ASTVผู้จัดการรายวัน- กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ศิริโชค” กรณีโพสต์ภาพ “เผาบ้าน เผาเมือง” ช่วงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แต่หลักฐานไม่เชื่อมโยง “สุขุมพันธ์” จึงยกฟ้องด้วยเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 ด้าน“ศิริโชค”งง! เจ้าตัวอยากรู้ข้อหาอะไร จะได้สู้คดีถูก ชี้ หากเป็นกรณีโพสต์ภาพ ตัดต่อ เลือกตั้งผู้ว่ากทม. พร้อมสู้สุดตัว
วานนี้ (29 ส.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงว่า ที่ประชุมกกต.มีมติยกคำร้องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีก 4 คน ร้องคัดค้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง กรณีที่ นายเสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กให้เลือกผู้สมัครหมายเลข 16 เพื่อต้านพรรคเพื่อไทยยึดครองกรุงเทพฯ โดยมีข้อความในลักษณะไม่เลือกเราเขามาแน่ และกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยช่วยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ หาเสียง ที่ระบุว่า "อภิสิทธิ์ เบอร์อะไร เบอร์ 16 สุขุมพันธุ์เบอร์อะไร เบอร์ 16" นั้น
กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการสืบสวนสอบสวน พบว่ากระทำดังกล่าวไม่มีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงว่าเป็นการกระทำเพื่อเชื่อมโยงไปยังม.ร.ว.สุขุมพันธ์ อีกทั้ง การกระทำดังกล่าวยังเป็นการกระทำผ่านเฟสบุ๊กส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร กกต.จึงมีมติยกคำร้อง แต่มีมติให้ดำเนินคดีอาญานายศิริโชค เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่า ภาพเผาบ้าน เผาเมือง ดังกล่าวได้ปรากฏในเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์และเว็ปไซต์อี่น รวมทั้งเผยแพร่ในระบบข้อมูลออนไลน์ในเฟซบุ๊กของนายศิริโชคโดยใช้ข้อความประกอบภาพว่า “เห็นภาพนี้ทำให้เราคิดถึงเหตุการณ์ เผาบ้าน เผาเมือง ไหมครับ?” ซึ่งอาจทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดต่อคะแนนนิยมของผู้สมัครได้
นอกจากนี้ ยังมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาม.ร.ว.สุขุมพันธ์ จากกรณีที่น.ส.แสงหยก แสงหยกตระการ ได้ร้องคัดค้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และนายกิตพล เชิดชูกิจกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตประเวศ ว่ากล่าวหาใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ว่า“เขตประเวศมีพื้นที่มากขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนามีงบประมาณจากกรุงเทพฯ รักชอบ ส.ก.กิตพล ให้เลือกหมายเลข 16 หาบเร่แผงลอยยังคงมีต่อไป ถ้าท่านเลือกหมายเลขอื่น เขาจะเอาหาบเร่แผงลอยออกไป” ซึ่งที่ประชุม กกต. มีมติให้อนุกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากยังไม่ทราบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ อยู่ในรถขยายเสียงในเวลานั้นและเป็นผู้พูดด้วยหรือไม่ อีกทั้งเห็นว่าคำปราศรัยดังกล่าวเป็นคำพูดของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่สามารถทำได้ ไม่ใช่เป็นคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้อำนวยการเขต จากหลักฐานดัวกล่าวจึงยังไม่ชัดเจน และแจ้งข้อกล่าวหาแก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และ นายกิตพล ทราบเนื่องจากตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบ เพื่อเตรียมเอกสารหลักฐานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในชั้นอนุกรรมการสืบสวนของกกต.กทม. มีมติยกคำร้อง เพราะเห็นว่าไม่มีมูล จึงไมได้แจ้งข้อกล่าวหากับม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แต่เมื่อมาถึงการพิจารณาของกกต.เห็นว่าควรมีการสอบเพิ่มเติม จึงต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ทราบ
และยังมีมติยกคำร้องที่นายสัญญา จันทรัตน์ ร้องคัดค้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย และน.ส.พัทธยา เนตรธรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน เขต 14 (พญาไท) และน.ส.วัลย์ลิกา สรรเสริญชูโชติ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน เขต 17 (ห้วยขวาง) ในข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใดๆ อันเป็นคุณ หรือเป็นโทษ แก่ผู้สมัคร
นายวิสุทธิ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.เสียงข้างมากเห็นตามอนุกรรมการสืบสวนที่เสนอยกคำร้องเพราะเห็นว่าการกระทำของนายศิริโชคไม่เป็นเหตุสำคัญให้ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ได้รับเลือกตั้ง อีกทั้งภาพและข้อความที่โพสต์นั้นม.ร.ว.สุขุมพันธ์ไม่ได้ดำเนินการเอง และม.ร.ว.สุขุมพันธ์กับนายศิริโชคไม่ได้เกี่ยวข้องกัน อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีอาญากับนายศิริโชค เมื่อคำร้องถึงศาลแล้วและศาลรับฟ้อง นายศิริโชคก็ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่ใช่เรื่องของการทุจริตซื้อเสียง แต่หากว่าในที่สุดศาลมีคำสั่งลงโทษ ตามมาตรา 118 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นก็กำหนดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 2หมื่นถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี อย่างไรก็ตามกรณีนี้เป็นเรื่องที่สองจาก 30 กว่าเรื่องที่มีการคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดังนั้นยังเหลืออีกหลายเรื่องที่กกต.ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ
ทั้งนี้มีรายงานว่ามติกกต.ที่ให้ดำเนินคดีศิริโชคนั้นเป็นเอกฉันท์ แต่ในส่วนที่ให้ยกคำร้องคัดค้านม.ร.ว.สุขุมพันธ์นั้น เป็นมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 เสียง โดย 2 เสียงข้างน้อย เห็นว่าการกระทำของนายศิริโชคเป็น การโพสต์ข้อความที่ใส่ร้ายผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่น โดยกระทำในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แม้ม.ร.ว.สุขุมพันธ์จะไม่ได้เป็นผู้กระทำเอง แต่ก็ได้รับประโยชน์จากการกระทำนั้น จึงควรที่จะสั่งให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ใหม่
อย่างไรก็ตามมติให้ยกคำร้องแต่ให้ดำเนินคดีอาญานายศิริโชคนั้น ถูกตั้งข้อสังเกตว่า การมีคำสั่งในลักษณะนี้ขัดแย้งกันเองหรือไม่ เพราะถ้าพิจารณามติที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น หากกกต.สั่งดำเนินคดีอาญากับผู้ที่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับผู้สมัคร หรือผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง จนได้รับประโยชน์ กกต.จะสั่งเลือกตั้งใหม่ด้วย เช่น กรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปช่วยแจกผ้าห่มให้กับนายธานี เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 51 กกต.ก็สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่นายธานี และสั่งดำเนินคดีอาญากับนายสุเทพ
เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ดังกล่าวว่า สำหรับตนแล้ว ยังไม่ทราบเลยว่าทางคณะกรรมการกกต. ฟ้องร้องตนในข้อหาอะไร ผิดกฏหมายอะไรจ้อไหนบ้าง ภาพที่กกต.นำมากล่าวหาตน นั้นเป็นภาพที่ตนบอกแล้วว่าเป็นการตัดต่อ และหากดำเนินคดีอาญาตนจริงและหากตนทราบข้อหา ก็พร้อมที่จะสู้ทั้ง 3ศาล และจะพิสูจน์ด้วยว่ามีการทำผิดจริงหรือไม่ แต่ขณะนี้กกตงเองยังไม่มีความาชัดเจนว่าตนทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายหมิ่นประมาท หรือกฎหมายคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งหมดไม่มีผลกระทบสมาชิกภาพการเป็นส.ส.เขตของตนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากตนผิดกฎหมายเลือกตั้งเป็นเรืองน่าแปลบกประหลาด เพราะที่ผ่านมากกต.กลางไม่เคยเรียกตนไปสอบปากคำ หรือ ขอความชัดเจนเลยแม้แต่ครั้งเดียวดังนั่นเวลานี้ตนจึงได้เพียงการรอเอกสารอย่าวงเป็นทางการจากกต.ก่อน
วานนี้ (29 ส.ค.) นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงว่า ที่ประชุมกกต.มีมติยกคำร้องที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ และผู้มีสิทธิเลือกตั้งอีก 4 คน ร้องคัดค้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมือง กรณีที่ นายเสรี วงษ์มณฑา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กให้เลือกผู้สมัครหมายเลข 16 เพื่อต้านพรรคเพื่อไทยยึดครองกรุงเทพฯ โดยมีข้อความในลักษณะไม่เลือกเราเขามาแน่ และกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยช่วยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ หาเสียง ที่ระบุว่า "อภิสิทธิ์ เบอร์อะไร เบอร์ 16 สุขุมพันธุ์เบอร์อะไร เบอร์ 16" นั้น
กกต.พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการสืบสวนสอบสวน พบว่ากระทำดังกล่าวไม่มีหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงว่าเป็นการกระทำเพื่อเชื่อมโยงไปยังม.ร.ว.สุขุมพันธ์ อีกทั้ง การกระทำดังกล่าวยังเป็นการกระทำผ่านเฟสบุ๊กส่วนบุคคล ไม่เกี่ยวกับตัวผู้สมัคร กกต.จึงมีมติยกคำร้อง แต่มีมติให้ดำเนินคดีอาญานายศิริโชค เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจนว่า ภาพเผาบ้าน เผาเมือง ดังกล่าวได้ปรากฏในเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์และเว็ปไซต์อี่น รวมทั้งเผยแพร่ในระบบข้อมูลออนไลน์ในเฟซบุ๊กของนายศิริโชคโดยใช้ข้อความประกอบภาพว่า “เห็นภาพนี้ทำให้เราคิดถึงเหตุการณ์ เผาบ้าน เผาเมือง ไหมครับ?” ซึ่งอาจทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดต่อคะแนนนิยมของผู้สมัครได้
นอกจากนี้ ยังมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาม.ร.ว.สุขุมพันธ์ จากกรณีที่น.ส.แสงหยก แสงหยกตระการ ได้ร้องคัดค้าน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และนายกิตพล เชิดชูกิจกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตประเวศ ว่ากล่าวหาใส่ร้าย หรือจูงใจให้เข้าใจผิด ว่า“เขตประเวศมีพื้นที่มากขนาดใหญ่ เพื่อพัฒนามีงบประมาณจากกรุงเทพฯ รักชอบ ส.ก.กิตพล ให้เลือกหมายเลข 16 หาบเร่แผงลอยยังคงมีต่อไป ถ้าท่านเลือกหมายเลขอื่น เขาจะเอาหาบเร่แผงลอยออกไป” ซึ่งที่ประชุม กกต. มีมติให้อนุกรรมการสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากยังไม่ทราบว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ อยู่ในรถขยายเสียงในเวลานั้นและเป็นผู้พูดด้วยหรือไม่ อีกทั้งเห็นว่าคำปราศรัยดังกล่าวเป็นคำพูดของสมาชิกสภากรุงเทพมหานครที่สามารถทำได้ ไม่ใช่เป็นคำพูดของเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้อำนวยการเขต จากหลักฐานดัวกล่าวจึงยังไม่ชัดเจน และแจ้งข้อกล่าวหาแก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และ นายกิตพล ทราบเนื่องจากตามกระบวนการสืบสวนสอบสวนต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกกล่าวหารับทราบ เพื่อเตรียมเอกสารหลักฐานเข้าชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ในชั้นอนุกรรมการสืบสวนของกกต.กทม. มีมติยกคำร้อง เพราะเห็นว่าไม่มีมูล จึงไมได้แจ้งข้อกล่าวหากับม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แต่เมื่อมาถึงการพิจารณาของกกต.เห็นว่าควรมีการสอบเพิ่มเติม จึงต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาให้ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ทราบ
และยังมีมติยกคำร้องที่นายสัญญา จันทรัตน์ ร้องคัดค้าน พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ อดีตผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพรรคเพื่อไทย และน.ส.พัทธยา เนตรธรานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน เขต 14 (พญาไท) และน.ส.วัลย์ลิกา สรรเสริญชูโชติ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองสวัสดิภาพชุมชน เขต 17 (ห้วยขวาง) ในข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่กระทำการใดๆ อันเป็นคุณ หรือเป็นโทษ แก่ผู้สมัคร
นายวิสุทธิ โพธิแท่น กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม กล่าวว่า กกต.เสียงข้างมากเห็นตามอนุกรรมการสืบสวนที่เสนอยกคำร้องเพราะเห็นว่าการกระทำของนายศิริโชคไม่เป็นเหตุสำคัญให้ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ได้รับเลือกตั้ง อีกทั้งภาพและข้อความที่โพสต์นั้นม.ร.ว.สุขุมพันธ์ไม่ได้ดำเนินการเอง และม.ร.ว.สุขุมพันธ์กับนายศิริโชคไม่ได้เกี่ยวข้องกัน อย่างไรก็ตามการดำเนินคดีอาญากับนายศิริโชค เมื่อคำร้องถึงศาลแล้วและศาลรับฟ้อง นายศิริโชคก็ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะไม่ใช่เรื่องของการทุจริตซื้อเสียง แต่หากว่าในที่สุดศาลมีคำสั่งลงโทษ ตามมาตรา 118 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่นก็กำหนดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 2หมื่นถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี อย่างไรก็ตามกรณีนี้เป็นเรื่องที่สองจาก 30 กว่าเรื่องที่มีการคัดค้านการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ดังนั้นยังเหลืออีกหลายเรื่องที่กกต.ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ
ทั้งนี้มีรายงานว่ามติกกต.ที่ให้ดำเนินคดีศิริโชคนั้นเป็นเอกฉันท์ แต่ในส่วนที่ให้ยกคำร้องคัดค้านม.ร.ว.สุขุมพันธ์นั้น เป็นมติเสียงข้างมาก 3 ต่อ 2 เสียง โดย 2 เสียงข้างน้อย เห็นว่าการกระทำของนายศิริโชคเป็น การโพสต์ข้อความที่ใส่ร้ายผู้สมัครรับเลือกตั้งคนอื่น โดยกระทำในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง แม้ม.ร.ว.สุขุมพันธ์จะไม่ได้เป็นผู้กระทำเอง แต่ก็ได้รับประโยชน์จากการกระทำนั้น จึงควรที่จะสั่งให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ใหม่
อย่างไรก็ตามมติให้ยกคำร้องแต่ให้ดำเนินคดีอาญานายศิริโชคนั้น ถูกตั้งข้อสังเกตว่า การมีคำสั่งในลักษณะนี้ขัดแย้งกันเองหรือไม่ เพราะถ้าพิจารณามติที่ผ่านมาเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น หากกกต.สั่งดำเนินคดีอาญากับผู้ที่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้กับผู้สมัคร หรือผู้ที่ได้รับเลือกตั้ง จนได้รับประโยชน์ กกต.จะสั่งเลือกตั้งใหม่ด้วย เช่น กรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปช่วยแจกผ้าห่มให้กับนายธานี เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกอบจ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 51 กกต.ก็สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่นายธานี และสั่งดำเนินคดีอาญากับนายสุเทพ
เวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี ดังกล่าวว่า สำหรับตนแล้ว ยังไม่ทราบเลยว่าทางคณะกรรมการกกต. ฟ้องร้องตนในข้อหาอะไร ผิดกฏหมายอะไรจ้อไหนบ้าง ภาพที่กกต.นำมากล่าวหาตน นั้นเป็นภาพที่ตนบอกแล้วว่าเป็นการตัดต่อ และหากดำเนินคดีอาญาตนจริงและหากตนทราบข้อหา ก็พร้อมที่จะสู้ทั้ง 3ศาล และจะพิสูจน์ด้วยว่ามีการทำผิดจริงหรือไม่ แต่ขณะนี้กกตงเองยังไม่มีความาชัดเจนว่าตนทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง กฎหมายหมิ่นประมาท หรือกฎหมายคอมพิวเตอร์ แต่ทั้งหมดไม่มีผลกระทบสมาชิกภาพการเป็นส.ส.เขตของตนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากตนผิดกฎหมายเลือกตั้งเป็นเรืองน่าแปลบกประหลาด เพราะที่ผ่านมากกต.กลางไม่เคยเรียกตนไปสอบปากคำ หรือ ขอความชัดเจนเลยแม้แต่ครั้งเดียวดังนั่นเวลานี้ตนจึงได้เพียงการรอเอกสารอย่าวงเป็นทางการจากกต.ก่อน