ASTVผู้จัดการรายวัน- บิ๊กศุภาลัยฯเผยยอดปฏิเสธสินเชื่อบ้านแนวราบเพิ่ม คาดสาเหตุหนี้ครัวเรือนพุ่ง แถม เศรษฐกิจชะลอตัว ฉุดกำลังซื้อหด ขณะที่ตลาดคอนโดฯ รถคันแรกทำลูกค้าหาย เร่งขยายคอนโดฯเกาะแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย ล่าสุดเปิดตัว ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สถานีพระนั่งเกล้า มูลค่า 1,750 ล้านบาท กวาดยอดขายแล้ว 400 ล้านบาทจากลูกค้าเก่า ด้านผู้บริหารออริจิ้นฯ
ยอมรับลูกค้าที่กู้ซื้อคอนโดฯใหม่อาจจะยากขึ้น
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องมีความระมัดระวัง ในการลงทุน โดยการเปิดโครงการใหม่จะต้องดูความเหมาะสมทั้งด้านเศรษฐกิจและปัจจัยการเมือง
โดยจะเห็นได้จากการเปิดตัวโครงการใหม่
สำหรับศุภาลัยไม่ได้ชะลอการลงทุนแต่อย่างใด พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการตามแผนที่วางเอาไว้อีก 16 โครงการ มูลค่ามากกว่า 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ส่วนบ้านแนวราบ 12 โครงการมูลค่าประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากเกิดความผิดปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง
หรือเศรษฐกิจตกต่ำเกิดขึ้นบริษัทก็จะพิจารณาการลงทุนใหม่ตามภาวะตลาด
" ในส่วนของผู้บิโภคได้รับผลกระทบจากการมีหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากหนี้บัตรเครดิต จากรถยนต์คันแรก ซึ่งลูกค้าบางส่วนไม่สามรถผ่อนรถได้ ทำให้กลุ่มนี้ซื้อบ้านไม่ได้ เพราะไม่สามารถผ่อนทั้งบ้านและรถได้ในเวลาเดียวกัน บางรายผ่อนไม่ไหวกลายเป็นหนี้ ต้องใช้เวลา 2-3 ปี กว่าจะถูกลบออกจากแบล็คลิส
รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากราคาหุ้นผันผวน"
นอกจากนี้ ยังพบว่าลูกค้าบางส่วนโดยเฉพาะที่ซื้อโครงการแนวราบมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยมาจากหลายสาเหตุ ทั้งมีเงินก้อนสำหรับวางดาวน์ไม่เพียงพอ ได้รับวงเงินสินเชื่อน้อยลง เนื่องจากการสร้างบ้านเดี่ยวเสร็จเร็วระยะเวลาจองและทำสัญญาสั้น ลูกค้ามีเวลาเตรียมด้านการเงินน้อย ไม่มีเวลาผ่อนดาวน์น้อย ซึ่งโดยภาพรวมมียอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 20%
สำหรับโครงการแนวราบ โดยในส่วนของศุภาลัยมียอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 10% จากเดิมอยู่ที่ 7% ส่วนคอนโดมิเนียมยอดปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เก็บเงินดาวน์ตั้งแต่ 15-25 % ขึ้นอยู่กับโครงการ และทำเล บริษัทจะมีการนัดลูกค้าเพื่อตรวจความพร้อมขอสินเชื่อ (พรีแอพพรูฟ) ให้ก่อนที่จะโอน 3 เดือน
เพื่อที่ลูกค้าจะได้เตรียมเงินสำหรับโอนห้องชุด
นายอธิป กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผู้บริโภคนิยมซื้อคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากปัญหาการจรจรติดขัด ราคาน้ำมันแพง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนเกาะไปกับแนวรถไฟฟ้าทั้งสายเก่าและส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะโครงการที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงบางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ตั้งแต่สถานนีบางซื่อไปจนถึงสะพานพระนั่งเกล้า
ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 35 โครงการ เป็นโครงการของศุภาลัย 5 โครงการ ซึ่งแต่ละโครงการมียอดขายเฉลี่ย 80% โดยสถานีที่มีการพัฒนาโครงการมากคือ ย่านรัตนาธิเบศน์ ติวานนท์ กรุงเทพนนท์-บางซื่อ ราคาขายเฉลี่ย 40,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ยังพบว่าราคาที่ดินปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา 15-20% ตารางวาละ 150,000-200,000 บาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทสนใจที่จะลงทุนพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเกือบทุกเส้นทาง โดยได้ศึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น สายสีชมพู สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายสายสีเขียว เพื่อรอพัฒนาโครงการในระยะต่อไป
ล่าสุดบริษัทได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียม “ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สถานีพระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา” ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีพระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา จำนวน 733 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,750 ล้านบาท ที่ผ่านมาได้เปิดให้ลูกค้าเก่าจองล่วงหน้ามียอดขายแล้ว 180 ยูนิตมูลค่า 400 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของยอดขาย และจะเปิดให้ลุกค้าทั่วไปจองอย่างเป็นทางการวันที่
21-22 กันยายนนี้
***"ออริจิ้นฯ"ชี้ลูกค้ารายใหม่กู้ยากขึ้น
นายพีระพงศ์ จรูญเอก กรรมการบริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาคอนโดฯเกาะแนวรถไฟฟ้าโซนสุขุมวิทตอนปลาย กล่าวว่าในส่วนของลูกค้าที่ซื้อโครงการคอนโดฯของบริษัทฯนั้น ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ ลูกค้าที่อยู่ระหว่างการโอนนั้น สัดส่วนการกู้ไม่ผ่านมีประมาณไม่มากประมาณ 2-3 % ขณะที่ในระบบมีมากกว่า 10% แต่หากเป็นลูกค้าที่เริ่มซื้อคอนโดฯใหม่(พรีเซล) ตรงนี้จะยากขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีภาระในด้านค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ก็ช่วยคัดกรองลูกค้าของโครงการแม้การซื้อจะช้าไปบ้าง อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ยอดปฏิเสธสินเชื่อของโครงการไม่มาก เพราะมีเป้าหมายลูกค้าที่ชัดเจนที่เน้นกลุ่มคนทำงานในพื้นที่จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะมีโรงงานและธุรกิจที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรม กลุ่มนี้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย มีกำลังซื้อสูงรองจากกรุงเทพฯ โดยจีดีพีในจ.สมุทรปราการมีประมาณ 7 แสนล้านบาท ซึ่งลูกค้าที่เกี่ยวกับอุตฯทางโครงการจะมีสัดส่วนประมาณ 70%
ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่ทำงานในสำนักงานมีสัดส่วน 30% อาทิเช่น โซนเพลินจิตถึงอโศก มีเครดิตเยอะ ถือบัตรเครดิตหลายใบ ทำให้เกิดรายจ่ายค่อนข้างมาก ซึ่งกลุ่มดังกล่าวอาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะชะลอตัวลงฃ
"การปรับตัวของเรา คงต้องหาทำเลใหม่ ทำเลที่เวอร์จิ้น แอเรียล ที่ไม่ค่อยมีคู่แข่ง แต่มีศักยภาพ ซึ่งโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ ไนท์บริดจ์ สกาย ริเวอร์ โอเชี่ยน ที่เปิดตัวคอนโดฯหรูกลางเมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เกาะแนวรถไฟฟ้าและใกล้กับสถานีสมุทรปราการ มองเห็นวิวของเมือง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะพัฒนาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่
ขณะที่ราคาเสนอขายต่อตร.ม.ประมาณ 70,000 บาท หรือราคาเริ่มต้นต่อขนาดยูนิต 25 ตร.ม.จะอยู่ที่ 1.79 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเปิดพรีเซลเดือนต.ค. คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ใน 6 เดือนข้างหน้า"
***ดึงญี่ปุ่นร่วมทุนลุยคอนโดฯกลางเมือง
นอกจากนี้ ทางบริษัทกำลังเจรจากับบริษัทอสังหาฯและรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯใจกลางเมือง ซึ่งจะเป็นแผนที่จะแล้วเสร็จก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ ได้ที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)แล้ว และน่าจะเข้ากระจายหุ้นได้ประมาณธ.ค. 57 หรือต้นปี 58 ทั้งนี้ แผนการเข้าตลาด MAI
จะทำให้บริษัทมีเงินเพิ่มทุนก้อนใหญ่ประมาณ 2,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการคอนโดฯหรูระดับพรีเมียมได้อย่างต่อเนื่อง.
ยอมรับลูกค้าที่กู้ซื้อคอนโดฯใหม่อาจจะยากขึ้น
นายอธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้ยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องมีความระมัดระวัง ในการลงทุน โดยการเปิดโครงการใหม่จะต้องดูความเหมาะสมทั้งด้านเศรษฐกิจและปัจจัยการเมือง
โดยจะเห็นได้จากการเปิดตัวโครงการใหม่
สำหรับศุภาลัยไม่ได้ชะลอการลงทุนแต่อย่างใด พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการตามแผนที่วางเอาไว้อีก 16 โครงการ มูลค่ามากกว่า 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการมูลค่ารวม 6,000 ล้านบาท ส่วนบ้านแนวราบ 12 โครงการมูลค่าประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากเกิดความผิดปกติไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง
หรือเศรษฐกิจตกต่ำเกิดขึ้นบริษัทก็จะพิจารณาการลงทุนใหม่ตามภาวะตลาด
" ในส่วนของผู้บิโภคได้รับผลกระทบจากการมีหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากหนี้บัตรเครดิต จากรถยนต์คันแรก ซึ่งลูกค้าบางส่วนไม่สามรถผ่อนรถได้ ทำให้กลุ่มนี้ซื้อบ้านไม่ได้ เพราะไม่สามารถผ่อนทั้งบ้านและรถได้ในเวลาเดียวกัน บางรายผ่อนไม่ไหวกลายเป็นหนี้ ต้องใช้เวลา 2-3 ปี กว่าจะถูกลบออกจากแบล็คลิส
รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนในตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากราคาหุ้นผันผวน"
นอกจากนี้ ยังพบว่าลูกค้าบางส่วนโดยเฉพาะที่ซื้อโครงการแนวราบมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยมาจากหลายสาเหตุ ทั้งมีเงินก้อนสำหรับวางดาวน์ไม่เพียงพอ ได้รับวงเงินสินเชื่อน้อยลง เนื่องจากการสร้างบ้านเดี่ยวเสร็จเร็วระยะเวลาจองและทำสัญญาสั้น ลูกค้ามีเวลาเตรียมด้านการเงินน้อย ไม่มีเวลาผ่อนดาวน์น้อย ซึ่งโดยภาพรวมมียอดปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ประมาณ 20%
สำหรับโครงการแนวราบ โดยในส่วนของศุภาลัยมียอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 10% จากเดิมอยู่ที่ 7% ส่วนคอนโดมิเนียมยอดปฏิเสธสินเชื่อยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้เก็บเงินดาวน์ตั้งแต่ 15-25 % ขึ้นอยู่กับโครงการ และทำเล บริษัทจะมีการนัดลูกค้าเพื่อตรวจความพร้อมขอสินเชื่อ (พรีแอพพรูฟ) ให้ก่อนที่จะโอน 3 เดือน
เพื่อที่ลูกค้าจะได้เตรียมเงินสำหรับโอนห้องชุด
นายอธิป กล่าวต่อว่า ปัจจุบันผู้บริโภคนิยมซื้อคอนโดฯตามแนวรถไฟฟ้ามากขึ้น เนื่องจากปัญหาการจรจรติดขัด ราคาน้ำมันแพง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนเกาะไปกับแนวรถไฟฟ้าทั้งสายเก่าและส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะโครงการที่มีการก่อสร้างแล้วเสร็จ เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วงบางใหญ่-บางซื่อ ซึ่งจากการสำรวจพบว่า ตั้งแต่สถานนีบางซื่อไปจนถึงสะพานพระนั่งเกล้า
ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์กว่า 35 โครงการ เป็นโครงการของศุภาลัย 5 โครงการ ซึ่งแต่ละโครงการมียอดขายเฉลี่ย 80% โดยสถานีที่มีการพัฒนาโครงการมากคือ ย่านรัตนาธิเบศน์ ติวานนท์ กรุงเทพนนท์-บางซื่อ ราคาขายเฉลี่ย 40,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร นอกจากนี้ยังพบว่าราคาที่ดินปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา 15-20% ตารางวาละ 150,000-200,000 บาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทสนใจที่จะลงทุนพัฒนาโครงการตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายเกือบทุกเส้นทาง โดยได้ศึกษาโครงการรถไฟฟ้าสายอื่น เช่น สายสีชมพู สายสีน้ำเงิน ส่วนต่อขยายสายสีเขียว เพื่อรอพัฒนาโครงการในระยะต่อไป
ล่าสุดบริษัทได้เปิดโครงการคอนโดมิเนียม “ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท สถานีพระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา” ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีพระนั่งเกล้า-เจ้าพระยา จำนวน 733 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,750 ล้านบาท ที่ผ่านมาได้เปิดให้ลูกค้าเก่าจองล่วงหน้ามียอดขายแล้ว 180 ยูนิตมูลค่า 400 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของยอดขาย และจะเปิดให้ลุกค้าทั่วไปจองอย่างเป็นทางการวันที่
21-22 กันยายนนี้
***"ออริจิ้นฯ"ชี้ลูกค้ารายใหม่กู้ยากขึ้น
นายพีระพงศ์ จรูญเอก กรรมการบริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาคอนโดฯเกาะแนวรถไฟฟ้าโซนสุขุมวิทตอนปลาย กล่าวว่าในส่วนของลูกค้าที่ซื้อโครงการคอนโดฯของบริษัทฯนั้น ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ ลูกค้าที่อยู่ระหว่างการโอนนั้น สัดส่วนการกู้ไม่ผ่านมีประมาณไม่มากประมาณ 2-3 % ขณะที่ในระบบมีมากกว่า 10% แต่หากเป็นลูกค้าที่เริ่มซื้อคอนโดฯใหม่(พรีเซล) ตรงนี้จะยากขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีภาระในด้านค่าใช้จ่ายที่สูง แต่ก็ช่วยคัดกรองลูกค้าของโครงการแม้การซื้อจะช้าไปบ้าง อย่างไรก็ตามสาเหตุที่ยอดปฏิเสธสินเชื่อของโครงการไม่มาก เพราะมีเป้าหมายลูกค้าที่ชัดเจนที่เน้นกลุ่มคนทำงานในพื้นที่จ.สมุทรปราการ ซึ่งจะมีโรงงานและธุรกิจที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรม กลุ่มนี้มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัย มีกำลังซื้อสูงรองจากกรุงเทพฯ โดยจีดีพีในจ.สมุทรปราการมีประมาณ 7 แสนล้านบาท ซึ่งลูกค้าที่เกี่ยวกับอุตฯทางโครงการจะมีสัดส่วนประมาณ 70%
ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่ทำงานในสำนักงานมีสัดส่วน 30% อาทิเช่น โซนเพลินจิตถึงอโศก มีเครดิตเยอะ ถือบัตรเครดิตหลายใบ ทำให้เกิดรายจ่ายค่อนข้างมาก ซึ่งกลุ่มดังกล่าวอาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่อาจจะชะลอตัวลงฃ
"การปรับตัวของเรา คงต้องหาทำเลใหม่ ทำเลที่เวอร์จิ้น แอเรียล ที่ไม่ค่อยมีคู่แข่ง แต่มีศักยภาพ ซึ่งโครงการใหม่ ภายใต้ชื่อ ไนท์บริดจ์ สกาย ริเวอร์ โอเชี่ยน ที่เปิดตัวคอนโดฯหรูกลางเมืองปากน้ำ จ.สมุทรปราการ มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท เกาะแนวรถไฟฟ้าและใกล้กับสถานีสมุทรปราการ มองเห็นวิวของเมือง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจะพัฒนาเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่
ขณะที่ราคาเสนอขายต่อตร.ม.ประมาณ 70,000 บาท หรือราคาเริ่มต้นต่อขนาดยูนิต 25 ตร.ม.จะอยู่ที่ 1.79 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเปิดพรีเซลเดือนต.ค. คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ใน 6 เดือนข้างหน้า"
***ดึงญี่ปุ่นร่วมทุนลุยคอนโดฯกลางเมือง
นอกจากนี้ ทางบริษัทกำลังเจรจากับบริษัทอสังหาฯและรับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดฯใจกลางเมือง ซึ่งจะเป็นแผนที่จะแล้วเสร็จก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้ ได้ที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)แล้ว และน่าจะเข้ากระจายหุ้นได้ประมาณธ.ค. 57 หรือต้นปี 58 ทั้งนี้ แผนการเข้าตลาด MAI
จะทำให้บริษัทมีเงินเพิ่มทุนก้อนใหญ่ประมาณ 2,500 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการคอนโดฯหรูระดับพรีเมียมได้อย่างต่อเนื่อง.