ศูนย์ข่าวศรีราชา - "โอละพ่อ" สาวอุซเบกิสถานโวยตำรวจหลังภาพตัวเองปรากฏถูกฆ่ายัดกระเป๋าใน กทม. ระบุยังทำมาหากินตามปกติ หวั่นญาติเข้าใจผิด เตรียมบุกสถานฑูตถามข้อเท็จจริง
วานนี้ (29 ส.ค.56) จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง กทม.ทำการจับกุมตัวนายโซบิยอน โซบิรอฟ อายุ 23 ปี ชาวอุซเบกิสถาน ที่ก่อเหตุฆ่า น.ส.ไลลา นิลูฟา อายุ 24 ปี แฟนสาวชาติเดียวกันยัดใส่กระเป๋าเดินทางก่อนนำไปโดนทิ้งลงคลองพระโขนง เพราะมีปากเสียงกันด้วยเหตุไม่พอใจที่แฟนสาวมาทวงเงินที่ขอยืมไปนั้น
ปรากฏว่าล่าสุดนางมุนิโนว่า นิโกล่า อายุ 22 ปี สัญชาติอุซเบกิสถาน ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อแจ้งให้ทราบว่ากรณีหญิงสาวชาวอุซเบกิสถาน ที่ถูกฆ่าจนเสียชีวิตและมีการนำพาสปอร์ตรูปภาพของผู้ตายออกมาโชว์ตามสื่อนั้น แท้จริงแล้วเป็นภาพของตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด จึงต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ประสานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วย
นางมุนิโนว่า เล่าว่า ตนอยู่เมืองพัทยามานานกว่า 1 ปี โดยทำงานเป็นพนักงานเสริฟที่สถานประกอบการแห่งหนึ่ง ช่วงที่ผ่านมามีเพื่อนมาบอกว่ามีภาพตัวเองปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ จึงไปตรวจสอบก็พบ ว่าเป็นเรื่องจริงจึงรู้สึกแปลกใจ และคิดว่าอาจจะมีความผิดพลาดบางอย่าง จึงเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ เพื่อหวังประสานในการตรวจสอบ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยัง สน.พระโขนง เพื่อตรวจสอบก็ได้รับคำยืนยันว่าทางญาติผู้เสียชีวิตยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จะได้ประสานสถานฑูตอุซเบกิสถามเพื่อตรวจสอบต่อไป
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวยัง พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ ครองบุญ รอง ผกก.สส.สน.พระโขนง ท้องที่เกิดเหตุได้รับคำตอบว่า ได้รับการประสาน0kdตำรวจท่องเที่ยวพัทยา จ.ชลบุรี แล้วว่า นางมุนิโนว่า นิโกล่า อายุ 22 ปี สัญชาติอุซเบกิสถาน ได้ออกมายืนยันแล้วว่ารูปที่ติดหน้าพาสปอร์ตของ น.ส.ไลลา นิลูฟา อายุ 24 ปี ผู้เสียชีวิตที่ถูกนายโซบิยอน โซบิรอฟ อายุ 23 ปี ชาวอุซเบกิสถานฆาตกรรมนั้นเป็นภาพถ่ายของตน ซึ่งทางตำรวจท่องเที่ยวพัทยาจะนำตัวนางมุนิโนว่า ไปที่สถานฑูตอุซเบกิสถานในวันที่ 30 ส.ค.นี้เพื่อทำการตรวจสอบวีซ่าและพาสปอร์ต รวมทั้งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนดังกล่าวถึงจะนำหลักฐานมาแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะโยงใยไปถึงปัญหาตราประทับวีซ่าและการปลอมแปลงพาสปอร์ตหรือไม่ พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่ต้องรอดูเอกสารที่ทางสถานทูตอุซเบกิสถานตรวจสอบก่อน
ส่วนจะแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ไลลา พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ กล่าวว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันญาติของ น.ส.ไลลา เพิ่งมาแสดงตนพร้อมระบุว่าผู้เสียชีวิต คือ น.ส.ไลลา จริง อย่างไรก็ตาม คงต้องรอเอกสารจากทางสถานทูตฯ เพื่อนำมาตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนก่อนหลังจากนั้นจะนำมาตรวจสอบความชัดเจนอีกที
วานนี้ (29 ส.ค.56) จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง กทม.ทำการจับกุมตัวนายโซบิยอน โซบิรอฟ อายุ 23 ปี ชาวอุซเบกิสถาน ที่ก่อเหตุฆ่า น.ส.ไลลา นิลูฟา อายุ 24 ปี แฟนสาวชาติเดียวกันยัดใส่กระเป๋าเดินทางก่อนนำไปโดนทิ้งลงคลองพระโขนง เพราะมีปากเสียงกันด้วยเหตุไม่พอใจที่แฟนสาวมาทวงเงินที่ขอยืมไปนั้น
ปรากฏว่าล่าสุดนางมุนิโนว่า นิโกล่า อายุ 22 ปี สัญชาติอุซเบกิสถาน ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อแจ้งให้ทราบว่ากรณีหญิงสาวชาวอุซเบกิสถาน ที่ถูกฆ่าจนเสียชีวิตและมีการนำพาสปอร์ตรูปภาพของผู้ตายออกมาโชว์ตามสื่อนั้น แท้จริงแล้วเป็นภาพของตัวเองที่ยังมีชีวิตอยู่ และไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด จึงต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ประสานตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นด้วย
นางมุนิโนว่า เล่าว่า ตนอยู่เมืองพัทยามานานกว่า 1 ปี โดยทำงานเป็นพนักงานเสริฟที่สถานประกอบการแห่งหนึ่ง ช่วงที่ผ่านมามีเพื่อนมาบอกว่ามีภาพตัวเองปรากฏในหน้าหนังสือพิมพ์ จึงไปตรวจสอบก็พบ ว่าเป็นเรื่องจริงจึงรู้สึกแปลกใจ และคิดว่าอาจจะมีความผิดพลาดบางอย่าง จึงเดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ เพื่อหวังประสานในการตรวจสอบ เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานไปยัง สน.พระโขนง เพื่อตรวจสอบก็ได้รับคำยืนยันว่าทางญาติผู้เสียชีวิตยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกัน อย่างไรก็ตาม จะได้ประสานสถานฑูตอุซเบกิสถามเพื่อตรวจสอบต่อไป
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามข้อเท็จจริงในคดีดังกล่าวยัง พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ ครองบุญ รอง ผกก.สส.สน.พระโขนง ท้องที่เกิดเหตุได้รับคำตอบว่า ได้รับการประสาน0kdตำรวจท่องเที่ยวพัทยา จ.ชลบุรี แล้วว่า นางมุนิโนว่า นิโกล่า อายุ 22 ปี สัญชาติอุซเบกิสถาน ได้ออกมายืนยันแล้วว่ารูปที่ติดหน้าพาสปอร์ตของ น.ส.ไลลา นิลูฟา อายุ 24 ปี ผู้เสียชีวิตที่ถูกนายโซบิยอน โซบิรอฟ อายุ 23 ปี ชาวอุซเบกิสถานฆาตกรรมนั้นเป็นภาพถ่ายของตน ซึ่งทางตำรวจท่องเที่ยวพัทยาจะนำตัวนางมุนิโนว่า ไปที่สถานฑูตอุซเบกิสถานในวันที่ 30 ส.ค.นี้เพื่อทำการตรวจสอบวีซ่าและพาสปอร์ต รวมทั้งเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนดังกล่าวถึงจะนำหลักฐานมาแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง ดำเนินการต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะโยงใยไปถึงปัญหาตราประทับวีซ่าและการปลอมแปลงพาสปอร์ตหรือไม่ พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ แต่ต้องรอดูเอกสารที่ทางสถานทูตอุซเบกิสถานตรวจสอบก่อน
ส่วนจะแน่ใจได้อย่างไรว่าผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ไลลา พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ กล่าวว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันญาติของ น.ส.ไลลา เพิ่งมาแสดงตนพร้อมระบุว่าผู้เสียชีวิต คือ น.ส.ไลลา จริง อย่างไรก็ตาม คงต้องรอเอกสารจากทางสถานทูตฯ เพื่อนำมาตรวจสอบที่มาที่ไปให้ชัดเจนก่อนหลังจากนั้นจะนำมาตรวจสอบความชัดเจนอีกที