รัฐบาลหุ่นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังคงเดินหน้าที่จะปฏิรูปประเทศไทยต่อไป พร้อมๆ กับเดินหน้าที่จะผ่านร่างกฎหมายนิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยที่ไม่สนใจเสียงคัดค้าน ไม่สนใจต่อการชุมนุมของประชาชนที่สวนลุมฯ ไม่สนใจต่อการชุมนุมของเกษตกรชาวสวนยางพาราและชาวสวนปาล์ม
เพราะรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เชื่อมั่นว่า เสถียรภาพของรัฐบาลอยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ของสภาฯ ฝ่ายค้านเองก็รู้ดีว่าต่อให้ยกทั้งมือทั้งเท้าก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะฝ่ายรัฐบาลได้ อย่าว่าแต่กลไกของสภาฯ มีประธานและรองประธานรัฐสภาคอยทำหน้าที่กำกับการประชุมให้เป็นไปตามที่ฝ่ายบงการรัฐบาลต้องการ หรือถ้าหากประธานและรองประธานหน้าด้านน้อยลงปล่อยให้ฝ่ายค้านพูดมากขึ้น แต่ในที่สุดแล้วเมื่อมีการลงคะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาลก็ชนะอยู่ดี
พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีความสันทัดจัดเจน มีชั้นเชิงในสภาฯ อาจจะภาคภูมิใจที่วันนี้สามารถลากยาวการอภิปรายการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละมาตราไปได้หลายวันหลายคืน แต่ในที่สุดก็ต้องมีการลงมติ มีการนับจำนวนมือที่ยกขึ้นคัดค้านหรือสนับสนุน ซึ่งในที่สุดก็ดังได้กล่าวแล้วว่า รัฐบาลชนะอยู่ดี
ที่สวนลุมฯ มีประชาชนชุมนุมเป้าหมายคือการโค่นล้มระบอบทักษิณ หรือพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ ไม่เอารัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์ ประกาศให้รัฐบาลลาออกมาตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม นี่อีกไม่กี่วันก็จะวันที่ 7 กันยายนแล้ว ก็ไม่เห็นว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะมีรอยบิ่นแม้แต่น้อย
ชุมนุมกันมาเป็นเดือนแล้ว แม้จะมีผู้คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลก็ไม่รู้สึกระคายผิวเลยแม้แต่น้อย
ที่อำเภอชะอวด นครศรีธรรมราช ชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม แรกก็ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสลายการชุมนุมทำให้ผู้ชุมนุมยกระดับการชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นปิดถนน ปิดเส้นทางรถไฟ รัฐบาลก็ไม่ระคายผิวอีกเช่นเดิม อาจจะคิดว่าอยากปิดถนน ปิดเส้นทางรถไฟก็ปิดไป คนเดือดร้อนคือชาวใต้เองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ฐานคะแนนของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อยู่แล้ว คนที่เดือดร้อนจากการชุมนุมของชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มก็จะด่าประณามผู้ชุมนุมเองว่าเป็นผู้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ใช้รถใช้ถนน ใช้รถไฟ
นอกจากไม่สนใจไม่นำพาแล้ว รัฐบาลยังกล้าเพิ่มภาระให้กับประชาชนโดยให้ขึ้นค่าทางด่วน ให้ขึ้นราคาแก๊สหุงต้มที่ประชาชนจะต้องเดือดร้อนอย่างเลี่ยงไม่ได้อีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ทุกเดือนจนครบกิโลกรัมละ 6 บาท ซึ่งแน่นอนว่า แก๊สหุงต้ม 15 กิโลกรัม(ถัง)จะต้องขึ้นราคาอีก 90 บาทใน 1 ปี
ถ้ามีประชาชนออกมาคัดค้านก็จะมีมวลชนของรัฐบาลออกมาสนับสนุน เช่นการสนับสนุนให้รัฐบาลขั้นราคาแก๊สเมื่อไม่นานมานี้ หรือมีกลุ่มผู้ขับแท็กซี่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยจ่ายชดเชย และให้รัฐบาลขอให้ขึ้นราคามิเตอร์ได้ (ไม่ได้เรียกร้องช่วยประชาชนผู้บริโภค หากแต่เรียกร้องเพื่อตัวเอง และผลักภาระให้กับผู้บริโภค)
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็เพราะรัฐบาลย่ามใจ ถือดี เชื่อมั่นในเสถียรภาพอันมั่นคงของรัฐบาล เพราะในสภาฯ มีเสียงข้างมาก นอกสภาฯ มีมวลชนสนับสนุน มีสื่อหลักๆทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์คอยเชียร์ คอยให้กำลังใจ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยปกป้องคุ้มครองรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยิ่งกว่าไข่ในหิน ถ้าหากประชาชนมาชุมนุมคัดค้าน ถ้าหากเป็นที่สาธารณะที่จะกดดันรัฐบาลได้ก็ใช้แก๊สน้ำตา ใช้กระบอง หรือไม่ก็ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง ห้ามชุมนุม ห้ามผ่าน ห้ามใช้ถนน
ถ้าอยู่ในสนามม้าหรืออยู่ในสวนลุมฯ ไม่เดือดร้อนใครอยู่ได้ก็อยู่ไป รัฐบาลจะไม่เหลือบแลให้เปลืองสายตา
กระนั้นก็ตามที่ชุมนุมที่นครศรีธรรมราช นอกจากรัฐบาลพยายามจะแบ่งแยกผู้ชุมนุมด้วยการเข้าหากำนัน ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ก็มีเหตุการณ์ที่ชวนให้สงสัยว่า นี่เป็นวิธีการสลายการชุมนุม เป็นวิธีการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมหรือไม่
มีรายงานว่าสถานการณ์การชุมนุมของชาวสวนยางพื้นที่ภาคใต้ ที่ออกมาเรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ บริเวณแยกบ้านตูล ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ตึงเครียดเพิ่มขึ้น หลังจากเมื่อเวลา 03.50 น. วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิงการ์ดผู้ชุมนุมกลุ่มภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน บริเวณใกล้เคียงทางตัดรถไฟบ้านตูล จนมีการ์ดเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย
จุดเกิดเหตุผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุกคอนเทนเนอร์มาจอดขวางทางรถไฟไว้ และจัดการ์ดมาดูแล แต่ปรากฏว่าช่วงเวลา 03.50 น. วันที่ 1 ก.ย. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่การ์ดผู้ชุมนุม 5 นัด ทำให้นายศิริชัย บุญนุวงศ์ หรือนุ้ย อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 ม.6 ต.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ถูกยิง 2 นัด เข้าที่เบ้าตาขวาและหน้าอกขวา ล้มลงเสียชีวิตทันที ส่วนนายสิทธิศักดิ์ ใจงาม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 ม.1 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ถูกยิง 2 นัด กระสุนฝังในเข้าที่กรามขวาและไหล่ขวา แต่ยังสามารถวิ่งไปขอความช่วยเหลือทีมการ์ดที่อยู่บริเวณแยกบ้านตูล ติดกับโรงเรียนควนเงิน ช่วยนำส่งโรงพยาบาลชะอวด และส่งต่อไปโรงพยาบาลมหาราช
นายเอียด เส้งเอียด แกนกลางประสานงานภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน พร้อมผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ จากนั้นผู้ชุมนุมต่างทยอยเข้าพื้นที่ชุมนุมเร็วกว่าปกติ ซึ่งเดิมจะเข้ามาร่วมชุมนุมในบ่าย และมีการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเคร่งเครียด ขณะที่ทางเข้า-ออกพื้นที่ชุมนุมทั้ง 2 จุด คือที่แยกควนหนองหงษ์ และแยกบ้านตูล มีการเพิ่มความเข้มในการตรวจผู้เข้า-ออกมากขึ้น
เสถียรภาพของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์คงจะมั่นคงไปอีกยาวนาน จนกระทั่งหมดสมัยนี้ ต่อไปอีกสมัยหน้านางสาวยิ่งลักษณ์นอกจากจะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจจะเพิ่มอีกกระทรวงเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว
ประชาชนอย่างเราก็ได้แต่แซ่ซ้องสาธุการ
เจริญ เจริญเถอะแม่คุณเอ้ย
เพราะรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์เชื่อมั่นว่า เสถียรภาพของรัฐบาลอยู่ที่เสียงส่วนใหญ่ของสภาฯ ฝ่ายค้านเองก็รู้ดีว่าต่อให้ยกทั้งมือทั้งเท้าก็ไม่สามารถที่จะเอาชนะฝ่ายรัฐบาลได้ อย่าว่าแต่กลไกของสภาฯ มีประธานและรองประธานรัฐสภาคอยทำหน้าที่กำกับการประชุมให้เป็นไปตามที่ฝ่ายบงการรัฐบาลต้องการ หรือถ้าหากประธานและรองประธานหน้าด้านน้อยลงปล่อยให้ฝ่ายค้านพูดมากขึ้น แต่ในที่สุดแล้วเมื่อมีการลงคะแนนเสียงฝ่ายรัฐบาลก็ชนะอยู่ดี
พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งมีความสันทัดจัดเจน มีชั้นเชิงในสภาฯ อาจจะภาคภูมิใจที่วันนี้สามารถลากยาวการอภิปรายการแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ละมาตราไปได้หลายวันหลายคืน แต่ในที่สุดก็ต้องมีการลงมติ มีการนับจำนวนมือที่ยกขึ้นคัดค้านหรือสนับสนุน ซึ่งในที่สุดก็ดังได้กล่าวแล้วว่า รัฐบาลชนะอยู่ดี
ที่สวนลุมฯ มีประชาชนชุมนุมเป้าหมายคือการโค่นล้มระบอบทักษิณ หรือพูดกันอย่างตรงไปตรงมาก็คือ ไม่เอารัฐบาลหุ่นยิ่งลักษณ์ ประกาศให้รัฐบาลลาออกมาตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม นี่อีกไม่กี่วันก็จะวันที่ 7 กันยายนแล้ว ก็ไม่เห็นว่า รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะมีรอยบิ่นแม้แต่น้อย
ชุมนุมกันมาเป็นเดือนแล้ว แม้จะมีผู้คนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลก็ไม่รู้สึกระคายผิวเลยแม้แต่น้อย
ที่อำเภอชะอวด นครศรีธรรมราช ชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มชุมนุมมาตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม แรกก็ใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสลายการชุมนุมทำให้ผู้ชุมนุมยกระดับการชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นปิดถนน ปิดเส้นทางรถไฟ รัฐบาลก็ไม่ระคายผิวอีกเช่นเดิม อาจจะคิดว่าอยากปิดถนน ปิดเส้นทางรถไฟก็ปิดไป คนเดือดร้อนคือชาวใต้เองเป็นส่วนใหญ่ ไม่ใช่ฐานคะแนนของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อยู่แล้ว คนที่เดือดร้อนจากการชุมนุมของชาวสวนยาง ชาวสวนปาล์มก็จะด่าประณามผู้ชุมนุมเองว่าเป็นผู้สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ที่ใช้รถใช้ถนน ใช้รถไฟ
นอกจากไม่สนใจไม่นำพาแล้ว รัฐบาลยังกล้าเพิ่มภาระให้กับประชาชนโดยให้ขึ้นค่าทางด่วน ให้ขึ้นราคาแก๊สหุงต้มที่ประชาชนจะต้องเดือดร้อนอย่างเลี่ยงไม่ได้อีกกิโลกรัมละ 50 สตางค์ทุกเดือนจนครบกิโลกรัมละ 6 บาท ซึ่งแน่นอนว่า แก๊สหุงต้ม 15 กิโลกรัม(ถัง)จะต้องขึ้นราคาอีก 90 บาทใน 1 ปี
ถ้ามีประชาชนออกมาคัดค้านก็จะมีมวลชนของรัฐบาลออกมาสนับสนุน เช่นการสนับสนุนให้รัฐบาลขั้นราคาแก๊สเมื่อไม่นานมานี้ หรือมีกลุ่มผู้ขับแท็กซี่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยจ่ายชดเชย และให้รัฐบาลขอให้ขึ้นราคามิเตอร์ได้ (ไม่ได้เรียกร้องช่วยประชาชนผู้บริโภค หากแต่เรียกร้องเพื่อตัวเอง และผลักภาระให้กับผู้บริโภค)
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ก็เพราะรัฐบาลย่ามใจ ถือดี เชื่อมั่นในเสถียรภาพอันมั่นคงของรัฐบาล เพราะในสภาฯ มีเสียงข้างมาก นอกสภาฯ มีมวลชนสนับสนุน มีสื่อหลักๆทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์คอยเชียร์ คอยให้กำลังใจ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยปกป้องคุ้มครองรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยิ่งกว่าไข่ในหิน ถ้าหากประชาชนมาชุมนุมคัดค้าน ถ้าหากเป็นที่สาธารณะที่จะกดดันรัฐบาลได้ก็ใช้แก๊สน้ำตา ใช้กระบอง หรือไม่ก็ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง ห้ามชุมนุม ห้ามผ่าน ห้ามใช้ถนน
ถ้าอยู่ในสนามม้าหรืออยู่ในสวนลุมฯ ไม่เดือดร้อนใครอยู่ได้ก็อยู่ไป รัฐบาลจะไม่เหลือบแลให้เปลืองสายตา
กระนั้นก็ตามที่ชุมนุมที่นครศรีธรรมราช นอกจากรัฐบาลพยายามจะแบ่งแยกผู้ชุมนุมด้วยการเข้าหากำนัน ผู้ใหญ่บ้านแล้ว ก็มีเหตุการณ์ที่ชวนให้สงสัยว่า นี่เป็นวิธีการสลายการชุมนุม เป็นวิธีการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมหรือไม่
มีรายงานว่าสถานการณ์การชุมนุมของชาวสวนยางพื้นที่ภาคใต้ ที่ออกมาเรียกร้องรัฐบาลแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ บริเวณแยกบ้านตูล ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ตึงเครียดเพิ่มขึ้น หลังจากเมื่อเวลา 03.50 น. วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนลอบยิงการ์ดผู้ชุมนุมกลุ่มภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน บริเวณใกล้เคียงทางตัดรถไฟบ้านตูล จนมีการ์ดเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย
จุดเกิดเหตุผู้ชุมนุมได้นำรถบรรทุกคอนเทนเนอร์มาจอดขวางทางรถไฟไว้ และจัดการ์ดมาดูแล แต่ปรากฏว่าช่วงเวลา 03.50 น. วันที่ 1 ก.ย. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่การ์ดผู้ชุมนุม 5 นัด ทำให้นายศิริชัย บุญนุวงศ์ หรือนุ้ย อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 135 ม.6 ต.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ถูกยิง 2 นัด เข้าที่เบ้าตาขวาและหน้าอกขวา ล้มลงเสียชีวิตทันที ส่วนนายสิทธิศักดิ์ ใจงาม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 159 ม.1 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ถูกยิง 2 นัด กระสุนฝังในเข้าที่กรามขวาและไหล่ขวา แต่ยังสามารถวิ่งไปขอความช่วยเหลือทีมการ์ดที่อยู่บริเวณแยกบ้านตูล ติดกับโรงเรียนควนเงิน ช่วยนำส่งโรงพยาบาลชะอวด และส่งต่อไปโรงพยาบาลมหาราช
นายเอียด เส้งเอียด แกนกลางประสานงานภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์มน้ำมัน พร้อมผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง เดินทางไปดูที่เกิดเหตุ จากนั้นผู้ชุมนุมต่างทยอยเข้าพื้นที่ชุมนุมเร็วกว่าปกติ ซึ่งเดิมจะเข้ามาร่วมชุมนุมในบ่าย และมีการจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเคร่งเครียด ขณะที่ทางเข้า-ออกพื้นที่ชุมนุมทั้ง 2 จุด คือที่แยกควนหนองหงษ์ และแยกบ้านตูล มีการเพิ่มความเข้มในการตรวจผู้เข้า-ออกมากขึ้น
เสถียรภาพของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์คงจะมั่นคงไปอีกยาวนาน จนกระทั่งหมดสมัยนี้ ต่อไปอีกสมัยหน้านางสาวยิ่งลักษณ์นอกจากจะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อาจจะเพิ่มอีกกระทรวงเป็นรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยว
ประชาชนอย่างเราก็ได้แต่แซ่ซ้องสาธุการ
เจริญ เจริญเถอะแม่คุณเอ้ย
