บุรีรัมย์ - ร้านข้าวแกงบุรีรัมย์ขวัญใจคนจน และ นร.-นศ. เปิดขายราคาถูกจานละ 10-15 บาทมานานกว่า 15 ปี จ่อขึ้นราคาหลังแบกรับภาระต้นทุนราคาก๊าซหุงต้ม และวัตถุดิบนำมาประกอบอาหารที่ปรับราคาสูงขึ้นไม่ไหว วอนรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาข้าวของแพง ปชช.เดือดร้อนหนัก
วันนี้ (3 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังรัฐบาลประกาศปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนอีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ต่อเดือน ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2556 ไปจนถึงสิ้นปี ได้ส่งผลกระทบทั้งต่อพ่อแม่ค้าที่ใช้ก๊าซหุงต้มในการประกอบอาหารขาย และประชาชนในครัวเรือนกันอย่างถ้วนหน้า
ขณะที่ร้านขายข้าวแกง “น้ำเงินตามสั่ง” ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ซึ่งเปิดขายข้าวแกง และก๋วยเตี๋ยว ราคาถูกจานละ 10-15 บาทมานานกว่า 15 ปี โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่มีรายได้น้อย ก็เตรียมปรับขึ้นราคาเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากแบกรับภาระต้นทุนจากการปรับขึ้นราคาก๊าซ และสินค้าประเภทอื่นที่นำมาประกอบอาหารไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกจะยังไม่ปรับขึ้นทันทีเพราะเกรงจะกระทบกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่มีรายได้น้อยอยู่แล้ว เพียงลดปริมาณอาหารลงจากเดิมเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ขาดทุน ขณะที่ร้านข้าวแกงทั่วไปขายในราคาจานละ 30-35 บาท จากกรณีดังกล่าวขอเรียกร้องให้รัฐบาลได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาราคาข้าวของแพง เพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ค้าและประชาชนผู้บริโภคที่กำลังประสบปัญหาเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ด้วย
นายต้อม เลิศเสนา อายุ 48 ปี พ่อค้าขายข้าวแกง ร้านน้ำเงินตามสั่ง บอกว่า ตนและภรรยาเปิดขายข้าวแกงราคาถูกตั้งแต่จานละ 10 บาทจนถึง 15 บาทมานานกว่า 15 ปีแล้ว เพื่อต้องการแบ่งเบาภาระของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่มีรายได้น้อย แต่หลังจากที่ก๊าซหุงต้มปรับขึ้นจากเดิมถังขนาดบรรจุ 15 กิโลกรัมซื้อในราคาถังละ 300 บาท ปัจจุบันปรับขึ้นเป็นถังละ 320 บาทแล้วและจะทยอยปรับขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับเนื้อหมู ไก่ ไข่ ที่นำมาประกอบอาหารก็ปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทำให้ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น
“ช่วงนี้ถึงแม้ทางร้านจะขายอาหารหมด แต่กำไรก็ลดลงถึงร้อยละ 20 เพราะต้นทุนที่สูงขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาราคาข้าวของแพง ก่อนที่ประชาชนจะเดือดร้อนมากไปกว่านี้” นายต้อมกล่าว