มอกนั่นแหละครับว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์นั้นไม่ได้มีสติปัญญาพอที่จะเป็นผู้นำประเทศได้ แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาว่า นายกฯ ที่ตัวเองเลือกมานั้นโง่ เพราะความเป็นฝักฝ่ายเท่านั้นเอง

ความจริงเราก็เห็นนะครับว่า ที่เธอเที่ยวเดินสายไปปาฐกถาตามที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศนั้น ก็มาจากข้อเขียนที่มีคนเขียนให้ เธอเดินสายไปอ่านมากกว่าจะสะท้อนภูมิปัญญาของตัวเอง เวลาสัมภาษณ์เราจึงได้ยินเธอพูดอยู่ไม่กี่คำเพื่อตอบคำถามของสื่อ เช่น เรื่องนี้ต้องบูรณาการอย่างโน้นอย่างนี้ หรือไม่ก็ต้องไปดูที่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ จนแทบจะเป็นสูตรสำเร็จในทุกๆเรื่อง

การกำหนดโปรแกรมให้เธอเดินทางไปต่างประเทศชนิดถี่ยิบที่เขากล่าวกันว่า 2 ปี 50 กว่าประเทศหรือ 2 สัปดาห์ต่อครั้งนั้น เป็นเพียงพาเธอออกไปให้พ้นจากการรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่เท่านั้นเอง เราจึงเห็นรัฐบาลกระทำเรื่องสำคัญในหลายครั้งที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่อยู่และมีรองนายกรัฐมนตรีคนอื่นนั่งรักษาการอยู่

ผมว่า ไม่ว่าเสื้อแดงหรือเสื้อเหลืองก็ตาม ต่างก็รู้ว่า นายกฯ ยิ่งลักษณ์นั้นไม่ได้บริหารประเทศด้วยสติปัญญาของตัวเอง แต่ประเทศนี้ถูกปกครองด้วยนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่ทำตัวเป็น “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ส่วนนายกฯ ยิ่งลักษณ์นั้นเป็นเพียงหุ่นยนต์ที่เขาสั่งให้ซ้ายหันขวาหันหรือคอยชักปากให้พูด แต่บังเอิญหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นสุภาพสตรีเท่านั้นเอง

การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนางสาวยิ่งลักษณ์จึงไม่ใช่การวิจารณ์ในฐานะที่เธอเป็นสุภาพสตรี แต่เป็นการวิจารณ์ในฐานะที่เธอเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเพศสภาพแต่อย่างใด

ถ้าจะเกี่ยวโยงไปถึงเพศหญิงอยู่บ้างและคงต้องยอมรับก็คือ น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีโอกาสก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว แต่กลับแสดงภูมิปัญญาออกมาให้เขาดูถูกเท่านั้นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น