ASTVผู้จัดการรายวัน - คอทองแดงกระอัก! ครม.เห็นชอบขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ ไวน์ มีผลแล้ววันนี้ (4 ก.ย.) อธิบดีกรมสรรพสามิตเผยรอบแรกปรับขึ้น 7-15% ดันราคาขายปลีกเบียร์แล้วแต่ยี่ห้อ เผยเบียร์ขวดใหญ่ช้างราคาพุ่ง 4 บาท แต่สิงห์แทบไม่ขึ้น ส่วนไฮเนเก้นพรวดเดียว 10 บาท เหล้ารีเจนซี่ 25 บาท แบล็ก 31 บาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่าง พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับเดิมที่ใช้มานาน อีกทั้งสินค้าเกือบทุกรายการมีอัตราภาษีที่ชนเพดานแล้ว ซึ่งการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้ จะทำให้สามารถดูแลได้ครอบคลุมทั้งกลุ่มสินค้าที่มีราคาสูง กลุ่มสินค้าที่มีระดับแอลกอฮอล์สูง และกลุ่มสินค้าที่มีปริมาณมากแต่แอลกอฮอล์น้อยในลักษณะที่เหมาะสมได้ตามพัฒนาการของสินค้าที่ถูกผลิตขึ้น รัฐบาลจึงเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่า การดำเนินการที่เกี่ยวเนื่องกับภาษีและอยู่ในสมัยประชุมสภาฯ ให้สามารถดำเนินการได้ในรูปแบบของพระราชกำหนด เพราะเป็นเรื่องความลับในการดำเนินการ
"การที่ พ.ร.ก.ได้รับโปรดเกล้าฯ แล้ว การทำกฎกระทรวงเพื่อกำหนดโครงสร้างภาษีใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ขณะนี้อยู่ในชั้นดำเนินการ คงต้องรอให้มีผลทางกฎหมายถึงจะบอกได้มากกว่านี้ เนื่องจากเกรงปัญหากักตุน พ่อค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา"
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ร่าง พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวได้ผ่านการลงพระปรมาภิไธยแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปคือการเสนอร่าง พ.ร.ก.นี้ต่อนี้ต่อสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในเรื่องของกฎกระทรวงเพื่อกำหนดโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ประสงค์จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีเพื่อให้มีรายรับจากภาษีสุราเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะหากประชาชนจะบริโภคสุราน้อยลงจนรัฐจัดเก็บภาษีไม่ได้เพิ่มหรือเก็บภาษีน้อยลง รัฐบาลกลับจะรู้สึกยินดีกว่า
***สรรพสามิตยันไม่ปรับขึ้นภาษีเต็มเพดาน
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า วันนี้ (4 ก.ย.) กระทรวงการคลังจะออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับอัตราภาษีใหม่ของภาษีสุรา เบียร์ ไวน์ และประกาศใน พระราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าราคาใหม่ โดยอัตราภาษีใหม่ไม่ได้มีการปรับขึ้นชนเพดาน 2,000 บาทต่อพันบาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ตามที่ พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.สุราฯ กำหนดแต่จะยึดหลักทยอยปรับขึ้นในอนาคต โดยครั้งนี้มีการปรับเฉลี่ย 7-8% แต่บางรายการอาจปรับขึ้น 10-15% แต่ไม่ได้ส่งผลให้ราคาขายปลีกมีการปรับขึ้นมากนักอย่างเบียร์มีการปรับขึ้นเพียง 2-3 บาทต่อกระป๋องเท่านั้น
โครงสร้างภาษีใหม่ จะมี 3 รูปแบบ คือ 1.การเก็บภาษีตามปริมาณต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 2.การเก็บภาษีตามมูลค่า และ 3.การเก็บภาษีตามปริมาณและมูลค่า เปลี่ยนจากเดิมที่การจัดเก็บจะมี 2 รูปแบบ คือ การเก็บภาษีตามปริมาณ และการจัดเก็บภาษีตามมูลค่า และเมื่อนำมาคำนวณหากอัตราภาษีใดสูงกว่าให้เลือกเก็บตามภาษีนั้นๆ แต่โครงสร้างภาษีใหม่จะมีการจัดเก็บภาษีตามปริมาณและมูลค่าควบคู่กันไป
นอกจากนี้โครงสร้างภาษีใหม่ ยังมีการขยายเพดานการจัดเก็บขึ้นเป็น 2 พันบาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการจัดเก็บภาษีเต็มเพดานแล้ว ซึ่งได้แก่ เบียร์ และไวน์ ที่มีการจัดเก็บภาษีตามมูลค่าร้อยละ 60 หรือตามปริมาณ 100 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ รวมถึงสุรากลั่นประเภทสุราปรุงพิเศษ สุราพิเศษ (วิสกี้/บรั่นดี) ที่มีการจัดเก็บภาษีตามมูลค่าร้อยละ 50 หรือตามปริมาณ 400 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งการปรับโครงสร้างภาษีใหม่นี้ จะส่งผลให้กรมสรรพสามิตมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.2-1.3 พันล้านบาทต่อเดือน
กรมสรรพสามิต ได้ทำการศึกษาผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ โดยคาดว่าราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น 7-8% อาทิ เบียร์ช้าง ขนาด 330 มล. ราคา 25 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 27.96 บาท ขนาด 640 มล. ราคา 42 บาท เป็น 46.19 บาท เบียร์สิงห์ ขนาด 330 มล. ราคา 31 บาท เหลือ 30 บาท ขนาด 630 มล. ราคา 56 บาท เป็น 56.06 บาท เบียร์ไฮเนเก้น ขนาด 330 มล. ราคา40 บาท เป็น 42.07 บาท ขนาด 640 มล. ราคา 60 บาท เป็น 70.21 บาท
สุราปรุงพิเศษ แม่โขง ขวดละ 100 บาท เป็น 101 บาท รีเจนซี่ ขนาด 175 มล. ราคา 145 บาท เป็น 155 บาท ขนาด 350 มล. ราคา 245 บาท เป็น 255 บาท ขนาด 700 มล. ราคา 500 บาท เป็น 525 บาท จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิล ราคา 1,199 บาท เป็น 1,230 บาท เรด เลเบิล ราคา 779 บาท เป็น 860 บาท ฮันเดรดไพเพอร์ส ราคา 365 บาท เป็น 390 บาท สุราขาว 28 ดีกรี ขวดละ 75 บาท เป็น 77.45 บาท , 30 ดีกรี ขวดละ 80 บาท เป็น 82.70 บาท , 35 ดีกรี ขวดละ 85 บาท เป็น 86.81 บาท , 40 ดีกรี ขวดละ 90 บาท เป็น 90.92 บาท เป็นต้น
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่าง พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.สุรา พ.ศ.2493 ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายฉบับเดิมที่ใช้มานาน อีกทั้งสินค้าเกือบทุกรายการมีอัตราภาษีที่ชนเพดานแล้ว ซึ่งการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้ จะทำให้สามารถดูแลได้ครอบคลุมทั้งกลุ่มสินค้าที่มีราคาสูง กลุ่มสินค้าที่มีระดับแอลกอฮอล์สูง และกลุ่มสินค้าที่มีปริมาณมากแต่แอลกอฮอล์น้อยในลักษณะที่เหมาะสมได้ตามพัฒนาการของสินค้าที่ถูกผลิตขึ้น รัฐบาลจึงเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญกำหนดว่า การดำเนินการที่เกี่ยวเนื่องกับภาษีและอยู่ในสมัยประชุมสภาฯ ให้สามารถดำเนินการได้ในรูปแบบของพระราชกำหนด เพราะเป็นเรื่องความลับในการดำเนินการ
"การที่ พ.ร.ก.ได้รับโปรดเกล้าฯ แล้ว การทำกฎกระทรวงเพื่อกำหนดโครงสร้างภาษีใหม่เป็นเรื่องที่ทำได้ แต่ขณะนี้อยู่ในชั้นดำเนินการ คงต้องรอให้มีผลทางกฎหมายถึงจะบอกได้มากกว่านี้ เนื่องจากเกรงปัญหากักตุน พ่อค้าฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา"
นายกิตติรัตน์กล่าวว่า ร่าง พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวได้ผ่านการลงพระปรมาภิไธยแล้ว โดยขั้นตอนต่อไปคือการเสนอร่าง พ.ร.ก.นี้ต่อนี้ต่อสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภาตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยระหว่างนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในเรื่องของกฎกระทรวงเพื่อกำหนดโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยยืนยันว่ารัฐบาลไม่ประสงค์จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีเพื่อให้มีรายรับจากภาษีสุราเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะหากประชาชนจะบริโภคสุราน้อยลงจนรัฐจัดเก็บภาษีไม่ได้เพิ่มหรือเก็บภาษีน้อยลง รัฐบาลกลับจะรู้สึกยินดีกว่า
***สรรพสามิตยันไม่ปรับขึ้นภาษีเต็มเพดาน
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า วันนี้ (4 ก.ย.) กระทรวงการคลังจะออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับอัตราภาษีใหม่ของภาษีสุรา เบียร์ ไวน์ และประกาศใน พระราชกิจจานุเบกษาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันที เพื่อป้องกันการกักตุนสินค้าราคาใหม่ โดยอัตราภาษีใหม่ไม่ได้มีการปรับขึ้นชนเพดาน 2,000 บาทต่อพันบาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ตามที่ พ.ร.ก.แก้ไข พ.ร.บ.สุราฯ กำหนดแต่จะยึดหลักทยอยปรับขึ้นในอนาคต โดยครั้งนี้มีการปรับเฉลี่ย 7-8% แต่บางรายการอาจปรับขึ้น 10-15% แต่ไม่ได้ส่งผลให้ราคาขายปลีกมีการปรับขึ้นมากนักอย่างเบียร์มีการปรับขึ้นเพียง 2-3 บาทต่อกระป๋องเท่านั้น
โครงสร้างภาษีใหม่ จะมี 3 รูปแบบ คือ 1.การเก็บภาษีตามปริมาณต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 2.การเก็บภาษีตามมูลค่า และ 3.การเก็บภาษีตามปริมาณและมูลค่า เปลี่ยนจากเดิมที่การจัดเก็บจะมี 2 รูปแบบ คือ การเก็บภาษีตามปริมาณ และการจัดเก็บภาษีตามมูลค่า และเมื่อนำมาคำนวณหากอัตราภาษีใดสูงกว่าให้เลือกเก็บตามภาษีนั้นๆ แต่โครงสร้างภาษีใหม่จะมีการจัดเก็บภาษีตามปริมาณและมูลค่าควบคู่กันไป
นอกจากนี้โครงสร้างภาษีใหม่ ยังมีการขยายเพดานการจัดเก็บขึ้นเป็น 2 พันบาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการจัดเก็บภาษีเต็มเพดานแล้ว ซึ่งได้แก่ เบียร์ และไวน์ ที่มีการจัดเก็บภาษีตามมูลค่าร้อยละ 60 หรือตามปริมาณ 100 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ รวมถึงสุรากลั่นประเภทสุราปรุงพิเศษ สุราพิเศษ (วิสกี้/บรั่นดี) ที่มีการจัดเก็บภาษีตามมูลค่าร้อยละ 50 หรือตามปริมาณ 400 บาทต่อลิตรแห่งแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ ซึ่งการปรับโครงสร้างภาษีใหม่นี้ จะส่งผลให้กรมสรรพสามิตมีรายได้เพิ่มขึ้น 1.2-1.3 พันล้านบาทต่อเดือน
กรมสรรพสามิต ได้ทำการศึกษาผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ โดยคาดว่าราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น 7-8% อาทิ เบียร์ช้าง ขนาด 330 มล. ราคา 25 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 27.96 บาท ขนาด 640 มล. ราคา 42 บาท เป็น 46.19 บาท เบียร์สิงห์ ขนาด 330 มล. ราคา 31 บาท เหลือ 30 บาท ขนาด 630 มล. ราคา 56 บาท เป็น 56.06 บาท เบียร์ไฮเนเก้น ขนาด 330 มล. ราคา40 บาท เป็น 42.07 บาท ขนาด 640 มล. ราคา 60 บาท เป็น 70.21 บาท
สุราปรุงพิเศษ แม่โขง ขวดละ 100 บาท เป็น 101 บาท รีเจนซี่ ขนาด 175 มล. ราคา 145 บาท เป็น 155 บาท ขนาด 350 มล. ราคา 245 บาท เป็น 255 บาท ขนาด 700 มล. ราคา 500 บาท เป็น 525 บาท จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิล ราคา 1,199 บาท เป็น 1,230 บาท เรด เลเบิล ราคา 779 บาท เป็น 860 บาท ฮันเดรดไพเพอร์ส ราคา 365 บาท เป็น 390 บาท สุราขาว 28 ดีกรี ขวดละ 75 บาท เป็น 77.45 บาท , 30 ดีกรี ขวดละ 80 บาท เป็น 82.70 บาท , 35 ดีกรี ขวดละ 85 บาท เป็น 86.81 บาท , 40 ดีกรี ขวดละ 90 บาท เป็น 90.92 บาท เป็นต้น