วานนี้(10 ก.ย.56) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีที่อัยการส่งสำนวนคดีที่ดีเอสไอ กล่าวโทษผู้ว่าราชการกทม.และพวกต่อสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ส่วนต่อขยายออกไป 13 ปี และการขยายเส้นทางสัมปทานใหม่ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรมว.มหาดไทย เข้าข่ายร่วมกันประกอบกิจการค้าขายอันเป็นสาธารณูปโภค หรือกิจการรถราง โดยไม่ได้รับอนุญาตกลับคืนให้ดีเอสไอ เพื่อส่งสำนวนให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้ส่งสำนวนฟ้องว่า ดีเอสไอได้รับสำนวนคดีดังกล่าวกลับคืนมาจากอัยการแล้ว และได้ส่งสำนวนไปให้ป.ป.ช.เป็นผู้ไต่สวนแทนดีเอสไอ
เนื่องจากอัยการมองว่าคดีดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของป.ป.ช.ในการไต่สวนและพิจารณาสั่งฟ้อง ส่วนป.ป.ช.จะนำไปไต่สวนเพิ่มเติม หรือจะตั้งดีเอสไอร่วมเป็นอนุกรรมการไต่สวน ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม กรณีที่อัยการส่งสำนวนกลับคืนให้ดีเอสไอไม่ได้เป็นปัญหาจากเนื้อหาของสำนวนการสอบสวน แต่อัยการมองว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอำนาจของป.ป.ช.
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ดีเอสไอและอัยการที่ร่วมสอบสวนคดีดังกล่าว เห็นตรงกันมากรณีดังกล่าวไม่ใช่การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะอยู่ในอำนาจการสอบสวนของป.ป.ช. แต่เป็นกรณีผู้ว่ากทม.และพวกการกระทำนอกอำนาจหน้าที่ในการเข้าไปต่อสัญญารวมถึงขยายเส้นทางใหม่ ดีเอสไอจึงไม่ได้แยกสำนวนส่งให้ป.ป.ช.เป็นผู้ไต่สวน ซึ่งดีเอสไอก็ต้องปฏิบัติตาม
อีกด้านพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีการโพสต์ภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถ่ายภาพที่ป้าย"จุดชม ช้างป่า กระทิง อุทยานแห่งชาติกุยบุรี" แต่ปรากฎว่าในเฟซบุ๊คของ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ มีการตัดต่อภาพเป็นป้ายที่มีข้อความว่า"เสือ สิงห์ กระทิง" และนายกรัฐมนตรียืนข้างป้ายว่า ในวันที่11 ก.ย.นี้ พนักงานสอบสวนจะนำข้อความทั้งหมดไปหารือกับราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านภาษา ช่วยตีความหมายของคำว่า"เสือ สิงห์ กระทิง"และมีภาพนายกรัฐมนตรียืนข้างป้ายว่าสื่อความหมายอย่างไร
ในสัปดาห์หน้าก็จะรวบรวมข้อมูลคำแปลของราชบัณฑิตยสถานตลอดจนความเห็นเสนอเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาออกหมายเรียก น.ส.มัลลิกา มาให้ถ้อยคำว่ามีวัตถุประสงค์ใด โดยจะรอฟังคำชี้แจง และพิจารณาเจตนาของผู้โพสต์ ขณะนี้คงยังไม่สามารถชี้ได้ว่าผิดหรือถูก.
เนื่องจากอัยการมองว่าคดีดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงเป็นอำนาจของป.ป.ช.ในการไต่สวนและพิจารณาสั่งฟ้อง ส่วนป.ป.ช.จะนำไปไต่สวนเพิ่มเติม หรือจะตั้งดีเอสไอร่วมเป็นอนุกรรมการไต่สวน ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม กรณีที่อัยการส่งสำนวนกลับคืนให้ดีเอสไอไม่ได้เป็นปัญหาจากเนื้อหาของสำนวนการสอบสวน แต่อัยการมองว่าคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอำนาจของป.ป.ช.
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ดีเอสไอและอัยการที่ร่วมสอบสวนคดีดังกล่าว เห็นตรงกันมากรณีดังกล่าวไม่ใช่การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งจะอยู่ในอำนาจการสอบสวนของป.ป.ช. แต่เป็นกรณีผู้ว่ากทม.และพวกการกระทำนอกอำนาจหน้าที่ในการเข้าไปต่อสัญญารวมถึงขยายเส้นทางใหม่ ดีเอสไอจึงไม่ได้แยกสำนวนส่งให้ป.ป.ช.เป็นผู้ไต่สวน ซึ่งดีเอสไอก็ต้องปฏิบัติตาม
อีกด้านพ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีการโพสต์ภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถ่ายภาพที่ป้าย"จุดชม ช้างป่า กระทิง อุทยานแห่งชาติกุยบุรี" แต่ปรากฎว่าในเฟซบุ๊คของ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ มีการตัดต่อภาพเป็นป้ายที่มีข้อความว่า"เสือ สิงห์ กระทิง" และนายกรัฐมนตรียืนข้างป้ายว่า ในวันที่11 ก.ย.นี้ พนักงานสอบสวนจะนำข้อความทั้งหมดไปหารือกับราชบัณฑิตยสถาน ซึ่งเชี่ยวชาญด้านภาษา ช่วยตีความหมายของคำว่า"เสือ สิงห์ กระทิง"และมีภาพนายกรัฐมนตรียืนข้างป้ายว่าสื่อความหมายอย่างไร
ในสัปดาห์หน้าก็จะรวบรวมข้อมูลคำแปลของราชบัณฑิตยสถานตลอดจนความเห็นเสนอเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวนเพื่อพิจารณาออกหมายเรียก น.ส.มัลลิกา มาให้ถ้อยคำว่ามีวัตถุประสงค์ใด โดยจะรอฟังคำชี้แจง และพิจารณาเจตนาของผู้โพสต์ ขณะนี้คงยังไม่สามารถชี้ได้ว่าผิดหรือถูก.