ASTVผู้จัดการรายวัน - เครือข่ายผู้ได้รับความเดือดร้อนจากการขึ้นราคาก๊าซภาคครัวเรือนเตรียมเคลื่อนพลเข้าเมืองหลวงร่วมชุมนุมคัดค้าน ขณะที่บรรดาผู้ประกอบการอาหารขึ้นราคาอาหารจานด่วนเพิ่มอีก 5 บาท
วานนี้ (3 ก.ย.) นางนิตยาพร สุวรรณชิน เครือข่ายผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำมันแพง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในนามของเครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวของเครือข่ายและหน่วยงานกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ จะรวมตัวกันเข้ายื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีใน 5 ประเด็น หรือ 5 ป. คือ
1. ปลด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงพลังงาน และอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ 2. เปิด คือ ให้เปิดเผยสัญญาปิโตรเลียมทั้งหมดของรัฐและผลประโยชน์ตอบแทนด้านพลังงานให้สังคมได้ทราบ 3.ปัน คือให้ประชาชน ชุมชนได้รับการแบ่งปันผลประโยชน์ด้านพลังงาน 4. ไป คือ ให้ข้าราชการกระทรวงพลังงานลาออกจากการเป็นกรรมการในธุรกิจพลังงาน เนื่องจากมีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีความเป็นธรรมในการบริหารจัดการ 5. เปลี่ยนแปลง คือ รัฐบาลต้องเปลี่ยนแปลงระบบการสัมปทานการขุดเจาะน้ำมันให้เป็นระบบรัฐสวัสดิการ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในประเทศ
ทั้งนี้ เครือข่ายจะไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่หน้าสำนักงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่กรุงเทพฯ วันที่ 9 ก.ย.นี้ และจะยื่นต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาให้การคุ้มครองชั่วคราวในการปรับขึ้นราคาค่าก๊าซด้วย
***"เครือข่ายพลังงาน" แห่ทวงสัญญา
วานนี้ (3ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มตัวแทนสภาปฏิรูปพลังงานไทย และเครือข่ายภาคประชาชน อาทิ เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ สภาธรรมาภิบาล เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทย ประมาณ 100 คน นำโดย พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส นักวิชาการอิสระเชี่ยวชาญด้านพลังงาน รวมตัวชุมนุมที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลโดยมีการปิดการจราจร 1 ช่องทาง
ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวได้ยื่นหนังสือ ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนขึ้นราคาพลังงาน และขอให้รัฐบาลดำเนินการตามนโยบายที่แถลงไว้ ทั้งการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ลดราคาน้ำมันลง และหยุดขึ้นค่าไฟฟ้าในเดือน ก.ย. - ธ.ค. 56 เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน
มีรายงานข่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้พูดผ่านเครื่องขยายเสียง เชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันคัดค้านนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล โดยในวันนี้(4 ก.ย.) จะไปยื่นหนังสือต่อองค์กรสหประชาชาติ เวลา 14.00 น
**ร้านข้าวแกงภูธรขึ้นราคา
วานนี้ (3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรัฐบาลประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนอีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 ไปจนถึงสิ้นปี ได้ส่งผลกระทบทั้งต่อพ่อแม่ค้าที่ใช้ก๊าซหุงต้มในการประกอบอาหารขาย และประชาชนในครัวเรือนกันอย่างถ้วนหน้า
ขณะที่ร้านขายข้าวแกง “น้ำเงินตามสั่ง” ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเปิดขายข้าวแกง และก๋วยเตี๋ยว ราคาถูกจานละ 10-15 บาทมานานกว่า 15 ปี ก็เตรียมปรับขึ้นราคาเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ และสินค้าประเภทอื่นที่นำมาประกอบอาหารไม่ไหว
เช่นเดียวกับนายต้อม เลิศเสนา อายุ 48 ปี พ่อค้าขายข้าวแกง ร้านน้ำเงินตามสั่ง บอกว่า หลังจากที่ก๊าซหุงต้มปรับขึ้นจากเดิมถังขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัมซื้อในราคาถังละ 300 บาท ปัจจุบันปรับขึ้นเป็นถังละ 320 บาทแล้วและจะทยอยปรับขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนผู้ประกอบการอาหารจานด่วน (ข้าวกล่อง) ริมถนนสามล้าน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เตรียมได้ขึ้นราคาอีก 5 บาท จากเดิมที่ขายข้าวกล่องผัดกะเพรา-ไข่ดาว หรือข้าวผัดพริกแกง-ไข่ดาว ราคากล่องละ 30 บาท เพิ่มเป็น 35 บาท เนื่องจากราคาก๊าซแพงขึ้น
วานนี้ (3 ก.ย.) นางนิตยาพร สุวรรณชิน เครือข่ายผู้ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำมันแพง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า ในนามของเครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวของเครือข่ายและหน่วยงานกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ จะรวมตัวกันเข้ายื่นข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรีใน 5 ประเด็น หรือ 5 ป. คือ
1. ปลด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปลัดกระทรวงพลังงาน และอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ 2. เปิด คือ ให้เปิดเผยสัญญาปิโตรเลียมทั้งหมดของรัฐและผลประโยชน์ตอบแทนด้านพลังงานให้สังคมได้ทราบ 3.ปัน คือให้ประชาชน ชุมชนได้รับการแบ่งปันผลประโยชน์ด้านพลังงาน 4. ไป คือ ให้ข้าราชการกระทรวงพลังงานลาออกจากการเป็นกรรมการในธุรกิจพลังงาน เนื่องจากมีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่มีความเป็นธรรมในการบริหารจัดการ 5. เปลี่ยนแปลง คือ รัฐบาลต้องเปลี่ยนแปลงระบบการสัมปทานการขุดเจาะน้ำมันให้เป็นระบบรัฐสวัสดิการ เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในประเทศ
ทั้งนี้ เครือข่ายจะไปร่วมชุมนุมใหญ่ที่หน้าสำนักงานของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่กรุงเทพฯ วันที่ 9 ก.ย.นี้ และจะยื่นต่อศาลปกครองเพื่อพิจารณาให้การคุ้มครองชั่วคราวในการปรับขึ้นราคาค่าก๊าซด้วย
***"เครือข่ายพลังงาน" แห่ทวงสัญญา
วานนี้ (3ก.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มตัวแทนสภาปฏิรูปพลังงานไทย และเครือข่ายภาคประชาชน อาทิ เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ สภาธรรมาภิบาล เครือข่ายประชาชนเจ้าของพลังงานไทย ประมาณ 100 คน นำโดย พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส นักวิชาการอิสระเชี่ยวชาญด้านพลังงาน รวมตัวชุมนุมที่ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลโดยมีการปิดการจราจร 1 ช่องทาง
ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวได้ยื่นหนังสือ ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้ช่วยปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ทบทวนขึ้นราคาพลังงาน และขอให้รัฐบาลดำเนินการตามนโยบายที่แถลงไว้ ทั้งการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ลดราคาน้ำมันลง และหยุดขึ้นค่าไฟฟ้าในเดือน ก.ย. - ธ.ค. 56 เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชน
มีรายงานข่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมได้พูดผ่านเครื่องขยายเสียง เชิญชวนประชาชนให้ร่วมกันคัดค้านนโยบายดังกล่าวของรัฐบาล โดยในวันนี้(4 ก.ย.) จะไปยื่นหนังสือต่อองค์กรสหประชาชาติ เวลา 14.00 น
**ร้านข้าวแกงภูธรขึ้นราคา
วานนี้ (3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรัฐบาลประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนอีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 ไปจนถึงสิ้นปี ได้ส่งผลกระทบทั้งต่อพ่อแม่ค้าที่ใช้ก๊าซหุงต้มในการประกอบอาหารขาย และประชาชนในครัวเรือนกันอย่างถ้วนหน้า
ขณะที่ร้านขายข้าวแกง “น้ำเงินตามสั่ง” ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเปิดขายข้าวแกง และก๋วยเตี๋ยว ราคาถูกจานละ 10-15 บาทมานานกว่า 15 ปี ก็เตรียมปรับขึ้นราคาเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ และสินค้าประเภทอื่นที่นำมาประกอบอาหารไม่ไหว
เช่นเดียวกับนายต้อม เลิศเสนา อายุ 48 ปี พ่อค้าขายข้าวแกง ร้านน้ำเงินตามสั่ง บอกว่า หลังจากที่ก๊าซหุงต้มปรับขึ้นจากเดิมถังขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัมซื้อในราคาถังละ 300 บาท ปัจจุบันปรับขึ้นเป็นถังละ 320 บาทแล้วและจะทยอยปรับขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนผู้ประกอบการอาหารจานด่วน (ข้าวกล่อง) ริมถนนสามล้าน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เตรียมได้ขึ้นราคาอีก 5 บาท จากเดิมที่ขายข้าวกล่องผัดกะเพรา-ไข่ดาว หรือข้าวผัดพริกแกง-ไข่ดาว ราคากล่องละ 30 บาท เพิ่มเป็น 35 บาท เนื่องจากราคาก๊าซแพงขึ้น
