รอง สวป.หน.แก๊งอุ้มวิศวกรอิตาลี รีดทรัพย์ขอมอบตัวอีกเป็นครั้งที่สอง อ้างขอเวลาเตรียมตัว 1-2 วัน ขณะที่ชุดไล่ล่ายังไม่ลดละ
วันนี้ (26 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พี่สาวของ ร.ต.ท.อัครเนตร มุฑาวัน รอง สวป.ทำหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สน.ลุมพินี ผู้ต้องหาในคดีอุ้มสถาปนิกและวิศวกรชาวอิตาลีไปรีดไถเงิน 2 ล้านบาท โดยยัดข้อหาว่าใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมกดเงิน ติดต่อมายัง พ.ต.ท.รัฐวุฒิ เจียมศรีพงษ์ รอง ผกก.ป.สน.ลุมพินี ผู้บังคับบัญชาของตัวเองว่า จะเข้ามามอบตัว แต่ยังไม่ระบุวันเวลาที่แน่ชัด เนื่องจากยังขอเวลาตั้งหลักอีกสักพัก โดยถือเป็นการติดต่อขอมอบตัวเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเจ้าตัวเคยติดต่อมายังผู้บังคับบัญชาเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ว่าจะเข้ามอบตัวแต่ขอเวลาเตรียมตัว 1-2 วัน
โดยคดีนี้ชุดสืบสวน สน.ลุมพินี ได้รับการประสานจากตำรวจสากล จนสามารถจับกุม ด.ต.สถิตย์ จันทร์โสม จ.ส.ต.ภูริพัศ ชื่นจำปา 2 ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ และนายมูฮิดดิน ชาริปอฟ ชาวอุซเบกิสถานได้แล้ว 3 ราย ยังคงเหลือ ร.ต.ท.วิรัตน์ อินทร์ยอด กับ ร.ต.ท.อัครเนตร มุฑาวัน ที่ยังคงหลบหนีอยู่
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ส.ค. นายดานิลโล เดอ วีโต อายุ 51 ปี อาชีพสถาปนิก และนายอันโตนิโอ ดิ มูโร อายุ 62 ปี อาชีพวิศวกร สัญชาติอิตาลี เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับ พ.ต.ท.ยุต ทองอยู่ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.ลุมพินี หลังจากเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งสองได้เข้ามาแจ้งความว่าถูกชายฉกรรจ์อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอุ้มตัวไปยังโรงแรม เพื่อรีดทรัพย์เป็นเงินสด 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ต้องถูกดำเนินคดีข้อหาใช้บัตรเครดิตปลอม
ผู้เสียหายทั้งสองให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 19.00 น.จากนั้นในเวลา 21.00 น.ได้เข้าพักที่โรงแรมนานาราชา ย่านซอยนานา ขณะลงมาเดินเล่นด้านหน้าโรงแรม และไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม ได้ถูกชายลักษณะคล้ายแขกขาวมาประกบด้านหลัง และโดยมีถูกชายฉกรรจ์อีก 4 คนแต่งตัวคล้ายตำรวจมาแสดงตัวเข้าจับกุม โดยอ้างว่าผู้เสียหายทั้งสองคนใช้บัตรเอทีเอ็มปลอมกดเงิน จากนั้นคุมตัวทั้งไปเจรจาที่บริเวณชั้น 5 ของอาคารร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้เสียหายไม่ทราบว่าเป็นจุดไหน
ผู้เสียหายให้การต่อว่า หลังจากนั้นกลุ่มชายฉกรรจ์ก็พาพวกตนไปยังโรงแรมสวัสดี ซอยสุขุมวิท 57 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา ในเวลา 02.00 น.ของวันที่ 20 ส.ค. พร้อมขู่เรียกเงินจำนวน 2 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี เนื่องจากคดีปลอมบัตรอิเล็กทรนิกส์ ต้องรับโทษหลายปี แต่ผู้เสียหายอ้างว่าไม่มีเงิน ก่อนจะมีการต่อรองจนเหลือ 25,000 ยูโร ทางกลุ่มชายฉกรรจ์ จึงสั่งให้โทรศัพท์ติดต่อไปหาญาติที่ประเทศอิตาลี เพื่อให้โอนเงินมาให้ จนกระทั่งประสานตำรวจสากลเพื่อให้จับกลุ่มแก๊งตร.รีดทรัพย์รายนี้ มาดำเนินคดีได้ในที่สุด