รอง ผบช.น.เตือนรองสวป.ลุมพินีทั้ง 2 นาย ที่ก่อเหตุอุ้มนักท่องเที่ยวชาวอิตาลีรีดเงิน อย่าคิดหนี ลูกผู้ชายทำผิดต้องยอมรับผิด เร่งล่าตัว ยันยังอยู่ในพื้นที่ไม่ไปไหนไกล พร้อมนำตัวตัว 3 ผู้ต้องหาซึ่งถูกจับได้ก่อนหน้านี้ ขออำนาจศาลฝากขังพร้อมคัดค้านประกันตัว
วานนี้ (25 ส.ค.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.กล่าวถึงการติดตามตัว ร.ต.ท.วิรัตน์ อินทร์ยอด และ ร.ต.ท.อัครเนตร มุฑาวัน รอง สวป.สน.ลุมพินี ที่ถูกออกหมายจับคดีอุ้มรีดเงินต่างชาติว่า อย่าได้คิดหลบหนี ถ้ากระทำความผิดจริง ควรจะมามอบตัวสู้คดีดีกว่า ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ เมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับผิด ขอให้เข้ามามอบตัวโดยเร็ว
รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า คดีนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นผู้ต้องหา 4 นาย ร่วมกับพลเรือนชาวอุซเบกิสถาน ก่อเหตุอุ้มสถาปนิกและวิศวกรชาวอิตาลี 2 คน ไปรีดเงินค่าไถ่จำนวน 2 ล้านบาท โดยยัดข้อหาชาวอิตาลีใช้บัตรปลอมกดเงิน เบื้องต้นจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจได้ 2 นาย คือ ด.ต.สถิตย์ จันทร์โสม สน.ทองหล่อ และ จ.ส.ต.ภูริพัศ ชื่นจำปา สน.ทองหล่อ ส่วนอีก 2 คนยังหลบหนี ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุก บก.เร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะทำให้ชื่อเสียงของข้าราชการตำรวจเสื่อมเสีย โดยขณะนี้ทราบว่า ยังอยู่ในพื้นที่ไปไหนได้ไม่ไกล และยังไม่มีการประสานเข้ามอบตัว ส่วนตำรวจ 2 นายที่จับกุม ยังให้การปฏิเสธ
พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ ผบก.น.5 เปิดเผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ร.ต.ท.วิรัตน์ กับ ร.ต.ท.อัครเนตร รอง สวป.ลุมพินี ทำหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สน.ลุมพินี สองผู้ต้องหายังคงหลบหนีอยู่ ไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัวอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.5 และ สน.ลุมพินี แบ่งหน้าที่กันทำงานในการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน โดยให้ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ลงพื้นที่หาข่าวในพื้นที่ กทม.ส่วน กก.สส.บก.น.5 นั้นให้ลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องรอบพื้นที่ กทม.และตามต่างจังหวัด
พล.ต.ต.สืบศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้ต้องหาทั้งคู่หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจาก ร.ต.ท.วิรัตน์ มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ภาคใต้นั้น ข้อมูลยังไม่แน่ชัด กำลังหาข่าวอยู่ อย่างไรก็ตามได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวทั้งคู่มาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังสั่งกำชับพนักงานสอบสวน ให้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทั้งภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว รวมถึงคำให้การของพยานทุกปาก เพื่อให้สำนวนมีความแน่นหนามากที่สุด ซึ่งขณะนี้เกือบสมบูรณ์แล้ว โดยขณะนี้ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมทั้งสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมี พ.ต.อ.สมนึก น้อยคง รอง ผบก.น.5 เป็นประธานคณะทำงาน รวมทั้งสั่งสอบสวนไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ควบคู่กันไปด้วยว่าได้สอดส่องดูแลความประพฤติของลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองหรือไม่.
ด้าน ร.ต.ท.สุรเชษฐ์ นามกันยา พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ควบคุมตัว ด.ต.สถิตย์ จันทร์โสม จ.ส.ต.ภูริทัศ ชื่นจำปา ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ และนายมูฮิดดีน ชาริปอฟ ชาวอุซเบกิสถาน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและร่วมกันเรียกค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 24 ส.ค.-4 ก.ย. พร้อมยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
โดยคำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาพร้อมพวกที่ยังหลบหนีอยู่ได้ร่วมกันจับตัวสถาปนิก และวิศวกรชาวอิตาลี 2 คน ไปขังไว้ที่โรงแรมสวัสดี ซอยสุขุมวิท 57 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เพื่อให้ญาตินำเงินมาจ่ายค่าไถ่ตัว จำนวน 2 ล้านบาท แต่กระทำไม่สำเร็จเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบเสียก่อน จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลพิจารณาคำร้องแล้วจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมา ทางญาติของผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว จึงนำผู้ต้องหาไปคุมขังที่เรือนจำต่อไป.
วานนี้ (25 ส.ค.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น.กล่าวถึงการติดตามตัว ร.ต.ท.วิรัตน์ อินทร์ยอด และ ร.ต.ท.อัครเนตร มุฑาวัน รอง สวป.สน.ลุมพินี ที่ถูกออกหมายจับคดีอุ้มรีดเงินต่างชาติว่า อย่าได้คิดหลบหนี ถ้ากระทำความผิดจริง ควรจะมามอบตัวสู้คดีดีกว่า ถ้าเป็นลูกผู้ชายพอ เมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับผิด ขอให้เข้ามามอบตัวโดยเร็ว
รอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า คดีนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตกเป็นผู้ต้องหา 4 นาย ร่วมกับพลเรือนชาวอุซเบกิสถาน ก่อเหตุอุ้มสถาปนิกและวิศวกรชาวอิตาลี 2 คน ไปรีดเงินค่าไถ่จำนวน 2 ล้านบาท โดยยัดข้อหาชาวอิตาลีใช้บัตรปลอมกดเงิน เบื้องต้นจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นตำรวจได้ 2 นาย คือ ด.ต.สถิตย์ จันทร์โสม สน.ทองหล่อ และ จ.ส.ต.ภูริพัศ ชื่นจำปา สน.ทองหล่อ ส่วนอีก 2 คนยังหลบหนี ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ทุก บก.เร่งรัดติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ เพราะทำให้ชื่อเสียงของข้าราชการตำรวจเสื่อมเสีย โดยขณะนี้ทราบว่า ยังอยู่ในพื้นที่ไปไหนได้ไม่ไกล และยังไม่มีการประสานเข้ามอบตัว ส่วนตำรวจ 2 นายที่จับกุม ยังให้การปฏิเสธ
พล.ต.ต.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ ผบก.น.5 เปิดเผยความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ร.ต.ท.วิรัตน์ กับ ร.ต.ท.อัครเนตร รอง สวป.ลุมพินี ทำหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติด สน.ลุมพินี สองผู้ต้องหายังคงหลบหนีอยู่ ไม่มีการติดต่อขอเข้ามอบตัวอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กก.สส.บก.น.5 และ สน.ลุมพินี แบ่งหน้าที่กันทำงานในการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคน โดยให้ฝ่ายสืบสวน สน.ลุมพินี ลงพื้นที่หาข่าวในพื้นที่ กทม.ส่วน กก.สส.บก.น.5 นั้นให้ลงพื้นที่ติดตามจับกุมตัวผู้ต้องรอบพื้นที่ กทม.และตามต่างจังหวัด
พล.ต.ต.สืบศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าผู้ต้องหาทั้งคู่หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจาก ร.ต.ท.วิรัตน์ มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ภาคใต้นั้น ข้อมูลยังไม่แน่ชัด กำลังหาข่าวอยู่ อย่างไรก็ตามได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวทั้งคู่มาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด นอกจากนี้ยังสั่งกำชับพนักงานสอบสวน ให้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานทั้งภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหว รวมถึงคำให้การของพยานทุกปาก เพื่อให้สำนวนมีความแน่นหนามากที่สุด ซึ่งขณะนี้เกือบสมบูรณ์แล้ว โดยขณะนี้ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมทั้งสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมี พ.ต.อ.สมนึก น้อยคง รอง ผบก.น.5 เป็นประธานคณะทำงาน รวมทั้งสั่งสอบสวนไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ควบคู่กันไปด้วยว่าได้สอดส่องดูแลความประพฤติของลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองหรือไม่.
ด้าน ร.ต.ท.สุรเชษฐ์ นามกันยา พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ควบคุมตัว ด.ต.สถิตย์ จันทร์โสม จ.ส.ต.ภูริทัศ ชื่นจำปา ผบ.หมู่ ป.สน.ทองหล่อ และนายมูฮิดดีน ชาริปอฟ ชาวอุซเบกิสถาน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและร่วมกันเรียกค่าไถ่โดยหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง ไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ ฝากขังผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ระหว่างวันที่ 24 ส.ค.-4 ก.ย. พร้อมยื่นคำร้องคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน
โดยคำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาพร้อมพวกที่ยังหลบหนีอยู่ได้ร่วมกันจับตัวสถาปนิก และวิศวกรชาวอิตาลี 2 คน ไปขังไว้ที่โรงแรมสวัสดี ซอยสุขุมวิท 57 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา เพื่อให้ญาตินำเงินมาจ่ายค่าไถ่ตัว จำนวน 2 ล้านบาท แต่กระทำไม่สำเร็จเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบเสียก่อน จนกระทั่งสามารถติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาลพิจารณาคำร้องแล้วจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมา ทางญาติของผู้ต้องหาได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว แต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัว จึงนำผู้ต้องหาไปคุมขังที่เรือนจำต่อไป.