สาวอุซเบกิสถาน ที่อ้างรูปถ่ายหน้าพาสปอร์ตเหยื่อหนุ่มอุซเบฯฆ่าหั่นศพยัดใส่กระเป๋าโยนลงคลองเป็นรูปถ่ายตนเอง เบี้ยวตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ไม่เดินทางมาตรวจสอบวีซ่าและพาสปอร์ตยังสถานทูตอุซเบกิสถาน ด้าน รอง ผกก.สส.สน.พระโขนง ยันผู้ตายเป็นแฟนสาวผู้ต้องหาจริง หลังตรวจสอบพยานหลักฐานทั้งหมดยืนยันชัดไม่ผิดตัว ตั้งข้อสังเกตพาสปอร์ตคนใดคนหนึ่งปลอม!
จากกรณี น.ส.มุนิโนวา นิโกลา อายุ 22 ปี สัญชาติอุซเบกิสถาน เข้าพบตำรวจท่องเที่ยว สถานีตำรวจท่องเที่ยวพัทยา ให้ช่วยตรวจสอบกรณีที่ปรากฏภาพหนังสือเดินทางของ น.ส.ไลลา นิลูฟา อายุ 24 ปี ที่ถูกนายโซบิยอน โซบิรอฟ อายุ 23 ปี แฟนหนุ่มสัญชาติเดียวกันฆ่ายัดใส่กระเป๋าเดินทาง ก่อนโยนทิ้งคลองพระโขนง โดย น.ส.มุนิโนวา อ้างว่ารูปที่ติดอยู่บนหนังสือเดินทางของ น.ส.ไลลา เป็นรูปของตนตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
วันนี้ (30 ส.ค.) พ.ต.ท.อรุณ พร้อมพันธุ์ สว.ส.ทท.4 (ชลบุรี) กล่าวว่า หลังรับแจ้งจาก น.ส.มุนิโนวา นิโกลา อายุ 22 ปี ตำรวจท่องเที่ยวได้ประสานไปยังพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง รวมทั้งประสานกับสถานเอกอัครราชทูตอุซเบกิสถาน เพื่อให้ น.ส.มุนิโนวา นำหลักฐานต่างๆ ไปตรวจสอบ โดยนัดน.ส.มุนิโนวา เพื่อเดินทางไปยังสถานทูตในวันนี้ แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลานัด น.ส.มุนิโนวา ไม่มาตามที่นัดหมาย และไม่สามารถติดต่อเจ้าตัวได้ ซึ่งกรณีนี้ตำรวจท่องเที่ยวได้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อเจ้าตัวไม่มาก็ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ต้องรอการติดต่อจาก น.ส.มุนิโนวา เพราะการตรวจสอบต่างๆ เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่เกิดเหตุ ตำรวจท่องเที่ยวทำได้เพียงช่วยอำนวยความสะดวก รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ด้าน พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ ครองบุญ รอง ผกก.สส.สน.พระโขนง ให้สัมภาษณ์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ทางโทรศัพท์ว่า วันนี้ตนและพนักงานสอบสวนรอ น.ส.มุนิโนวา นิโกลา มาตลอดทั้งวัน เนื่องจากเห็นเป็นคดีสำคัญ หลังจากทราบว่า น.ส.มุนิโนวา ออกมายืนยันกับตำรวจท่องเที่ยวเมืองพัทยาว่ารูปถ่ายในพาสปอร์ตผู้เสียชีวิตเป็นรูปถ่ายของตนเอง และจะเดินทางมาตรวจสอบเอกสารวีซ่าและพาสปอร์ตที่สถานเอกอัครราชทูตอุซเบกิสถาน แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้อย่างไร
“อย่างไรก็ตามตนได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนค้นหาข้อมูลย้อนหลังของผู้เสียชีวิตอย่างละเอียดแล้ว มีความเป็นไปได้น้อยมาก ถ้าแทบจะไม่มีเลย เนื่องจากตรวจสอบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับ น.ส.ไลลา นิลูฟา ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย เฟซบุ๊ก, อินสตาแกรม และอีเมลต่างๆ มีภาพถ่ายของผู้เสียชีวิตขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ปรากฏเป็นหลักฐานเทียบเคียงกับใบหน้าของศพที่ถูกฆาตกรรมหั่นศพใส่กระเป๋าเดินทาง และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับที่ผู้ตายสวมใส่อยู่ ตรงกันกับสภาพศพผู้เสียชีวิตที่พบเจอ” พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ กล่าวยืนยัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความมั่นใจมากน้อยเพียงใด พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ กล่าวว่าค่อนข้างชัวร์ แต่ถึงอย่างไรก็อยากให้ น.ส.มุนิโนวา ออกมาแสดงตนและยืนยันกับทางสถานทูตด้วยเช่นกัน ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจ ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่า น.ส.มุนิโนวา ออกมาระบุว่ารูปถ่ายในพาสปอร์ตผู้ตายเป็นรูปถ่ายของตนเองเพื่อจุดประสงค์อะไร ทำเพื่อต้องการอะไร มีใครบงการอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะจากการตรวจสอบพบว่าแม่ของนายโซบิยอน โซบิรอฟ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ได้ย้ายออกจากห้องพักที่เกิดเหตุทันทีแล้วไปพักอาศัยอยู่ที่พัทยาด้วยเช่นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ารูปถ่ายในพาสปอร์ตผู้เสียชีวิตตรงกับเอกลักษณ์บุคคลของสภาพศพ และพยานหลักฐานที่ตรวจสอบพบหรือไม่ พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ กล่าวว่าตรงกัน แต่เนื่องจากหลักฐานพาสปอร์ตที่เราพบในห้องที่เกิดเหตุของผู้เสียชีวิตเป็นเพียงสำเนาเท่านั้น เรายังติดตามค้นหาพาสปอร์ตตัวจริงของผู้เสียชีวิตไม่พบ ดังนั้นถ้ามีการยืนยันหลักฐานจากทางสถานทูตอุซเบกิสถาน ก็จะทำให้สืบสวนได้ว่า 2 คนนี้ ไม่ใครใดก็คนหนึ่งจะต้องมีการปลอมแปลงพาสปอร์ต
พ.ต.ท.คัชชเขตฏ์ กล่าวด้วยว่า คดีนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน เรื่องปลอมแปลงพาสปอร์ต เรื่องหนึ่ง และศพผู้เสียชีวิตที่ถูกฆาตกรรมเป็น น.ส.ไลลา นิลูฟา จริงหรือไม่ ส่วนแรกคงต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน ส่วนเรื่องจะเป็นศพ น.ส.ไลลา ที่ถูกฆาตกรรมจริงหรือไม่นั้น ค่อนข้างแน่ชัดว่าผู้ตายคือ น.ส.ไลลา แฟนสาวของผู้ต้องหาจริง เพราะหลักฐานบ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นคนเดียว อีกทั้งพี่สะใภ้ น.ส.ไลลา ก็เดินทางมาดูสภาพศพด้วยตนเองยืนยันว่าใช่อย่างแน่นอน อีกทั้งการตรวจสอบตราประทับในพาสปอร์ต พบผู้ตายเดินทางไปพักที่ จ.จันทบุรี มาก่อน จากนั้นค่อยเดินทางมาพักที่ราชาแมนชั่น ในซอยสุขุมวิท ซอย 4 ก่อนจะย้ายเข้ามาพักที่ห้องเกิดเหตุในซอยสุขุมวิท 71 พยานแวดล้อมพยานบุคคลยืนยัน น.ส.ไลลา เดินทางมาพักก่อนเสียชีวิต
