นามสกุลเดียวกันดรามากันไม่เลิก “สุรนันทน์” ซัด “อภิสิทธิ์” พูดจาดูถูกดูแคลน ไม่ให้เกียรติผู้หญิง หลังปราศรัยระบุว่าที่จัดเรียลิตี “สมาร์ทเลดี้” เพราะถ้าแข่งขันหาอีโง่ไม่มีใครไปแข่งได้ ยันจัดขึ้นเพื่อให้สังคมหันมามองความสวยจากความคิด ทำประโยชน์ส่วนรวม ย้อนถาม ปชป.ตอนเป็นรัฐบาลเคยทำอะไรให้ผู้หญิงบ้าง
วันนี้ (9 ก.ย.) นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ส่งเอกสารข่าว (เพรสรีลีส) อิเล็กทรอนิกส์ถึงสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ระหว่างปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ ถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยในเวทีผ่าความจริง เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ถึงโครงการสมาร์ทเลดี้ไทยแลนด์ที่ระบุว่าที่ต้องประกวดผู้หญิงฉลาด หรือ สมาร์ท เลดี้ (Smart Lady) เพราะว่าเขาบอกว่า ถ้าแข่งขันหาอีโง่ ไม่มีใครไปแข่งได้ ตนในฐานะรองประธานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ ขอชี้แจงว่าโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำ และจุดประกายสังคมไทยให้หันมามองความสวยของผู้หญิงที่ความคิด ซึ่งจะสะท้อนออกมาในรูปแบบของคำพูด การกระทำ ความสามารถในการทำงาน รวมไปถึงการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม โดยเปิดโอกาสให้ผู้หญิงรุ่นใหม่ อายุ 18-35 ปี ทุกคนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการเพื่อรับการคัดเลือก มีการคัดเลือก 3 รอบ รอบแรก 1,200 คน รอบที่สอง 300 และรอบสุดท้ายจะคัดเลือกเหลือ 12 คน
ทั้งนี้ ผู้ผ่านการคัดเลือกในทุกรอบจะได้รับการอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพ โดยผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้ายเพื่อทำกิจกรรมในการพัฒนาศักยภาพร่วมกันเป็นเวลา 1 เดือน โดยหลักสูตรจะครอบคลุมทั้งการพัฒนาทางด้าน ทักษะการคิด ทัศนคติ และความสามารถ เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำ ให้ความรู้ในเรื่องความเสมอภาคสตรี การยุติความรุนแรงต่อสตรี ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้ฝึกการทำงานเป็นทีม รวมทั้งลงมือสร้างสรรค์กิจกรรมจิตอาสาที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เพื่อแปลงความคิดที่ดีงาม ความสามารถ และพลังของคนรุ่นใหม่ให้เป็นรูปธรรมที่จับต้องได้ อีกหนึ่งวัตถุประสงค์สำคัญของโครงการ คือ การสร้างความตระหนักและเจตคติที่ดีให้สังคม รวมทั้งสร้างกระบวนการเรียนรู้เรื่องให้เกิดขึ้นในสังคม จึงกำหนดให้มีการถ่ายทอดสดโครงการในรูปแบบเรียลิตี ผ่านทางทรูวิชั่นส์ รวมทั้งรวบรวมเหตุการณ์น่าสนใจตลอดสัปดาห์ถ่ายทอดผ่านทางช่อง 9 อสมท ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญให้ผู้หญิงไทยทั่วประเทศได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองไปพร้อมๆ กับผู้เข้าร่วมโครงการ อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงช่วงเริ่มต้น และถ้าในอนาคตโครงการได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีโครงการต่อเนื่องสำหรับกลุ่มผู้หญิงวัยอื่นๆ ด้วย
“ประเทศไทยของเรายังต้องการพลังจากทุกภาคส่วนในการผลักดันให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่ทุกคนสามารถเริ่มทำได้เลยคือการลดเวลาที่ใช้ในการตำหนิติเตียนคนอื่น หรือวิพากษ์วิจารณ์ในสิ่งที่ตนเองไม่รู้จริง แล้วเอาเวลาไปพัฒนาศักยภาพของตนเอง เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วม เปลี่ยนวัฒนธรรมสังคมไทยให้เป็นสังคมที่พิสูจน์กันด้วยผลของการกระทำมากกว่าคำพูด พรรคประชาธิปัตย์ควรกลับไปคิดพิจารณาทบทวนว่าสมัยเป็นรัฐบาลเคยทำอะไรให้ผู้หญิงบ้าง ซึ่งเท่าที่ทราบไม่ปรากฏชัดเจนว่ามีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หรือเพราะวันๆ มัวแต่พูดจาดูถูก ดูแคลน ไม่ให้เกียรติผู้หญิง” นายสุรนันทน์ กล่าว
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้มีงานวิจัยมากมายที่ชี้ให้เห็นว่าความเท่าเทียมเป็นพื้นฐานสำคัญในพัฒนา หรือองค์กรระหว่างประเทศ เช่น องค์การสหประชาชาติ ก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้หญิง และต้องยอมรับด้วยว่า ทุกวันนี้ ผู้หญิงมีความรู้ความสามารถไม่ได้ด้อยไปว่าผู้ชาย ประเทศทรงอิทธิพลอย่างเยอรมนี หรือประเทศในแถบเอเชีย อย่างเกาหลีใต้ ก็มีผู้นำประเทศเป็นผู้หญิง ประเทศไทยเราเป็นประเทศที่ให้โอกาสผู้หญิง และรัฐบาลโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็มีนโยบายที่เน้นส่งเสริมให้ผู้หญิงได้เข้าถึงโอกาสด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เพิ่มขึ้นโดยการสร้างค่านิยมการให้คุณค่าที่เรื่องความสามารถ นักการเมืองฝ่ายค้านไม่ควรยึดติดอยู่กับกรอบแนวคิดแบบเดิมๆ ไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ อย่าให้ประเทศไทยถูกโลกทิ้งไว้ข้างหลัง เพราะไม่ยอมปรับปรุงตัวเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งนี้ ขอให้ระวังคำพูด เพราะคำพูดที่ออกจากปากทุกคำจะเป็นสิ่งที่ประชาชนใช้ตัดสินได้ว่าใครโง่ ใครฉลาด